หากพูดถึง Sunday Brunch หรือการทานอาหารมื้อสาย เที่ยง บ่าย ของวันอาทิตย์แล้ว หลายๆ คนอาจจะนึกภาพของการไปทานอาหารในโรงแรมที่มีการติดแอร์เย็นฉ่ำ มีไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ยาวๆ และก็มีพระเอกของไลน์อาหารคือ Seafood on ice ใช่มั้ยครับ?

แต่สำหรับวันนี้ ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับอีกหนึ่งไลน์บุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch ที่มีความแตกต่างกับที่ผมกล่าวมาข้างต้น โดยไลน์บุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch ของที่นี่จะเน้นที่บรรยากาศริมทะเลที่เย็นสบาย การนั่งกินอาหารในที่ที่ได้เห็นทะเลใกล้ๆ ได้มีลมเย็นๆ และกลิ่นของทะเลมาสัมผัสร่างกาย ส่วนของประเภทอาหารที่เราจะได้ทานนั้นก็จะเป็นอาหารที่มีการปรุงสุกใหม่ๆ จากครัวเป็นหลัก ไม่ได้เป็นการเดินไปตักอาหารที่ถูกจัดวางไว้อยู่ในไลน์เหมือนกับหลายๆ ที่ครับ

เป็นยังไงล่ะครับ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็เริ่มอยากจะรู้รายละเอียดหรือเห็นหน้าตาอาหารของที่นี่แล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตามผมไปนั่งกินอาหารในบรรยากาศสบายๆ ริมทะเลกันที่ห้องอาหาร Beach Society (บีช โซไซตี้) โรงแรม SO Sofitel Hua Hin (โซ โซฟิเทล หัวหิน) กันได้เลยครับ!!

Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ

สำหรับห้องอาหาร Beach Society นั้นเป็นหนึ่งในห้องอาหารของโรงแรม SO Sofitel Hua Hin โดยจะเป็นห้องอาหารที่มีลักษณะเปิดโล่ง คือ มีหลังคากันแดด แต่ไม่ได้มีการกั้นห้องติดแอร์ ดังนั้นเวลาที่เรามาทานอาหารที่ห้องอาหารแห่งนี้ เราก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศรอบข้างอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะทะเลที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมครับ

ในเรื่องความจุโดยประมาณของห้องอาหารแห่งนี้ จากที่ผมกะด้วยสายตาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 คน โดยจะแบ่งเป็นที่นั่งที่มีหลังคาประมาณ 25 คน และที่นั่งกลางแจ้งที่ไม่มีหลังคาอีกประมาณ 30 คน ซึ่งที่นั่งแบบไม่มีหลังคาหรือ outdoor เนี่ย น่าจะเหมาะกับการนั่งทานอาหารในช่วงเย็นๆ จนถึงหัวค่ำมากกว่าครับ ส่วนใครที่ไปทานอาหารในช่วงตอนกลางวัน ผมแนะนำว่าให้นั่งในร่มจะดีที่สุด บรรยากาศกำลังดี ไม่ได้ร้อนมากเพราะเราจะได้ลมจากทะเลมาเป็นระยะๆ

ส่วนเวลาในการเปิดบริการของห้องอาหารแห่งนี้ก็คือตั้งแต่ 11.00 น. จนถึง 22.00 น. นั่นก็คือเราสามารถที่จะนั่งทานอาหารที่นี่ได้ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น และนอกจากนี้ในทุกๆ วันอาทิตย์ที่ห้องอาหารแห่งนี้ก็ยังมี Sunday Brunch ไว้คอยบริการอีกด้วยครับ ซึ่งการมาใช้บริการที่ห้องอาหารแห่งนี้ ทางโรงแรมก็ไม่ได้มีการจำกัดว่าต้องเป็นแขกที่เข้าพักในโรงแรมเท่านั้น โดยคนที่ไม่ได้พักที่ SO Sofitel Hua Hin แต่อยากจะลองเข้ามาชิมอาหาร หรือเข้ามาสัมผัสความสวยงามของโรงแรมแห่งนี้ก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้เลย ใครที่เดินทางมาที่โรงแรมไม่ถูกก็จิ้ม Google Map หรือดูแผนที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

เอาล่ะ คราวนี้เรามาดูรายละเอียด Sunday Brunch ของ Beach Society โรงแรม SO Sofitel Hua Hin กันดีกว่าว่ามันมีดียังไง แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร ทำไมผมถึงบอกทุกคนว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าลองครับ

