สวัสดีทุกๆ คนครับ วันนี้ผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักแล้วก็สัมผัสทุกซอกทุกมุมของ “เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland)” ซึ่งผมรับรองเลยว่าหากใครได้อ่านบทความนี้จนจบจะสามารถคลายทุกความสงสัยเกี่ยวกับที่นี่ได้หมดอย่างแน่นอน และถ้าถามว่าทำไมผมถึงมั่นใจขนาดนั้น นั่นก็เพราะผมได้มีโอกาสไปที่นี่ถึงวัน 2 เต็มๆ อยู่ตั้งแต่เช้าที่ประตูเริ่มเปิดจนถึงตอนที่การแสดงสุดท้ายจบทั้ง 2 วัน แล้วก็ที่สำคัญด้วยความไม่รู้ ผมก็เลยเจ็บและงงๆ กับหลายเรื่องจนเรียนรู้อะไรมาเยอะเลยครับ ^^
สำหรับบทความนี้ผมจะเล่าในรูปแบบการถามตอบ ผ่าน 12 หัวข้อที่คาดว่าทุกคนสงสัยอยากรู้นะครับ ใครที่อยากรู้เรื่องไหนก็เลื่อนไปอ่านเฉพาะหัวข้อนั้นๆ ก็ได้ หรือถ้าใครที่ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ ก็สามารถเลื่อนไปที่ด้านล่างสุดของบทความนี้ได้เลย ผมได้ทำคลิปการท่องเที่ยวของที่นี่แบบสั้นๆ เอาไว้ แต่ถ้าใครอยากรู้แบบเจาะลึกสุดๆ ผมก็แนะนำให้อ่านไล่ไปทีละข้อนะครับ อ่านเผินๆ เหมือนลำดับหัวข้อจะแปลกๆ ไปหน่อย แต่ถ้าได้ลองอ่านจนครบก็จะรู้ว่าทำไมผมถึงเรียงลำดับแบบนี้ ^^
- Shanghai Disneyland เที่ยววันเดียวหมดมั๊ย? มีเครื่องเล่นอะไรที่ห้ามพลาด?
- จุดเด่นของ Shanghai Disneyland ที่ทำให้ผมประทับใจ
- เรื่องของห้องน้ำ, ความสะอาดและการแซงคิว จะหนักหนาอย่างที่คิดมั๊ยนะ
- ทริคในการเก็บเครื่องเล่นให้ได้เยอะที่สุด และวิธีการใช้งาน Fastpass กับ Shanghai Disney Resort Application
- เจาะลึกข้อมูลแต่ละโซน
- เรื่องอื่นๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับเครื่องเล่น รวมทั้งวิธีการใช้งานล็อคเกอร์ (Locker)
- ขบวนพาเหรดและการแสดงปิดท้ายของวันเป็นอย่างไรบ้าง น่าสนใจแค่ไหน?
- อาหารข้างใน Shanghai Disneyland ราคาแรงมั๊ย อร่อยหรือเปล่า?
- เรื่องควรรู้และของต้องห้ามใน Shanghai Disneyland
- วิธีการซื้อบัตรเข้า Shanghai Disneyland แบบง่ายๆ
- วิธีการเดินทางไป Shanghai Disneyland และการเลือกโรงแรมที่พัก
- บทสรุปสั้นๆ และคลิปบรรยากาศการท่องเที่ยว
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปเริ่มถามตอบกันทีละข้อเลยนะครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
1. Shanghai Disneyland เที่ยววันเดียวหมดมั๊ย? มีเครื่องเล่นอะไรที่ห้ามพลาด?
เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland) เป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์แห่งที่ 6 มีขนาดพื้นที่มากกว่า 963 เอเคอร์ หรือประมาณ 3,852,000 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นดิสนีย์แลนด์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และถ้าจะเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือที่นี่มีขนาดใหญ่กว่า Hong Kong Disneyland ถึง 3 เท่าเลยครับ
และด้วยขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ รวมทั้งยังมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 7 ธีมพาร์คหรือ 7 โซนทั้ง Adventure Isle, Mickey Avenue, Gardens of Imagination, Tomorrowland, Treasure Cove, Fantasyland และ Disney·Pixar Toy Story Land ดังนั้นพูดกันตามตรงถ้าใครหวังจะเก็บให้ครบทุกเครื่องเล่นและดูให้ครบทุกโชว์ในวันเดียวนั้น ต่อให้เป็นวันธรรมดาและเราไปเช้ากลับดึกแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ครับ แต่ถ้าเลือกเฉพาะเครื่องเล่นไฮไลท์ที่ห้ามพลาด รวมไปถึงเครื่องเล่นที่เราชื่นชอบในธีมนั้นมากๆ ผมว่าถ้าเราวางแผนดีๆ ก็สามารถเก็บได้สบายๆ รวมทั้งยังสามารถเล่นซ้ำได้ด้วยครับ
ขอขอบพระคุณภาพแผนที่ Shanghai Disneyland จาก Travelchinaguide.com ด้วยนะครับ
และสำหรับ 3 เครื่องเล่นที่ผมว่าทุกคนไม่ควรพลาดเด็ดขาด หากได้มาเยือนที่นี่ก็มีดังนี้เลยครับ
- Soaring Over the Horizon ในโซน Adventure Isle
- Pirates of the Caribbean – Battle for the Sunken Treasure ในโซน Treasure Cove
- Tron Lightcycle Power Run ในโซน Tomorrowland
ส่วนเครื่องเล่นไหนจะเป็นอย่างไร ทำไมเราถึงต้องห้ามพลาด เดี๋ยวเราค่อยไปอ่านรายละเอียดในส่วนที่พูดถึงแต่ละโซนนะครับ
2. จุดเด่นของ Shanghai Disneyland ที่ทำให้ผมประทับใจ
จากที่ผมกับภรรยาได้มีโอกาสไปที่นี่ 2 วันเต็มๆ ได้ลองเล่นแทบจะทุกเครื่องเล่น สิ่งที่ทำให้เราสองคนรู้สึกประทับใจที่นี่มากๆ ก็คือ “ความใหม่” และ “ความไฮเทค” โดยสิ่งก่อสร้างต่างๆ นั้นมีความสวยงามสมบูรณ์ น่าถ่ายรูปไปหมด นอกจากนี้เทคโนโลยีที่ใช้ในเครื่องเล่นและการแสดงต่างๆ ก็เป็นอะไรที่ทันสมัย ดูว้าว ตระการตามาก ภาพคมชัดสุดๆ ระบบแสง สี เสียงต่างๆ รวมทั้งลูกเล่นที่นำเสนอก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ครับ
ส่วนในเรื่องความหวาดเสียว ความสนุกของเครื่องเล่นนั้น ที่ Shanghai Disneyland จะออกแนวซอฟท์ และไม่หวือหวาหวาดเสียวเท่ากับ Tokyo Disney Sea ดังนั้นก็เลยทำให้คนส่วนใหญ่สามารถเล่นเครื่องเล่นที่นี่ได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก, คนแก่ หรือคนพิการครับ
3. เรื่องของห้องน้ำ, ความสะอาดและการแซงคิว จะหนักหนาอย่างที่คิดมั๊ยนะ
สองสามเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนลังเลมากที่จะไปเที่ยวที่สวนสนุกแห่งนี้ ซึ่งผมต้องบอกเลยนะครับว่าเลิกกังวลได้เลย หลายๆ เรื่องที่ผมได้ไปเจอ ได้ไปสัมผัสมานั้น มันดีกว่าที่ผมเคยได้ยินมาหลายสิบเท่าครับ
เรื่องแรก “เรื่องของห้องน้ำ” บอกให้ทุกคนสบายใจได้เลยว่าทุกห้องน้ำใน Shanghai Disneyland นั้น ค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียว แถมมีอุปกรณ์อย่างกระดาษรองก้นให้ด้วย เรียกว่าดีกว่าห้องน้ำหลายๆ ที่เลย นอกจากนี้ยังมีที่กดน้ำดื่มให้เรากินฟรีหรือกรอกใส่ขวดที่หน้าห้องน้ำทุกจุดด้วยครับ โดยห้องน้ำของที่นี่จะมี 2 แบบ คือแบบ Western ที่เป็นชักโครกนั่งสบายๆ แล้วก็แบบ Traditional ที่ต้องใช้การนั่งยองๆ เอา ซึ่งคนจีนส่วนมากมักจะเลือกใช้แบบหลังมากกว่า ดังนั้นเวลาที่เราเดินเข้าไปในห้องน้ำก็มองๆ ดูนะครับว่าห้องไหนเป็นแบบ Western โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ห้องท้ายๆ ครับ
เรื่องที่สอง “ความสะอาดภายในสวนสนุก” อันนี้ก็เป็นอีก 1 เรื่องที่ทุกคนสบายใจได้เช่นกันครับ สะอาดมากๆ อาจจะมีเปื้อนหรือสกปรกเล็กน้อยจากบางคนแต่เค้าก็มีเจ้าหน้าที่ที่ทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องการขากถุยต่างๆ ผมไม่เจอเลยนะครับ ^^
และเรื่องที่สาม “การแซงคิว” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมต้องบอกให้ทุกคนทำใจครับ มีโอกาสเจอสูง เพราะแม้ทาง shanghai Disneyland จะมีการทำทางเดินในบางช่วงให้เล็กและแคบแล้ว แต่ก็มีคนที่จะพยายามแทรกคิวอยู่เสมอ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือเวลาที่เราไปกันหลายคนให้เรายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานไว้ อย่าต่อแถวกันเป็นแนวดิ่ง และพยายามสังเกตคนด้านหลังให้ดีๆ หากเค้ามีทีท่าว่าจะแทรกตัวแซงหน้าเราไปตอนที่เราเผลอ ก็ให้เราเอามือยื่นไปจับที่ราวทางเดินข้างๆ ไว้ เพื่อเป็นการกันเส้นทางครับ
อย่างไรก็ตาม เรื่องของการแซงคิวที่ผมเจอนั้น ก็ถือว่าน้อยมากกว่าที่ผมคิดแล้วครับ โดยรวมอยู่ในขั้นที่ผมพอรับได้ เพราะคนส่วนใหญ่ก็มีมารยาทดี มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่พยายามจะแซง ซึ่งคนกลุ่มนี้เค้าจะมาแบบหน้าตาเฉย ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ที่สำคัญบางคนที่ผมเจอมีถึงขั้นเดินตัดสนามด้านข้างๆ เพื่อสร้างเส้นทางใหม่แล้วแซงรวดเดียวเลยก็มี @_@
4. Trick ในการเก็บเครื่องเล่นให้ได้เยอะที่สุด และวิธีการใช้งาน Fastpass กับ Shanghai Disney Resort Application
เอาล่ะ ทีนี้เรามาดูทริคในการเก็บเครื่องเล่นให้ได้เยอะสุดกันดีกว่า โดยในความคิดของผมนั้น ผมอยากจะแนะนำเคล็ดลับทุกคนดังนี้ครับ
- ถ้าเลือกได้ ให้ไปวันธรรมดาที่ไม่ใช่ช่วงปิดเทอมของที่นั่น เพราะคนจะน้อยกว่าวันหยุดและเสาร์-อาทิตย์พอควร โดยถ้ามีเพื่อนชาวจีนหรือปฏิทินวันหยุดจีนให้เช็คดีๆ ด้วย เพราะวันหยุดของที่นั่นจะไม่ตรงกับเราครับ
- ไปให้เช้าที่สุด และกลับตอนสวนสนุกปิด โดยเฉพาะตอนเช้าให้ไปถึงก่อนเวลาที่สวนสนุกจะเปิด 1 ชั่วโมง เพราะเค้าจะมีการต่อแถวตรวจกระเป๋าก่อน 1 รอบ ก่อนที่จะเข้าสู่การซื้อบัตรหรือตรวจบัตรผ่านประตู โดย Gate ที่ทำการตรวจกระเป๋านั้น จะเริ่มเปิดก่อนพักใหญ่ๆ เลย ดังนั้นถ้าเรารีบไปต่อแถวตั้งแต่เช้าก็จะได้เข้าไปในสวนสนุกคนแรกๆ เลยครับ
- ศึกษาแผนที่และวางแผนให้ดีว่าอะไรคือเครื่องเล่นที่เราอยากจะเล่นมากที่สุด และแต่ละเครื่องอยู่ตรงไหน รวมทั้งเครื่องเล่นไหนมี Fastpass บ้าง จะได้ประหยัดเวลาและแรงในการเดินของเรา โดยข้อนี้ควรทำล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนที่จะไปเลยครับ
- เมื่อเข้าไปแล้วอย่าพึ่งตะลึงกับความสวยงามแล้วถ่ายรูปจนเพลิน ให้เรารีบไปกด Fastpass ของเครื่องเล่นแรกๆ ที่เราอยากจะเล่นก่อน จากนั้นค่อยไปต่อแถวเครื่องเล่นที่เราอยากเล่นเป็นอันถัดมา ซึ่งช่วงเช้าๆ ระยะเวลาการต่อแถวจะไม่นานเพียงแค่ 15-20 นาทีเท่านั้นก็ได้เล่นแล้ว และเมื่อเราเล่นเสร็จเราก็จะสามารถไปเล่นอีกเครื่องเล่นที่เรากด Fastpass ได้ทันที (แนะนำว่าเครื่องเล่น 1 กับ 2 ที่อยากจะเล่นนั้น ควรจะอยู่ใกล้ๆ กัน จะได้ไม่เสียเวลาเดินไปมาครับ)
- ให้ Download “Shanghai Disney Resort Application” แอพที่จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเราในสวนสนุกนี้ไว้ก่อน โดยเราสามารถ download ได้ตั้งแต่อยู่ที่ไทย และมีทั้ง iOS กับ Android ซึ่งผมแนะนำให้โหลดแล้วลองเล่นตั้งแต่ที่ไทยเลยนะครับ โดยวิธีการใช้งานจะอยู่ด้านล่างครับ
- วางแผนในการ กด Fastpass ให้ดี โดยเมื่อเรากดไปแล้ว 1 ครั้ง เราจะสามารถกดได้อีกทีเมื่อเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง สำหรับคนที่งงๆ ว่า Fastpass คืออะไร เดี๋ยวผมอธิบายต่อในหัวข้อถัดไปนะครับ
- เครื่องเล่นไหนมีแถว Single Rider และเราสามารถแยกกับเพื่อนเล่นคนละรอบได้ ก็ให้ไปต่อแถว Single Rider ครับ เพราะโดยส่วนมากแถวนี้จะเร็วกว่าแถวปกติพอควร แต่ถ้าเวลาห่างกันไม่มาก ผมว่ารอต่อคิวปกติแล้วเล่นพร้อมเพื่อนหรือพร้อมแฟนจะดีกว่า