เริ่มจากอย่างแรกเลยก็คือเรื่องของราคา ราคาอาหารของ Sunday Brunch ที่ Beach Society สำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 990 บาท/คน net โดยราคานี้จะรวมเครื่องดื่มให้ 1 แก้วไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนใครที่อยากจะทานเป็น Free Flow ที่สามารถเติมเครื่องดื่มได้ไม่อั้น ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 700 บาท/คน net ครับ

หมายเหตุ : ราคาสำหรับเด็กในการทาน Sunday Brunch ที่ Beach Society จะอยู่ที่ 495 บาท/คน net

ส่วนระยะเวลาในการทานอาหารนั้นจะสามารถเริ่มทานได้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. จนถึง 16.00 น. หรือประมาณ 4 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งสำหรับแขกท่านใดที่เข้าพักที่ SO Sofitel Hua Hin และต้อง Check Out ในวันอาทิตย์ หากคุณเลือกใช้บริการ Sunday Brunch คุณก็จะสามารถขอ Late Check Out ได้จนถึง 16.00 น. เลย ซึ่งเป็นอะไรที่ผมว่าดีมากๆ นะครับ ใครที่อยากจะพักผ่อนชิลๆ นั่งเล่นอยู่ที่โรงแรมยาวๆ ก็สามารถเลือกใช้บริการนี้ได้เลย

และนี่ก็คือหน้าตาของเมนูอาหารที่เราจะสามารถทานได้ในมื้อ Sunday Brunch โดย Sunday Brunch ของที่นี่จะไม่ได้มีการเซ็ตเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ยาวๆ ไว้ แต่จะเลือกใช้วิธีการให้เราสั่งจากเมนูแล้วทางห้องอาหารปรุงสุกมาเสิร์ฟใหม่แทน ดังนั้นถ้าใครไปที่ห้องอาหารแล้วไม่เจอไลน์บุฟเฟ่ต์ตั้งอยู่ก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ ><

เมนูอาหารที่เราสามารถสั่งได้จะมีประมาณ 20 อย่าง โดยเค้าจะแยกเป็นหมวดๆ และใช้ชื่อเก๋ๆ อย่าง Welcome platter, Fresh start, Our favorite, Not to be missed, Beach sides, Sweet แล้วก็ Drink ซึ่งภาพเมนูด้านบนนี้จะเป็นเมนูเมื่อเดือนเมษายน 2561 โดย ณ วันที่ผมไปนั้น ทางห้องอาหารแจ้งว่าเค้าจะมีการเพิ่มรายการอาหารเข้าไปใหม่อีก 3-4 รายการ ซึ่งผมเองก็ได้มีโอกาสชิมในวันนั้นด้วย และเดี๋ยวผมจะเล่าให้ทุกคนฟังในตอนท้ายๆ ครับว่าแต่ละอย่างหน้าตาเป็นอย่างไร รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง

สำหรับรายการอาหารทั้งหมดที่มีอยู่ในเมนู รวมถึงรายการอาหารใหม่ที่กำลังจะเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ เราจะสามารถสั่งมาทานกี่จานก็ได้ภายในระยะเวลา 4 ชั่วโมงที่เค้าเปิดให้บริการ โดยรายการแรกที่ทุกคนจะได้ทานเหมือนๆ กันนั่นก็คือขนมปังที่ทางห้องอาหารจะนำมาเสิร์ฟให้เราทานเล่นๆ กันก่อน หากใครทานแล้วติดใจอยากทานเพิ่มก็สามารถบอกพนักงานได้ครับ รสชาติของขนมปังนั้นดีเลย อร่อย ประทับใจ และจากที่ผมได้มีโอกาสชิมอาหารที่ SO Sofitel Hua Hin มา 5-6 มื้อ ผมว่าเค้าทำอาหารประเภทขนมปัง, แป้ง และของหวานได้ดีมากๆ เลย

ต่อกันที่รายการที่ 2 จานนี้จะชื่อว่า “The Sunday Brunch Club Welcome Platter” ในจานจะประกอบไปด้วยอาหาร 3 อย่างได้แก่ Tomato Tartin, Calamari with tatar saurce แล้วก็ Scallop on focaccia base หน้าตาอาหารและการจัดวางต่างๆ ดูดีเลย ส่วนในเรื่องของรสชาตินั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเมนูที่ผมประทับใจก็คือ Calamari with tatar saurce ที่ปลาหมึกด้านในสดและใหญ่ใช้ได้ รวมไปถึง Scallop on focaccia base ที่ขนาดของหอยเชลล์ด้านบนนั้นใหญ่และสดมากครับ ใครที่ชอบทานปลาหมึกและหอยเชลล์น่าจะถูกใจ 2 เมนูนี้เหมือนกับผม ส่วนใครที่ชอบทานมะเขือเทศก็น่าจะถูกใจกับเมนู Tomato Tartin ด้วย แต่สำหรับผมไม่ค่อยโดนกับเมนูนี้ซักเท่าไหร่ฮะ ><

ตามมาด้วยสองเมนูในหมวด Fresh start “Roasted Hua Hin Clam” และ “Caesar Salad” โดย Roasted Hua Hin Clam จะมีลักษณะคล้ายๆ กับโรตีแกงเขียวหวาน เพียงแต่แกงเขียวหวานของที่นี่จะเป็นหอย ไม่ใช่ไก่หรือหมูเหมือนกับแกงเขียวหวานปกติครับ

สำหรับรสชาติของแกงเขียวหวานผมว่าอร่อยดีนะครับ แอบเผ็ดเล็กๆ กำลังดี แต่ผมแอบเสียดายที่เค้าใส่น้ำแกงมาน้อยไปหน่อย ส่วนโรตีกรอบที่เสิร์ฟมาคู่กันนั้นก็อร่อยดี แป้งมีความกรอบและเหนียวกำลังดีเลยครับ

ส่วนเมนู Caesar Salad นั้น สอบผ่านทั้งหน้าตาและรสชาติครับ คุณภาพของผักและวัตถุดิบที่นำมาคลุกเคล้ากันนั้นดีเลย ส่วนในเรื่องของปริมาณนั้นโดยส่วนตัวผมว่าแอบเยอะไปนิดนึง คือถ้ากินคนเดียวนี่น่าจะตัดกำลังท้องไปพอควร ควรจะช่วยกันกินซัก 2 คนกำลังดีครับ

เข้าสู่เมนูถัดไป คราวนี้จะเป็นอาหารในหมวด Our favorite แล้วนะครับ โดยในหมวดนี้จะมี 2 รายการก็คือ “Tom Kha Orzo” และ “Hua Hin Squid” สำหรับวันนี้ผมได้ลองทานแค่เมนูเดียวคือ Hua Hin Squid เพราะเมนู Tom Kha Orzo นั้นผมเคยทานในมื้ออื่นก่อนหน้านี้แล้ว

เมนู Hua Hin Squid นั้น จะเป็นปลาหมึกทอดที่มีหน้าตาและรสชาติจะคล้ายๆ กับ Calamari with tatar saurce ที่อยู่ในจานของ The Sunday Brunch Club Welcome Platter คือผมว่ารสชาติและหน้าตานี่คล้ายคลึงกันเกิน 80% ได้เลย ก็เอาเป็นว่าใครที่ชอบทานปลาหมึกทอดแบบนี้ก็สั่งเฉพาะจานนี้มากินเพียวๆ ก็ได้ แต่ถ้าใครอยากกินหลายๆ อย่างก็สั่ง Welcome Platter มาทานจะดีกว่าครับ

ส่วนนี่เป็นหน้าตาของ Tom Kha Orzo ลักษณะจะเป็นพาสต้าที่คลุกเคล้ากับผักแล้วก็โฟมมะพร้าวครับ เมนูนี้ผมได้ลองทานจากมื้ออื่นแล้วก็เลยไม่ได้สั่งมาทานในวันนี้ รสชาติโดยรวมๆ จะไม่เหมือนกับพาสต้าที่เรารู้จัก ออกจะเป็นแนวของทานเล่น เคี้ยวเพลินๆ มันๆ มากกว่า

ใครที่สนใจก็ลองสั่งมาทานดูนะครับ เพราะโดยปกติแล้วเมนูนี้หากสั่งแยกต่างหากในมื้ออื่นก็จะราคา 240 บาท/จาน เลยทีเดียว

ต่อกันที่เมนูอาหารในหมวด Not be missed นะครับ อาหารในหมวดนี้จะมีทั้งหมด 5 รายการ ได้แก่ Hot Bucket, So Beach Burger,  Salmon Florentine, Larb Talay Pizza และ Spaghetti Al Vongole  โดยผมเองได้ลองชิมทุกรายการเลยครับ ><