- ใช้เวลากินข้าวให้น้อยที่สุด อย่านั่งกินนาน หรืออย่าไปต่อแถวซื้อร้านที่คนต่อเยอะ ยกเว้นว่าเราอยากจะกินเมนูนั้นจริงๆ อันนั้นก็คงต้องยอม โดยทาง Shanghai Disneyland นั้น อนุญาตให้เรานำขนมกับน้ำดื่มเข้าไปได้ ดังนั้นถ้าใครพกขนมปังหรืออะไรที่ทานได้ง่ายๆ ไม่เลอะเทอะเข้าไปด้วย ก็จะสามารถยืนกินหรือรองท้องระหว่างที่เราต่อแถวได้ครับ ซึ่งมันจะช่วยเราประหยัดเวลาได้เยอะเลย
- ตั้งนาฬิกาให้ตรงกับที่จีนและเดินเร็วเข้าว่า เพราะยิ่งเราเดินเร็วเท่าไหร่เราก็จะมีเวลาในการทำอะไรมากขึ้นเท่านั้น แต่ทั้งนี้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมไม่แนะนำให้วิ่งนะครับ เพราะมันจะดูวุ่นวายและมีโอกาสสร้างความอันตรายให้กับคนอื่นด้วย
- ช่วงเวลาหลัง 18.00 น. จะเป็นช่วงเวลาที่คนเริ่มต่อคิวเล่นเครื่องเล่นน้อยลง และเริ่มไปจองพื้นที่ดูการแสดงที่ปราสาท ใครที่ยังเก็บเครื่องเล่นอะไรไม่หมดก็จงใช้เวลาช่วงนี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุดนะครับ
Fastpass คืออะไร? สำคัญไฉนที่เราต้องรู้จักและใช้มันให้เป็น
ก็รู้ๆ กันอยู่นะครับว่าแต่ละเครื่องเล่นใน Disneyland นั้นต่อแถวกันยาวมากๆ บางเครื่องเล่นนี่ต้องรอไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงเลย ดังนั้นทาง Disneyland เลยคิดระบบ Fastpass ขึ้นมา โดยมันจะเป็นการกดบัตรคิวของเครื่องเล่นนั้นๆ ล่วงหน้าว่าเราจะสามารถเล่นเครื่องเล่นนั้นได้ตอนกี่โมง และเมื่อถึงเวลาที่เค้ากำหนดไว้ในบัตรเราก็สามารถไปเข้าแถวพิเศษ Fastpass ซึ่งจะเร็วกว่าการเข้าแถวแบบปกติหลายสิบเท่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะรอไม่เกิน 10 นาทีก็ได้เล่นแล้วครับ โดยวิธีการกดและใช้งาน Fastpass นั้น เราจะสามารถทำผ่าน Shaghai Disneyland Resort Application ได้หมดเลย แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีแอพนี้นั้นก็สามารถทำการจอง Fastpass ง่ายๆ ได้ตามนี้เลยครับ
- หาจุดที่กด Fastpass ของแต่ละโซน โดยจุดนี้มักจะอยู่ที่ Guest Services ของโซนนั้น ซึ่งจะตรงกับสัญลักษณ์ตัว i ในแผนที่ โดยเราสามารถกด Fastpass ได้เฉพาะเครื่องเล่นในโซนนั้น ซึ่งจะมีป้ายแสดงเวลาว่าตอนนี้ถ้าเราไม่กด Fastpass จะต้องต่อแถวกี่นาทีถึงจะได้เล่น และถ้าเรากด Fastpass จะได้เล่นตอนไหน นอกจากนี้ถ้าเครื่องเล่นไหนบัตร Fastpass ในวันนั้นหมดแล้วก็จะขึ้นข้อความบอกเราไว้ด้วยครับ เราจะได้รู้ตัวล่วงหน้าไม่ต้องเสียเวลาต่อคิว
- เมื่อดูข้อมูลเสร็จแล้ว ก็ต่อแถวเพื่อเข้าไปกด Fastpass ซึ่งไม่ต้องตกใจไปนะครับที่บางครั้งแถวจะยาวมากๆ แต่แถวพวกนี้จะเคลื่อนตัวเร็วมาก รอไม่เกิน 10 นาทีก็ได้กดแล้ว
- เมื่อถึงที่หน้าตู้ ให้เรากด menu เป็นภาษาอังกฤษ แล้วนำ QR Code ที่ด้านหลังของบัตรเข้าสวนสนุกไปสแกนตรงตำแหน่งที่เครื่องระบุไว้
- เมื่อเครื่องสแกน QR Code เสร็จ จะมีรายชื่อของเครื่องเล่นในโซนนั้นที่เราสามารถกด Fastpass รวมทั้งเวลาที่เราจะได้เล่นโผล่ขึ้นมา ก็ให้เรากดเครื่องเล่นที่ต้องการ จากนั้นเครื่องจะปริ้นท์บัตร Fastpass ออกมาให้เรา
- ในการกด Fastpass นั้น 1 คนจะสามารถกดได้ 1 ครั้งเท่านั้น เราไม่สามารถฝากบัตรเพื่อนไปคนเดียวแล้วกดทีละหลายๆ ใบได้ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่ครับ
- ที่บัตร Fastpass นั้น จะมีการระบุถึงชื่อเครื่องเล่น, เวลาที่เราจะได้เล่น รวมทั้งเวลาที่เราจะกด Fastpass ครั้งต่อไปได้ และโดยปกติแล้วเราจะกดได้อีกครั้งหลังจากที่เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง
- Fastpass ของแต่ละเครื่องเล่นมีหมดได้ และเราสามารถกด Fastpass ของเครื่องเล่นเดิมซ้ำได้ ถ้ามันยังมีเหลือและมันถึงเวลาที่เราสามารถกดบัตรใหม่ได้ตามที่บัตรได้ระบุไว้ด้านล่าง
หมายเหตุ : Update ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2561 เราจะสามารถกดจอง Fastpass ผ่าน Shanghai Disneyland Resort Application ได้แล้ว ซึ่งผมว่ามันเป็นอะไรที่สะดวกและดีงามกว่าเดิมมากๆ และมันก็ทำให้คนที่ไม่มีแอพนี้พบปัญหาในการกด Fastpass ไม่ทันคนอื่นเค้า ดังนั้นผมจีงขอแนะนำทุกคนเป็นอย่างยิ่งว่าควรจะต้องโหลดแอพนี้ไว้ในมือถือทุกคนเลยครับ
นี่เป็นหน้าตาของ Fastpass ครับ โดยผมไป Shanghai Disneyland 2 วัน แต่ได้หน้าตาของ Fastpass ไม่เหมือนกัน เข้าใจว่าเค้ากำลังเปลี่ยนระบบพอดี เพราะเห็นเจ้าหน้าที่ยืนถือป้ายอธิบายอยู่ ก็เอาเป็นว่าถ้าใครที่ได้บัตรแบบรูปแรกที่มีสีสันสวยงามนั้นบัตรนี้จะเป็นบัตร Fastpass ที่เราต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ช่อง Fastpass หน้าเครื่องเล่นนั้น และเค้าจะทำการสแกน QR Code ที่บัตรนี้ เมื่อบัตรถูกสแกนแล้วก็จะไม่สามารถใช้งานได้อีก
ส่วนใครที่ได้เป็นแบบที่สอง ซึ่งเป็นบัตรเรียบๆ ไม่มีสีสันนี้ ไม่มี QR Code บัตรนี้จะเป็นคล้ายๆ สิ่งที่เตือนเราเฉยๆ ว่า เราต้องกลับไปเล่นที่เครื่องเล่นนั้นตอนกี่โมง โดยเมื่อเราไปถึงแถว Fastpass เราต้องยื่นบัตรนี้พร้อมกับบัตรเข้าสวนสนุก Shanghai Disneyland ให้เจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่จะทำการแสกน QR Code ที่หลังบัตรเข้าสวนสนุกของเราครับ
หมายเหตุ : สิ่งที่ต้องย้ำและระวังกันให้มากๆ สำหรับคนที่ได้บัตร Fastpass มาอยู่ในมือแล้วนั้นคือ “อย่าไปก่อนหรือเลยเวลาที่บัตรระบุไว้เด็ดขาด” มิฉะนั้นบัตรนั้นจะใช้ไม่ได้เลย และคุณจะเสียสิทธิ์ไปฟรีๆ โดยช่วงเวลาที่บัตรระบุไว้จะมีระยะเวลา 1 ชั่วโมงครับ
Shanghai Disneyland Resort App
มาต่อกันที่ Application สุดเจ๋งที่ผมอยากจะให้สวนสนุกทุกที่บนโลกใบนี้ควรทำตามอย่างยิ่ง โดยแอพนี้จะบอกทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับ Shanghai Disneyland ตั้งแต่
- ตำแหน่งที่เราอยู่ในปัจจุบัน
- เวลาเปิดปิดในแต่ละวัน
- ในวันที่เราไปนั้นมีเครื่องเล่นไหนปิดบ้าง
- ระยะเวลาในการรอของแต่ละเครื่องเล่นในตอนนั้นเป็นอย่างไร ต้องรอนานแค่ไหน โดยจะเป็นการอัพเดทแบบ Real time
- ข้อมูลรายละเอียดของแต่ละเครื่องเล่น ว่าเครื่องเล่นนั้นเป็นอย่างไร มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามอะไรบ้าง
- ข้อมูล Fastpass ของเครื่องเล่นนั้นว่ายังสามารถกดได้อยู่หรือเปล่า ถ้ากดแล้วจะได้เล่นตอนไหน และเรายังสามารถกดจอง Fastpass ผ่าน Application นี้ได้เลยด้วย
- รอบเวลาการแสดงของแต่ละ Show รวมทั้งรายละเอียดคร่าวๆ ของ Show นั้น
- ตำแหน่งของห้องน้ำ, จุดบริการอาหาร และอื่นๆ
- ข้อมูลของแต่ละร้านอาหาร ว่าร้านอาหารนั้นจำหน่ายอาหารประเภทไหนบ้าง ช่วงราคาโดยประมาณ
หมายเหตุ : Update ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2561 พบว่า Shanghai Disneyland Resort Application นั้นจะสามารถใช้กดจอง Fastpass ได้เลย ดังนั้นทุกคนควรต้องมีแอพนี้อยู่ในมือถือทุกคนเลยครับ รวมทั้งยังต้องมี Internet ในการใช้งานด้วย ไม่งั้นใช้งานไม่ได้ครับ โดยหากใครไม่รู้ว่าจะใช้ Internet ของอะไรก็ลองดูข้อมูลของ True Travel Sim Asia ก็ได้ครับ
เป็นยังไงครับ มันดีงาม และเจ๋งมากๆ เลยใช่มั้ยครับ โดย Application นี้เราสามารถ Download ได้ทั้ง iOS แล้วก็ Android เลย และสามารถโหลดได้ตั้งแต่ที่เราอยู่ประเทศไทยเลยครับ ซึ่งผมแนะนำเลยว่าทุกคนที่ไปที่นี่ควรต้องมีไว้เลย เพราะมันช่วยเราในการบริหารเวลาและเส้นทางการเที่ยวใน Shanghai Disneyland ได้ดีมากๆ แต่ทั้งนี้การจะใช้งานได้นั้นโทรศัพท์เราต้องสามารถต่อ Internet ได้นะครับ ถ้าใครไม่สามารถต่อ Internet ได้ก็คงต้องพึ่ง Guide Map แล้วก็ Times Guide แบบกระดาษแทน โดยเราสามารถขอเอกสารทั้ง 2 อย่างนี้ใน version ภาษาอังกฤษได้ที่พนักงานบริเวณจุดตรวจบัตรเข้าสวนสนุกได้เลยครับ
5. เจาะลึกข้อมูลแต่ละโซน
ตอนนี้เราก็รู้ข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นเกี่ยวกับการตะลุย Shanghai Disneyland แล้ว คราวนี้ผมจะพาทุกคนไปเจาะลึกกันในแต่ละโซนว่ามันมีเครื่องเล่นอะไรบ้าง แต่ละเครื่องเล่นนั้นเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ประกอบการพิจารณาว่าเราจะไปต่อแถวเครื่องเล่นนั้นดีมั้ย โดยผมจะทำการไล่เป็นโซนๆ ไปนะครับ และถ้าเครื่องเล่นไหนมีวงเล็บต่อท้ายว่า (FP) แสดงว่าเครื่องเล่นนั้นจะสามารถกด Fastpass ได้ครับ
Mickey Avenue
โซนนี้จะเป็นโซนแรกที่ทุกคนเข้า Shanghai Disneyland มาจะต้องเห็นครับ เพราะเป็นโซนบังคับที่ทุกคนต้องเดินผ่าน โดยหลักๆ ในโซนนี้จะเป็นร้านขายของ, ร้านอาหาร, ร้านขายขนม ไม่ได้มีเครื่องเล่นอะไร แต่หลายๆ คนก็ชอบโซนนี้เพราะมีจุดถ่ายรูปสวยๆ อยู่เยอะแยะ และเป็นจุดที่มีตัวละครคลาสสิคของดิสนีย์อย่างมินนี่เม้าส์, โดนัลดั๊ก และอื่นๆ มาปรากฏตัวให้เราถ่ายรูปด้วยเสมอ ใครที่ตั้งใจอยากจะถ่ายรูปกับตัวละครเหล่านี้ก็แวะเวียนมาที่โซนนี้ได้เลยครับ
อ้อ ที่นี่จะ Micky’s Film Festival ด้วยนะครับ โดยจะเป็นโรงหนังที่ฉายหนังสั้นๆ ของมิกกี้เมาส์และผองเพื่อน แต่ผมไม่ได้เข้าไปดูเพราะเข้าใจว่าเข้าไปก็คงเจอการพากษ์ภาษาจีน ฟังก็ไม่รู้เรื่อง เอาเวลาไปเล่นเครื่องเล่นอื่นดีกว่า ^^
Garden of Imagination
โซนนี้จะอยู่บริเวณตรงกลางของ Shanghai Disneyland เลย โดยจะยังเป็นโซนที่ไม่ได้มีเครื่องเล่นอะไรหวือหวามาก เหมาะกับเด็กหรือการถ่ายรูปเล่นซะมากกว่า โดยเครื่องเล่นในโซนนี้ได้แก่
- Fantasia Carousel : ม้าหมุนในสไตล์ของดิสนีย์ที่แฝงไปด้วยความน่ารัก เหมาะกับเด็กสุดๆ
- Dumbo the Flying Elephant : เครื่องเล่นที่จะให้เราขี่เจ้าดัมโบ้ลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วก็หมุนเป็นวงกลม สลับกับขึ้นลงเป็นระยะๆ แน่นอนเครื่องเล่นนี้ไม่ได้หวาดเสียวหรือน่ากลัวอะไรเลย แต่ด้วยความน่ารักของมันทำให้เด็กๆ และพ่อแม่ต่อแถวรอขึ้นกันยาวเหยียด
- Meet Mickey : นี่เป็นสถานที่ที่คนอยากเจอและถ่ายรูปกับ Mickey Mouse ต้องมาเลยครับ!! โดยตลอดเส้นทางการเดินจะมีภาพและเรื่องราวของเจ้าหนูตัวนี้ให้เราดู และที่สุดทาง Mickey Mouse จะยืนรอถ่ายรูปกับเราครับ ^^
- Garden of the Twelve Friends : กำแพง 12 นักษัตรในรูปแบบของดิสนีย์ โดยจะมีตัวละครของดิสนีย์ทั้ง 12 ตัว เป็นตัวแทนของแต่ละปีนักษัตร ถ้าอยากจะรู้ว่าปีเราเป็นตัวอะไรก็เดินไปดูและถ่ายรูปกันได้เลย
- Marvel Universe : สถานที่ที่เอาใจคนชอบ Superheroes ของค่าย Marvel โดยที่นี่คุณจะได้เห็นชุดของ Thor, Ant Man, Iron Man และอีกหลายๆ คน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้คุณได้ลองเป็น Iron Man, ได้เจอ Spiderman รวมทั้งได้ถ่ายรูปกับ Captain America อีกด้วย ดังนั้นบอกเลยว่าแม้เครื่องเล่นจะไม่หวือหวา เฟี้ยวฟ้าว แต่คนชอบแนวนี้ต้องมาแวะครับ!!