เริ่มจากรายการแรกกันเลย “Hot Bucket” รายการนี้จะเป็นกระทะร้อนขนาดย่อมๆ ภายในจานที่มาเสิร์ฟจะมีหอย, กุ้ง, ปลาหมึก แล้วก็ข้าวโพดอย่างละนิดอย่างละหน่อย ซึ่งก็ถือว่าทางห้องอาหารจัดขนาดจานมาได้พอดีนะครับ ดูแล้วไม่เยอะจนเกินไป ส่วนในเรื่องรสชาตินั้นผมว่าทั้งความสดและความใหญ่ของหอย, กุ้ง และปลาหมึกอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยนะครับ

เมนูถัดมา “SO Beach Burger” เมนูนี้จะเป็นมินิเบอร์เกอร์ขนาดกำลังพอเหมาะคือไม่เล็กขนาดค็อกเทล แต่ก็ไม่ใหญ่จนถึงขั้นกินชิ้นเดียวแล้วอิ่ม เนื้อด้านในจะเป็นเนื้อวัวแองกัสรวมถึงจะมีการใส่ Cheddar Cheese ด้วย สำหรับเมนูนี้ผมยกให้เป็นสุดยอดเมนูในมื้อนี้ของผมแบบชนิดที่ต้อง Not be missed เลยครับ ใครที่ชอบทานเบอร์เกอร์เนื้อไม่ควรพลาดเลย เนื้อด้านในเบอร์เกอร์ อร่อย นุ่ม และชุ่มดีมาก กัดเข้าไปแล้วฟินสุดๆ แนะนำเป็นพิเศษสำหรับคนทานเนื้อเลยครับ ><

อ้อ ในส่วนของเนื้อขนมปังของเบอร์เกอร์นั้นจะออกแนวกรอบๆ หน่อยนะครับ ไม่ได้นุ่มเหมือนกับหลายๆ ที่ ใครที่ไม่ชอบทานขนมปังแบบนี้ก็ต้องทำใจก่อนจะสั่งนะครับ ส่วนถ้าใครชอบขนมปังแบบนี้อยู่แล้วก็น่าจะฟินเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเลย

ต่อกันที่เมนู Salmon Florentine เมนูนี้จะเป็น Poached Egg ที่มีส่วนประกอบอย่างแซลมอนแล้วก็ผักโขม รสชาติของเมนูนี้อร่อยถูกปากดีครับ ใครชอบทานไข่, แซลมอนแล้วก็ผักโขมควรสั่งมาลองทาน เพราะเป็นเมนูที่ไม่ค่อยได้เจอที่ไหนซักเท่าไหร่

เมนูถัดมาก็คือ “Larb Talay Pizza (ลาบทะเลพิซซ่า)” เมนูที่ขึ้นชื่อและเป็นหนึ่งใน Signature Menu ของ SO Sofitel Hua Hin เลย สำหรับเมนูนี้ผมไม่ได้ทานในมื้อ Sunday Brunch นะครับ เพราะผมจัดไปตั้งแต่วันแรกที่ถึงโรงแรมแล้ว แต่ในเรื่องของรสชาตินั้นทางห้องอาหารเค้าบอกว่ารสชาติเหมือนกันเลย เพียงแต่ตอนที่ทำเสิร์ฟใน Sunday Brunch จะทำเล็กกว่าจานที่ขายปกติ เพื่อให้คนที่มาทานสามารถทานเมนูอื่นต่อได้ ดังนั้นผมก็เลยขอให้ความเห็นเกี่ยวกับเมนูนี้ไว้ตามนี้เลยครับว่า ควรสั่ง! ถือเป็นเมนูที่ห้ามพลาดเลย อร่อย แปลก ไม่ค่อยเจอที่ไหน แป้งพิซซ่าอร่อยมาก ส่วนหน้าที่เป็นลาบทะเลนั้นก็มีรสจัดอ่อนๆ ทำให้สามารถกินได้เพลินๆ ไม่เลี่ยนจนเกินไปครับ

ส่วนเมนูสุดท้ายในหมวดนี้ “Spaghetti Al Vongole” จะเป็นสปาเกตตี้เส้นดำที่มีส่วนผสมของหอย, พริก, น้ำมันมะกอก และมะเขือเทศ รสชาติจัดจ้านกำลังดี ทานแล้วแอบร้องซี้ดซ้าดอยู่เบาๆ เหมาะมากที่จะสั่งมาแบ่งทานกับเพื่อนๆ แต่ถ้าใครไปทานคนเดียวไม่ควรจะสั่งมาซักเท่าไหร่ เพราะผมคิดว่าจานมันใหญ่ไปนิดนึง หากใครไปคนเดียวแล้วสั่งมาทานอาจจะทำให้อิ่มจนทานเมนูอื่นเพิ่มไม่ค่อยได้ครับ