Tomorrowland
ผ่านไป 2 โซนแล้ว หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยอิน ไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะผู้ชายหรือกลุ่มคนที่ชอบเครื่องเล่นหวาดเสียว ดังนั้นโซนที่ 3 ที่ผมจะพาทุกคนไปก็คือ Tomorrowland ดินแดนแห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นสนุกสนานมากมายครับ โดยเครื่องเล่นในโซนนี้ที่น่าสนใจได้แก่
- Tron Lightcycle Power Run (FP) : 1 ใน 3 เครื่องเล่นที่ผมแนะนำเลยว่าหากมา Shanghai Disneyland แล้วห้ามพลาด เครื่องเล่นนี้คือรถไฟเหาะในรูปแบบใหม่ โดยได้มีการออกแบบหน้าตาให้อยู่ในรูปของรถมอเตอร์ไซด์ในภาพยนต์เรื่อง Tron ซึ่งแน่นอนว่ามันจะให้อารมณ์ของการขี่มอเตอร์ไซด์ความเร็วสูงจนทำให้คุณลืมทุกการนั่งรถไฟเหาะที่ผ่านมาเลยครับ สำหรับเครื่องเล่นนี้ทางสวนสนุกจะไม่ให้เราเอากระเป๋าหรือของชิ้นใหญ่เข้าไปเด็ดขาด สามารถนำติดตัวไปได้แค่ของชิ้นเล็กๆ อย่างโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าตังค์เท่านั้น และเมื่อเราขึ้นประจำที่นั่งแล้วก็ต้องเอาของพวกนั้นออกจากกระเป๋ากางเกงแล้ววางในช่องวางของที่อยู่บริเวณหน้ารถเราครับ สำหรับขาแรงที่ชอบอะไรที่ท้าทายสุดๆ ผมแนะนำให้นั่งแถวหน้าสุดเลยนะครับ สนุกมาก เล่นเสร็จผมตั้งชี้เด่เลย!! อ้อ…เห็นเป็นเครื่องเล่นแรงๆ แบบนี้แต่ที่ตู้ท้ายสุดของขบวนจะมีที่นั่งพิเศษสำหรับคนพิการหรือผู้ที่ไม่สามารถโน้มตัวให้อยู่ในท่าขี่มอเตอร์ไซด์เล่นด้วยนะครับ
- Buzz Lightyear Planet Rescue (FP) : หนึ่งในเครื่องเล่นที่มี Fastpass แต่เป็นเครื่องเล่นที่ผมคิดว่าไม่มีใครกด Fastpass เลยเพราะการต่อแถวสั้นมากๆ รอแค่ 5 นาทีก็ได้เล่นแล้ว บางทีเดินเข้าไปแล้วได้เล่นเลยก็มี รูปแบบการเล่นจะเป็นการนั่งยานอวกาศไปตามราง และเรากับเพื่อนจะมีปืนคู่ใจคนละกระบอกเพื่อแข่งกันยิง Evil Emperor Zurg ศัตรูตัวฉกาจของ Buzz Lightyear โดยเรากับเพื่อนจะมีสีของเลเซอร์ปืนคนละสี คนนึงสีเขียว คนนึงสีแดง และเป็นเครื่องเล่นที่ผมว่าสนุกดีเพราะเราจะได้วัดเลยว่าใครเก่งกว่าใคร ใครคะแนนมากกว่าใคร บอกเลยว่าใครคะแนนน้อยนี่โดนทับถมตลอดวันแน่
- Stitch Encounter : ที่ที่เราจะได้โต้ตอบ พูดคุย และเล่นกับ Stitch แบบ interactive แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าไม่ใช่สาวก Stitch จริงๆ ควรไปเล่นอย่างอื่นดีกว่าครับ เพราะเข้าไปเราก็ฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง @_@
- Jet Packs : เครื่องเล่นคล้ายๆ เจ้าช้างบินดัมโบ้ โดยจะเป็นเครื่องเล่นที่จะพาเราขึ้นไปบนฟ้าแล้วก็หมุนเป็นวงกลมสลับกับการขึ้นลง
- Tron Realm Chevrolet Digital Challenge : ที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ในอนาคต ได้ลองควบคุม ได้ขับ และได้เล่นเกมส์หลายๆ อย่างที่ไฮเทคกว่าในปัจจุบัน บรรยากาศภายในจะมืดๆ นิดนึงนะครับ ดูแล้วเหมือนเข้าผับเข้าบาร์ที่มีแถบเรืองแสงติดอยู่ตามจุดต่างๆ ><
- Star Wars Launch Bay : คนชอบภาพยนตร์เรื่อง Star Wars จะต้องมาที่นี่เลย เพราะแม้จะไม่มีเครื่องเล่นอะไรเลย แต่การที่มีภาพยนตร์สั้นของ Star Wars ให้ดู, มีตัวละครดังๆ ของ Star Wars ให้เราได้ถ่ายรูปด้วยแถวที่สั้นสุดๆ ที่นี่ก็ยังมีการจัดแสดงของอีกหลายอย่างที่เกี่ยวกับภาพยนต์เรื่องนี้ รวมถึง cockpit ของยานมิลเลเนียม ฟัลคอน ที่เปิดโอกาสให้เราเข้าไปนั่งถ่ายรูปเท่ๆ มาอวดเพื่อนด้วยครับ
- Pepsi E-Stage : เวทีการแสดงของโซนนี้ โดยที่เวทีนี้จะมีเจ้า Baymax มาปรากฏกายให้เราขึ้นไปถ่ายรูปด้วยนะครับ ใครชอบตัวละครนี้ก็มารอแถวนี้ได้เลย
Fantasyland
หลังจากไปเอาใจหนุ่มๆ และคนที่ชื่นชอบความสนุกสนานหวาดเสียวในโลกอนาคตแล้ว คราวนี้เราจะพาไปยัง Fantasyland ดินแดนที่มีแต่ความน่ารัก มีเจ้าหญิง มีปราสาท และโลกแห่งเทพนิยายกับตัวละครสุดน่ารักทั้งหลาย โดยโซนนี้จะมีเครื่องเล่นที่น่าสนใจดังนี้ครับ
- Enchanted Storybook Castle : ปราสาทของ Shanghai Disneyland ที่นี่คุณจะเพลิดเพลินไปกับการได้ชมความงามของปราสาทเจ้าหญิงที่มีความสูงถึง 60 เมตร และเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดของ Disneyland จากทั้ง 6 แห่งทั่วโลก โดยจะมีจุดถ่ายรูปเก๋ๆ หลายจุด เช่น ผนังทั้ง 4 มุมของปราสาทจะมีการนำกระเบื้องโมเสคสวยๆ มาต่อกันเป็นรูปของเจ้าหญิงดิสนีย์ 4 คน นอกจากนั้นที่นี่ยังมี Royal Banquet Hall ห้องอาหารที่ตกแต่งในธีมของเจ้าหญิงต่างๆ อย่างเช่น Mulan, Tiana, Aurora, Cinderella ด้วย รวมไปถึงยังมี Bibbidi Bobbidi Boutique หรือห้องแต่งตัวของเจ้าหญิงตัวน้อยที่จะมีทีมงานที่พร้อมจะเปลี่ยนโฉมให้เด็กสาวทุกคนได้กลายเป็นเจ้าหญิงสมใจ