จบในหมวดของ Not be missed กันแล้ว คราวนี้เราไปดูในส่วนของของคาวหมวดสุดท้ายกันดีกว่า หมวดนี้จะมีชื่อว่า Beach Sides โดยเมนูอาหารในหมวดนี้จะเป็นของทานง่ายๆ ออกแนว Appetizer อย่าง Twist Fries, Roasted Roots และ Royal Project Salad ซึ่งผมเองได้ลองทานเฉพาะ 2 รายการแรกนะครับ ส่วนรายการสุดท้ายนี่ไม่ได้ลองเพราะอิ่มแน่นท้องมากๆ @_@

สำหรับเมนู Twist Fries นั้นจะเป็นมันฝรั่งโค้งทอดกรอบกับมายองเนสรสกระเทียม รสชาติอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรมาก แต่ถ้าใครชอบกินเฟรนช์ฟรายด์หรืออยากจะลองก็สั่งมาชิมก็ได้นะครับ ขนาดจานไม่ใหญ่ ถ้าไปกัน 3-4 คน ทานคนละ 2-3 ชิ้นก็หมดแล้ว

ส่วนจานถัดมาคือ “Roasted Roots” หรือมันอบ 3 ประเภท เมนูที่ผมว่าหลายคนอาจจะมองข้ามและเลือกไปสั่งเมนู Twist Fries กันซะมากกว่า แต่เนื่องจากเคยมีคนแนะนำผมว่าหากได้มาที่ SO Sofitel Hua Hin แล้ว ให้ลองชิมเมนูนี้ดู ดังนั้นผมก็เลยไม่พลาดที่จะสั่งมาลองครับ และหลังจากที่ได้ลองชิมก็ต้องบอกเลยว่าอร่อย นี่เป็นหนึ่งในเมนูที่ผมประทับใจในวันนี้เลย มันอบมาได้ดี หวาน ทานได้เรื่อยๆ และเมื่อทานแล้วก็รู้สึกดีต่อสุขภาพมากกว่าเวลาที่ทานเฟรนช์ฟรายด์หรือมันฝรั่งทอดครับ สำหรับเมนูนี้ผมแนะนำให้ทุกคนลองเลย และหากต้องเลือกสั่งแค่เมนูเดียวระหว่าง Roasted Roots กับ Twist Fries ผมขอเชียร์เมนู Roasted Roots นะครับ ><

และเมื่อมาถึงตรงนี้หากเป็นช่วงอื่นๆ ก่อนหน้านี้ก็คงเข้าสู่หมวดของของหวานกันแล้ว แต่สำหรับใครที่ได้ไปทานอาหารในช่วงเดือนพฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป ก็น่าจะได้มีโอกาสชิม 3 เมนูใหม่ที่ทาง Beach Society ได้เพิ่มเข้ามาใน Sunday Brunch โดย 3 เมนูนี้ได้แก่ Full English Breakfast, Egg Benedict with bacon and Avocadasie  และ Eggs on Brioche

เมนูแรก Full English Breakfast จะเป็นเมนูที่เหมือนกับอาหารเช้าสไตล์ยุโรปเลย เพราะในจานจะประกอบไปด้วยไข่ดาว, เบคอน, ไส้กรอก และซุปถั่ว โดยเมนูนี้ทางห้องอาหารตั้งใจทำมาเพื่อให้คนที่ไม่ได้ทานข้าวเช้าเป็นหลักครับ ใครที่ตื่นสายแล้วไปทาน Sunday Brunch เลยก็สามารถสั่งเมนูนี้มาทานได้ รสชาติดี อยู่ในมาตรฐานของโรงแรม กินแล้วไม่เสียชื่อ

เมนูใหม่อย่างที่สอง Egg Benedict with bacon and Avocadasie เมนูนี้จะเป็นการนำ Poached Egg มาผสมกับเบคอนแล้วก็ Avocadasie (มายองเนสผสมกับอโวคาโด) โดยตัวขนมปังด้านล่างจะแข็งนิดนึงนะครับ เพราะว่าถ้าหากเป็นขนมปังแบบนิ่มนี่อาจจะทำให้ยุ่ยหรือเละได้ง่ายเวลาที่เจอน้ำจากไข่ด้านบนไหลลงมา

สำหรับใครที่ชอบทาน Poached Egg ก็ลองชั่งใจดูนะครับว่าจะสั่งเป็นเมนูนี้ที่มีส่วนผสมของเบคอนกับอโวคาโด หรือจะสั่งเป็น Salmon Frorentine ที่มีส่วนผสมของผักโขมกับแซลมอนดี

ปิดท้ายหมวดอาหารคาวกันแบบจริงๆ จังๆ ด้วย Eggs on Brioche เมนูใหม่อีกอันที่ทาง Beach Society พึ่งคิดค้นมา เมนูนี้จะเป็นขนมปังแผ่นอบที่มีขนาดใหญ่และหนา บริเวณตรงกลางของขนมปังจะมีไข่อยู่ด้วย ซึ่งหากใครอยากทานไข่ที่มีความสุกมากสุกน้อยก็สามารถบอกพนักงานได้นะครับ

โดยรวมๆ รสชาติของเมนูนี้อร่อยดี ตัวขนมปังนุ่ม และถือเป็นเมนูที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเหมือนกัน ใครที่เป็นคนชอบลอง และเป็นคนที่ชอบทานขนมปังก็ควรสั่งมาชิมดูครับ

จบจากของคาวกันแล้ว คราวนี้มาดูของหวานกันต่อดีกว่า ของหวานในการทาน Sunday Brunch ที่ Beach Society นั้น จะมีทั้งหมด 3 อย่างด้วยกันได้แก่ Young Coconut Cake, So Sunday แล้วก็ผลไม้

สำหรับวันนี้ผมลองสั่งเค้กมะพร้าว “Young Coconut Cake” มาทานครับ ขนาดชิ้นกำลังดี ไม่ใหญ่จนเกินไป และถือว่าเป็นเค้กมะพร้าวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลย ด้านบนที่เป็นทอปปิ้งจะเป็นมะพร้าวอ่อน เนื้อนุ่มๆ ทานง่าย ส่วนด้านล่างที่เป็นเนื้อเค้กจะใช้ส่วนผสมที่เป็นมะพร้าวห้าวที่มีความแข็งกว่า รสชาติโดยรวมอร่อยดีครับ หวานมันลงตัว แต่อาจจะหวานเกินไปนิดสำหรับบางคน โดยเค้กมะพร้าวสูตรนี้ถือเป็นสูตรพิเศษของโรงแรมเลย เพราะกว่าที่เชฟจะคิดค้นได้ก็มีการตระเวนชิมเค้กมะพร้าวจากที่ต่างๆ มานานมากครับ

ในส่วนของไอศกรีม SO Sunday และผลไม้นั้นก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาครับ ไอศกรีมจะมาเสิร์ฟเป็นลูกเล็กๆ รสชาติจะแตกต่างกันไปตามวัน ก่อนที่เราจะสั่งเราสามารถสอบถามรสชาติกับพนักงานได้ โดยรสชาตินั้นก็เหมือนกับไอศกรีมที่อยู่ในไลน์อาหารเช้าเลย หากใครพักที่โรงแรมอยู่แล้วเกิดติดใจก็สามารถสั่งมาทานซ้ำในช่วงบ่ายๆ แบบนี้ได้ ซึ่งผมเองก็เป็นคนนึงที่ติดใจในรสชาติของไอศกรีมในไลน์อาหารเช้าของ SO Sofitel Hua Hin ดังนั้นผมก็เลยสั่งมากินอย่างไม่ลังเลยเลยฮะ ><

จบอาหารคาวหวานกันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเรื่องสุดท้ายนั่นก็คือเรื่องของเครื่องดื่มครับ สำหรับคนที่ทาน Sunday Brunch ที่ Beach Society ในราคา 990 บาท/คน net นั้น จะสามารถเลือกเครื่องดื่มได้คนละ 1 แก้ว โดยสามารถเลือกได้ว่าจะทานเป็นประเภทไหน โดยในส่วนของ Soft Drink นั้นจะเป็นพวกโค้ก, สไปร์ท, แฟนต้า, จิงเจอเอล และโทนิคครับ และทางห้องอาหารจะนำมาเสิร์ฟเป็นกระป๋องพร้อมน้ำแข็งแบบในรูปนี้ครับ

ส่วนใครที่คิดว่าเครื่องดื่มแก้วเดียวไม่พอ ก็สามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเพิ่ม 700 บาท/คน net เพื่อเป็น Free Flow หรือเปล่า หรือจะสั่งเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มทีละรายการเอา ซึ่งผมแนะนำว่าสำหรับใครที่ไม่ทานแอลกอฮอล์ การเลือกสั่งเป็นแก้วเพิ่มจะดีกว่า อย่างน้ำมะพร้าวที่เป็นลูกๆ แบบนี้ก็แค่ 180 บาทเอง หอม อร่อย ชื่นใจดีด้วย