- Once Upon a Time Adventure : เครื่องเล่นแบบ walkthrough ที่จะพาเราเข้าไปสู่โลกของสโนว์ไวท์ กับคนแคระทั้ง 7 รวมไปถึงแม่มดใจร้ายกับกระจกวิเศษ ผ่านการเล่านิทานที่แสนจะไฮเทคและทันสมัย โดยคุณจะต้องตื่นตาตื่นใจกับการเดินชมนิทานเรื่องนี้แน่ๆ แนะนำเลยครับว่าใครมีเจ้าตัวเล็กหรือชื่นชอบการนำเสนอได้เจ๋งๆ ต้องแวะมาชม
- Storybook Court : จุดที่คุณจะได้มีโอกาสเจอและถ่ายรูปกับเจ้าหญิงดิสนีย์มากมาย โดยจะมีการผลัดเปลี่ยนกันออกมาเรื่อยๆ ใครที่ชื่นชอบเจ้าหญิงดิสนีย์ควรแวะมาดูบ่อยๆ ครับ เจ้าหญิงแต่ละคนนี่สวยมากๆ
- Seven Dwarfs Mine Train (FP) : นี่คือเครื่องเล่นที่สนุกและหวาดเสียวที่สุดของ Fantasyland เพราะนี่คือรถไฟเหาะที่จะพาคุณไปตะลุยเหมืองของคนแคระ บอกเลยว่าอย่าประมาทความตื่นเต้นของมันเพียงแค่มองผิวเผินนะครับ เพราะถ้าได้ลองเล่นแล้วก็จะรู้ว่ามันมีดีเหมือนกัน
- Peter Pan’s Flight (FP) : เครื่องเล่นที่จะพาเราโบยบินไปในท้องฟ้าของลอนดอนประเทศอังกฤษและพาเราไปผจญภัยใน Neverland โดยเครื่องเล่นนี้เป็นเครื่องเล่นสบายๆ ไม่น่ากลัวอะไร และผมว่าถ้าไม่ใช่สาวกของปีเตอร์แพนจริงๆ ควรข้ามไปเล่นเครื่องอื่นจะดีกว่าครับ
- The Many Adventures of Winnie the Pooh (FP) : เครื่องเล่นที่จะพาเราไปสัมผัสความน่ารักของการผจญภัยของพูห์และผองเพื่อน โดยเราจะได้นั่งในโถใส่น้ำผึ้งแล้วก็ชมเรื่องราวที่น่ารักของการ์ตูนเรื่องนี้ไปตลอดเส้นทาง และก็แน่นอนเหมือนกันว่าถ้าใครไม่ใช่สาวกของการ์ตูนเรื่องนี้ ข้ามไปเล่นเครื่องอื่นดีกว่าครับ เพราะมันค่อนข้างจะเหมาะกับเด็กๆ เกินไปนิดนึง
- Voyage to the Crystal Grotto : นี่คือหนึ่งในไม่กี่เครื่องเล่นที่ไม่หวาดเสียว แต่ผมกลับประทับใจสุดๆ โดยเครื่องเล่นนี้จะให้เรานั่งเรือล่องไปตามน้ำเพื่อชมความความ Fantasy ของเจ้าหญิงและโลกการ์ตูนของดิสนีย์ มันเป็นการนั่งเรือที่ผมรู้สึกชอบและประทับใจมาก โดยระหว่างที่เรานั่งเรือนั้นจะมีมุมที่เราสามารถถ่ายรูปปราสาทแบบที่คนอื่นถ่ายไม่ได้ด้วย รวมทั้งเรายังจะได้นั่งเรือผ่านใต้ปราสาทเจ้าหญิงอีก แนะนำเลยว่าใครอยากหาอะไรเพลินๆ เล่นระหว่างพักฟื้นพลังหรือคนที่ชอบการ์ตูนดิสนีย์มากๆ ควรจะมาเล่นครับ
- Honey Pot Spin : เครื่องเล่นถ้วยหมุนที่มาในรูปของโถน้ำผึ้งครับ
- Alice in Wonderland Maze : เส้นทางเขาวงกตของ Alice โดยตลอดเส้นทางจะมีจุดถ่ายรูปสวยๆ เต็มไปหมด และที่ปลายทางของเส้นทางนี้จะมีปาร์ตี้น้ำชากับเค้กก้อนเบ้อเร้อรอเราอยู่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้คนที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องนี้เล่นเป็นระยะเลยครับ
- Frozen A Sing-Along Celebration : การแสดงของตัวละครในการ์ตูนเรื่อง Frozen ที่คุณจะได้เห็นเอลซ่า, อันนา และตัวละครที่คุณคุ้นเคยโผล่มาในรูปแบบของละครเพลงครับ การแสดงนี้ใช้เวลาทั้งหมด 18 นาที และถึงแม้บทพูด เนื้อร้องต่างๆ จะเป็นภาษาจีนทั้งหมด แต่ผมว่าใครที่ชอบ Frozen ก็ควรจะเข้ามาดูนะครับ เพราะแอร์เย็น นั่งสบาย แถมได้เห็นตัวละครที่เราชื่นชอบในอีกรูปแบบหนึ่ง แล้วก็ตอนท้ายของการแสดงนั้นมีทีเด็ดที่จะทำให้คุณร้องว้าวซ่อนอยู่ด้วยครับ
Adventure Isle
ดินแดนแห่งการผจญภัยที่มีเครื่องเล่นสนุกสนาน หวาดเสียวและตื่นเต้นเต็มไปหมด ใครที่ชอบการผจญภัยควรมาที่นี่เลยครับ โดยโซนนี้ถ้าเราเดินเข้าสวนสนุกมาจะอยู่ทางขวามือของปราสาท และเครื่องเล่นที่น่าสนใจของโซนนี้ก็ได้แก่
- Soaring Over the Horizon (FP) : เครื่องเล่นที่ผมยกให้เป็นที่สุดของสวนสนุกแห่งนี้ ต้องเล่น ห้ามพลาดเด็ดขาด แม้จะต่อแถว 1 ชั่วโมงก็ควรจะรอ แต่ถ้าจะให้ดีให้รีบมากด Fastpass ตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ช่วยประหยัดเวลา และผมอยากจะบอกว่าให้รีบมากดแต่เช้าเพราะประมาณบ่ายโมง Fastpass ก็หมดแล้วนะครับ สำหรับรูปแบบเครื่องเล่นนั้นจะเป็นการจำลองว่าเราเป็นนกยักษ์ตัวใหญ่ๆ แล้วได้โผนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปดูความสวยงามต่างๆ ของโลกทั้งจากที่ธรรมชาติสร้างขึ้น จนไปถึงสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ผมพิมพ์มาแบบนี้หลายๆ คนก็คงจะเฉยๆ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าได้ไปลองเล่นแล้วจะรู้ว่ามันดียังไง และจะเข้าใจว่าทำไมคนถึงยอมต่อแถวยาวเหยียด ทำไม Fastpass มันถึงหมดเร็ว มันดีจริงๆ ภาพ เสียง กลิ่น ทุกอย่างลงตัวมากครับ!!
- Roaring Rapids (FP) : การล่องแก่งที่สุดสนุกที่จะทำให้คุณเปียกและหัวเราะไปพร้อมๆ กัน เป็นเครื่องเล่นที่ผมว่าถ้าได้เล่นกับเพื่อนพร้อมกันทั้งลำจะสนุกมากๆ เพราะเราต้องคอยลุ้นว่าใครจะเป็นผู้โชคร้ายเปียกที่สุด!! อ้อ…ที่บริเวณเครื่องเล่นนี้เค้ามีเสื้อกันฝนขายด้วยด้วยนะครับ แต่ผมแนะนำว่าเราพกไปจากไทยจะดีกว่าเพราะถูกกว่า คุณภาพดีกว่า แล้วก็เครื่องเล่นนี้เค้าจะมีตู้ล็อคเกอร์ไว้ฝากของด้วย สำหรับคนที่กลัวของเปียกก็ฝากได้เลย แต่ถ้าใครมีเสื้อกันฝนตัวใหญ่ๆ แล้วผมว่าไม่ต้องฝากก็ได้เพราะมันจะสามารถคลุมได้มิดอยู่แล้วและยังสามารถประหยัดเวลาได้อีกด้วย
- Challenge Trails : อีกหนึ่งเครื่องเล่นที่ผมประทับใจ และไม่อยากให้ทุกคนพลาด เพราะเป็นเครื่องเล่นที่ผมไม่เคยเจอที่ Disneyland ที่ไหนมาก่อน โดยเครื่องเล่นนี้จะเปิดโอกาสให้เราได้เดินสำรวจภูเขากับน้ำตกในเส้นทางที่สุดสนุก 3 เส้นทาง ซึ่งเราจะสามารถเลือกเส้นทางได้ตลอดว่าจะไปทางไหน โดยจะมีเส้นทางที่ง่ายสุด จนไปถึงเส้นทางที่ยากสุด เช่น เส้นทางง่ายสุดเป็นสะพานธรรมดา เดินง่ายๆ แต่เส้นทางยากสุดที่อยู่ข้างๆ กันจะเป็นสะพานเชือกเส้นเดียว!! หรือเส้นทางง่ายสุดเป็นเส้นทางเข้าถ้ำใต้น้ำตกแบบที่เดินสบายๆ ไม่ต้องกังวลอะไร แต่เส้นทางยากสุดคือเส้นทางที่คุณจะต้องเปียกและมีพื้นที่ในการวางเท้าแค่ฝ่าเท้าเดียว!! บอกเลยว่าสนุกและตื่นเต้นมากๆ ครับ ใครชอบแนวนี้แนะนำเลย และด้วยความที่มัน Extreme มากๆ แบบนี้นี่แหละ เครื่องเล่นนี้เค้าจึงไม่อนุญาตให้เรานำอะไรติดตัวเลยแม้กระทั่งกระเป๋าตังค์หรือมือถือครับ ส่วนในเรื่องความปลอดภัยนั้นไว้วางใจได้ ชุดกับสายสลิงที่เค้าให้มานั้นแข็งแรงสุดๆ และมีจุดที่เป็น Safety Point อยู่ตลอดเส้นทาง
- Camp Discovery : เส้นทางการสำรวจความมหัศจรรย์ของภูเขาและน้ำตกอันตระการตา โดยเส้นทางนี้จะพาเราไปเดินดูว่าคนที่เล่น Challenge Trails ด้านบนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง จะได้เตรียมใจตัวเองถูกว่าจะเล่นดีมั้ย ถ้าเล่นด่านนี้จะเลือกเส้นทางไหนดีจึงจะเหมาะกับตัวเองที่สุด
- Tarzan – Call of the Jungle : การแสดงโชว์ของทาร์ซาน โดยจะใช้เวลาในการแสดงประมาณ 30 นาที เนื่องจากเวลาของผมไม่ตรงกับรอบการแสดงและก็คิดว่าการพูดส่วนใหญ่คงเป็นภาษาจีนอยู่แล้วก็เลยไม่ได้เข้าไปดูครับ
Treasure Cove
โซนสุดท้ายของ Shanghai Disneyland โดยที่โซนนี้จะเน้นเรื่องของสมบัติเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ต้องเกี่ยวข้องกับโจรสลัดอย่างแจ๊ค สแปโรว์ (Jack Sparrow) จากภาพยนตร์เรื่อง Pirates of the Caribbean โดยที่โซนนี้จะมีจุดถ่ายรูปสวยๆ รวมไปถึงเครื่องเล่นที่ห้ามพลาดตามนี้ครับ
- Pirates of the Caribbean – Battle for the Sunken Treasure : 1 ใน 3 ของเครื่องเล่นใน Shanghai Disneyland ที่ผมบอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะมันดีงาม ตระการตา และจะทำให้คุณตื่นตะลึงจนอ้าปากค้างเลย โดยรูปแบบของเครื่องเล่นนี้จะเป็นการพาเรานั่งเรือเข้าไปอยู่ในโลกของการต่อสู้ของแจ๊ค สแปโรว์ ที่น่าตื่นตา ตื่นเต้นมากๆ ภาพ เสียง เอฟเฟ็คต่างๆ ดีงามจนต้องเล่นซ้ำครับ!!
- Eye of Strom – Captain Jack’s Stunt Spectacular : การแสดง live show ของกัปตันแจ๊ค สแปโรว์ และผองเพื่อน ซึ่งตัวผมเองไม่ได้ดูการแสดงนี้เพราะวันแรกที่ไปเวลาไม่ได้ ส่วนวันที่สองที่ไปการแสดงนี้ปิดครับ ก็เอาเป็นว่าใครที่ชอบภาพยนตร์เรื่องก็ลองไปดูครับ โดยระยะเวลาของการแสดงนี้จะอยู่ที่ 30 นาที
- Siren’s Revenge : คุณจะได้เดินสำรวจและถ่ายรูปเรือโจรสลัดได้แบบใกล้ชิด ใครชอบการถ่ายรูปก็มาที่นี่ได้เลย
- Explorer Canoes : เครื่องเล่นที่เราจะต้องใช้ความสามารถของตัวเองกับเพื่อนๆ เพื่อพาเรือแคนูลำใหญ่ไปสู่เป้าหมาย โดยเครื่องเล่นนี้จะเปิดโอกาสให้เราได้พายเรือแคนูด้วยตัวเองครับ ใครชอบและอยากมีประสบการณ์แบบนี้ก็จัดเลยครับ อ้อ….เครื่องเล่นนี้เป็นเครื่องเล่นที่ปิดเร็วกว่าเพื่อนเลยนะครับ ราวๆ 16.30 น. ก็ปิดแล้ว ใครที่สนใจก็ต้องรีบไปหน่อยนะครับ
- Shipwreck Shore : อีกหนึ่งจุดที่มีของเกี่ยวกับโจรสลัดให้เราถ่ายรูปสวยๆ รวมไปถึงเครื่องเล่นสนุกๆ อย่างปืนใหญ่ฉีดน้ำที่จะทำให้คุณหัวเราะและสนุกสนานมากๆ ถ้าได้ไปเล่นกับเพื่อนหรือแฟนครับ
Disney Pixar Toy Story Land
สำหรับโซนนี้จะเป็นโซนใหม่ล่าสุดของ Shanghai Disneyland ครับ และเป็นโซนที่เค้าสร้างขึ้นมาหลังจากที่ผมไปมาแล้ว ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ ผมจะไม่ทราบมากนะครับ แต่โดยรวมแล้วที่นี่จะมีตัวละครและเครื่องเล่นจาก Toy Story และ Pixar Studio เป็นหลักครับ ส่วนชื่อเครื่องเล่นเด่นๆ นั้นก็ประกอบไปด้วย Rex’s Racer, Slinky Dog Spin และ Woody’s Roundup ครับ ใครที่ชื่นชอบตัวละครในหมวดนี้ก็ลองแวะไปโซนนี้ดูนะครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมของเครื่องเล่นเด่นๆ ใน 7 โซนของ Shanghai Disneyland โดยภายในสวนสนุกแห่งนี้และบริเวณรอบๆ ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกมากมายทั้ง Wishing Star Park ซึ่งเป็นสวนริมน้ำให้เดินถ่ายรูปตรงบริเวณด้านนอก หรือ Disney Town ซึ่งเป็นโซนร้านขายของที่มีร้านอย่าง Adidas, Lego Store ที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ร้านของที่ระลึก Disney รวมไปโรงละคร Lion King ดังนั้นถ้าใครที่ได้มีโอกาสไปมากกว่า 1 วันก็ลองสำรวจให้ครบนะครับ