เอาล่ะ มาถึงตรงนี้ผมก็เล่าเรื่องของ Sunday Brunch ที่ Beach Society ไปครบเรียบร้อยแล้ว และสำหรับคนที่เคยเข้าพักที่ SO Sofitel Hua Hin มาก่อน หรือเคยดูรีวิวของโรงแรมนี้แบบผ่านๆ ตามาบ้าง ก็น่าจะพอนึกภาพบรรยากาศภายในโรงแรมแห่งนี้ออก แต่สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักโรงแรมแห่งนี้มาก่อนก็อาจจะงงๆ ได้ ดังนั้นก่อนที่จะเข้าสู่บทสรุปของการรีวิวผมก็เลยจะขอเล่าภาพรวมคร่าวๆ เกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ให้ฟังก่อนนะครับ

SO Sofitel Hua Hin เป็นโรงแรมแห่งนึงที่มีจุดถ่ายรูปเยอะและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ โดยคอนเซปของโรงแรมแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากแนวคิด “ท่องโลกแห่งจินตนาการ” ที่ผสมผสานจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยว และตัวละครที่แสนสนุกให้เข้ากับจิตวิญญาณของรีสอร์ท ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่ได้เข้าพักที่ SO Sofitel Hua Hin แต่เลือกที่จะเข้าไปใช้บริการห้องอาหารของเค้าทั้งห้องอาหาร Beach Society และห้องอาหาร White Oven ก็จะได้เจอภาพสวยๆ แบบนี้แหละครับ ยิ่งใครที่ไปช่วงเย็นๆ ตอนพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้านะ บอกเลยว่าบรรยากาศดีมากๆ เลย

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่ผมได้ไปพบเจอมาจากการไปทาน Sunday Brunch ที่ห้องอาหาร Beach Society โรงแรม SO Sofitel Hua Hin ครับ และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ผมก็ขอสรุปการรีวิวออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ตามนี้นะครับ

วันที่รับประทาน : วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2561
ช่วงเวลา : 12.00 – 15.30 น.
จำนวน : 6 คน

รสชาติอาหาร : อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีวัตถุดิบหลักคือแป้ง รวมไปถึงของหวาน คือสิ่งที่ผมคิดว่าเชฟและโรงแรมแห่งนี้ถนัดมาก นอกจากนี้ความสด ความใหญ่ของอาหารจำพวกซีฟู้ดอย่างหอย, กุ้ง และปลาหมึกก็ทำได้ดี ไม่เสียชื่อที่อยู่ใกล้ทะเลขนาดนี้ ส่วนเมนูที่ผมว่าไม่ควรพลาดก็คือ So Beach Burger, Eggs on Brioche, Roast Roots และ Young Coconut Cake ครับ

ความหลากหลายของอาหาร : ข้อนี้ผมให้อยู่ในระดับกลางๆ นะครับ เพราะจำนวนอาหารที่มีให้เราเลือกทานประมาณ 20 รายการนั้น จะเน้นหนักไปที่เมนูที่มีส่วนผสมของแป้งและไข่เป็นหลักมากไปซักหน่อย ไม่ได้มีความหลากหลายหรือโชว์ความเด่นของอาหารประเภทซีฟู้ดหรือเนื้อเพียวๆ ดังนั้นใครที่เป็นสายเนื้ออาจจะไม่ชอบใจซักเท่าไหร่ ข้อนี้ผมก็เลยขอให้คะแนนกลางๆ พอครับ

ความสะอาดของร้านและบรรยากาศ : ความสะอาดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ เก้าอี้และโต๊ะต่างๆ ก็นั่งสบาย ตัวผมเองไม่ได้มีอะไรติดขัดกับการไปใช้บริการอาหารที่ห้องอาหารแห่งนี้ แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยชอบบรรยากาศการนั่งใกล้ทะเลแล้วมีลมปะทะโดยตรง ไม่มีห้องแอร์ให้นั่ง ก็อาจจะไม่ประทับใจในจุดนี้ได้ครับ

การบริการของพนักงาน : มีตกหล่น หรือออเดอร์ล่าช้าไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรครับ และพอจะเข้าใจได้ว่าช่วงนั้นน่าจะมีคนไปใช้บริการเยอะ เพราะพอคนเริ่มน้อยลงการบริการต่างๆ ก็เข้าที่เข้าทาง รวดเร็วขึ้นครับ

ความสะดวกของการเดินทาง : ด้วยความที่เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัดและไม่ได้อยู่ในตัวเมือง ดังนั้นข้อนี้ต้องบอกเลยว่าใครจะไปทานอาหารที่นี่ต้องมีรถเท่านั้นครับ ซึ่งสำหรับคนที่ขับรถไปเองอยู่แล้วนั้น ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะพิกัดใน Google Map ก็ชัดเจน รวมทั้งป้ายบอกทางบริเวณริมถนนก็มีอยู่เป็นระยะๆ ครับ

ความคุ้มค่า : เรื่องนี้อาจจะต้องเขียนกันยาวหน่อย โดยสำหรับใครที่เข้าพักอยู่ที่โรงแรมอยู่แล้ว การเลือกทาน Sunday Brunch ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีและคุ้มค่าเลย เพราะหากคุณนั่งทานยาวๆ ตั้งแต่ 12.00 – 16.00 น. คุณจะสามารถอิ่มได้ตั้งแต่มื้อเที่ยงยันมื้อเย็น ซึ่งด้วยราคา 990 บาท/คน net ที่คุณจ่ายไปนั้น จะถือว่าคุ้มค่าเลยเพราะหากคุณสั่งอาหารเป็นจานๆ ในโรงแรมมาทาน ราคาแต่ละจานก็ประมาณ 300 บาทแล้ว แต่นี่คุณสามารถอิ่มได้ไม่อั้นในราคา 990 บาทเท่านั้น แถมรสชาติกับคุณภาพอาหารก็เหมือนกันด้วย ดังนั้นผมว่าใครที่พักอยู่ที่โรงแรมอยู่แล้วจะเป็นอะไรที่คุ้มมาก รวมไปถึงคนที่จะ Check out ออกในวันอาทิตย์ด้วยเพราะการที่คุณใช้บริการ Sunday Brunch นั้น คุณจะสามารถ Late Check out ได้จนถึง 16.00 น. เลย ส่วนกรณีที่เป็นคนภายนอกและตั้งใจจะเข้ามาทานนั้น ผมให้ความคุ้มค่าอยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้นครับ เพราะเราจะต้องคิดในเรื่องของการเดินทางและการเสียเวลาเข้ามาเพิ่มด้วย

สรุป : สำหรับคนที่เข้าพักที่ SO Sofitel Hua Hin อยู่แล้ว และต้องการทานอาหารหลากหลายประเภท ต้องการนั่งคุยกับเพื่อนยาวๆ ต้องการทานอาหารที่อิ่มได้ตั้งแต่มื้อเที่ยงยันมื้อเย็น การเลือกทานอาหาร Sunday Brunch ที่ Beach Society ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเลยครับ ส่วนกรณีบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เข้าพักที่โรงแรม แต่มีความตั้งใจที่อยากจะเข้ามาชมบรรยากาศของโรงแรมนี้ซักครั้ง รวมถึงชื่นชอบลักษณะเมนูอาหาร Sunday Brunch ของที่นี่ที่ไม่เหมือนใคร ต้องการทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่มากกว่าอาหารที่วางไว้อยู่ในไลน์ ไม่ได้ต้องการเน้นกินอาหารประเภทซีฟู้ดหรืออาหารประเภทเนื้อเป็นหลัก หรือเป็นคนที่ต้องการหาที่นั่งคุยกับเพื่อนยาวๆ ริมทะเลชะอำ, หัวหิน มีพนักงานมาตรฐานโรงแรมคอยบริการ มีอาหารอร่อยๆ ให้เลือกสั่งหลายอย่าง การเข้ามาทาน Sunday Brunch ที่ SO Sofitel Hua Hin ก็อาจจะตอบโจทย์ของคุณเช่นเดียวกันครับ

ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ สำหรับใครที่อยากจะอ่ารีวิวฉบับเต็มของโรงแรม SO Sofitel Hua Hin ก็สามารถคลิกที่นี่ได้เลยครับ และเพื่อไม่ให้พลาดทุกข่าวสารของการกินและเที่ยวของผมกับต๋ง ทุกท่านอย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ไว้นะครับ และสุดท้ายนี้สำหรับใครที่ต้องการจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องอาหารแห่งนี้ก็สามารถเข้าไปที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Fanpage : SO Sofitel Hua Hin

Tel : 032709555

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้