6. เรื่องอื่นๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับเครื่องเล่น รวมทั้งวิธีการใช้งานล็อคเกอร์ (Locker)
หลังจากที่เรารู้ภาพรวมของเครื่องเล่นในแต่ละโซนแล้ว ผมจะขอเล่าเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ ที่คุณควรรู้เกี่ยวกับเครื่องเล่น รวมถึงวิธีการใช้งานล็อคเกอร์กันดีกว่าครับ
- เครื่องเล่นหลายๆ เครื่องจะมีการระบุข้อจำกัดในการเล่นไว้อยู่ โดยจะระบุไว้ใน Shanghai Disney Resort App หรือทำเป็นสัญลักษณ์ไว้หลังชื่อเครื่องเล่นใน Guide Map เราก็ต้องลองอ่านดูก่อนนะครับว่าสัญลักษณ์นั้นหมายถึงอะไร จะได้เดินไปไม่เสียเที่ยว แต่โดยหลักๆ จะเป็นเรื่องการจำกัดส่วนสูง, โรคประจำตัว แล้วก็เรื่อง Wheelchair ครับ
- หลายๆ เครื่องเล่นของ Shanghai Disneyland นั้น จะเปิดโอกาสให้คนที่นั่ง Wheelchair เล่นได้ด้วย บางเครื่องเล่นก็เอา Wheelchair ขึ้นได้เลย แต่บางเครื่องเล่นก็ต้องย้ายตัวเองออกจาก Wheelchair ครับ
- หลังจากที่เราเล่นเครื่องเล่นบางอย่างเสร็จแล้วที่ปลายทางจะมีการโชว์ภาพที่เราเล่นเครื่องเล่นนั้นด้วย โดยเราสามารถที่จะสั่ง Print ภาพนั้น (มีค่าบริการ) หรือจะเอามือถือเราถ่ายภาพนั้นมาก็ได้ครับ
- ที่ปลายทางของบางเครื่องเล่นจะเป็นร้านขายของที่ระลึกในธีมของโซนนั้นครับ ใครชอบอะไร มีเงินเท่าไหร่ก็จัดได้เลย
- เครื่องเล่นแทบทุกเครื่องเล่นจะอนุญาตให้เรานำกระเป๋าและของต่างๆ ขึ้นไปเล่นด้วยได้ ยกเว้น 2 เครื่องเล่นเท่านั้นที่ห้ามเด็ดขาดนั่นคือ Tron Lightcycle Power Run ใน Tomorrowland และ Challenge Trails ใน Adventure Isle โดยเราจะต้องนำของทั้งหมดฝากล็อคเกอร์ไว้ก่อน
- ล็อคเกอร์สำหรับฝากของในสวนสนุกจะมีทั้งหมด 3 ที่ ได้แก่
- บริเวณ Tron Lightcycle Power Run ใน Tomorrowland
- บริเวณ Challenge Trails ใน Adventure Isle
- บริเวณ Roaring Rapids ใน Adventure Isle
- ประเภทของล็อคเกอร์จะมี 2 แบบ แบบที่หนึ่ง คือการล็อคด้วยกุญแจ และแบบที่สองคือการล็อคด้วยรหัสที่เราตั้งขึ้น โดยส่วนตัวผมเลือกใช้แบบที่สองเพราะมีขนาดใหญ่กว่าและเราไม่ต้องคอยพะวงเรื่องการเก็บกุญแจ
- ล็อคเกอร์ทั้ง 3 จุดนั้นจะเปิดให้เราใช้บริการฝากของฟรี 2 ชั่วโมง หากเราฝากไว้นานกว่านั้นจะมีค่าบริการ 50 หยวน หรือราวๆ 200 บาท/ขั่วโมง ซึ่งถือว่าราคาแรงใช้ได้เลยครับ
วิธีใช้งาน Locker
สำหรับวิธีการใช้งาน Locker แบบที่เราต้องตั้งรหัสล็อคเองก็มีดังนี้ครับ
- เดินไปที่ตู้ Control ของล็อคเกอร์โซนนั้น ซึ่งหน้าตาจะคล้ายๆ กับเครื่อง ATM ครับ
- กดที่หน้าจอ และเลือกเมนูเป็นภาษาอังกฤษ
- เมื่อหน้าจอขึ้นภาพตามด้านล่างให้กดคำว่า “Standard 0 Yuan”
- กดคำว่า “I agree to these pricing terms”
- ใส่รหัสที่เราต้องการเปิดปิดตู้ โดยจะต้องเป็นตัวเลข 4 หลัก และต้องทำการใส่รหัสทั้งหมด 2 ครั้งเพื่อเป็นการ confirm ครับ
- เครื่องจะทำการ Print เอกสารออกมาให้ โดยในนั้นจะมีหมายเลขตู้ล็อคเกอร์ของเราอยู่ เราก็เดินไปหาตู้ล็อคเกอร์ หมายเลขนั้น แล้วกดรหัส 4 หลักที่เราตั้งที่ตู้ดังกล่าว
- หลังจากที่ตู้เปิดออก เราก็เอาของใส่เข้าไปแล้วก็ปิดฝาตู้ แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย สามารถไปเล่นเครื่องเล่นได้ครับ
- สำหรับการเอาของออกจากตู้ล็อคเกอร์ เราก็แค่เดินกลับมาที่ตู้แล้วใส่รหัส 4 หลักของเราลงไปเท่านั้น จากนั้นก็หยิบของออกมาได้เลย
คำเตือน : ในเอกสารที่เครื่องปริ้นท์ออกมานั้น จะมีแค่เบอร์ตู้เท่านั้นนะครับ จะไม่มีรหัสที่เราตั้ง ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องจำให้ได้ก็คือเลขรหัส 4 ตัวของเรา รวมทั้งอย่าทำเอกสารหายนะครับ ไม่งั้นจำรหัสได้แต่หาตู้ไม่เจอก็ตัวใครตัวมันนะครับ @_@
7. ขบวนพาเหรดและการแสดงปิดท้ายของวันเป็นอย่างไรบ้าง น่าสนใจแค่ไหน?
แน่นอนว่าหลายๆ คนที่มา Disneyland นั้น ไม่ได้ตั้งใจจะมาเล่นเครื่องเล่นเพียงอย่างเดียว แต่ตั้งใจมาถ่ายรูปกับตัวละครที่ชื่นชอบ รวมทั้งดูการแสดงต่างๆ ด้วย โดยเราสามารถขอกำหนดการแสดง (Time Guides) ได้จากพนักงานบริเวณประตูทางเข้าได้เลย โดยในเอกสารจะมีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีเวลาการแสดงโชว์รวมไปถึง Character Greeting Times (เวลาที่ตัวละครดิสนีย์ออกมาถ่ายรูป) ไว้เรียบร้อยแล้ว โดย 2 สิ่งที่ผมคิดว่าห้ามพลาดในการชมเด็ดขาดนั่นก็คือ
ขบวนพาเพรด Mickey’s Storybook Express
ขบวนพาเหรดในช่วงเวลากลางวัน โดยวันที่ผมไปนั้นจะเริ่มขบวนตอน 15.30 น. และใช้เวลาในการชมประมาณ 10-15 นาที โดยในขบวนพาเหรดจะมีตัวละครของดิสนีย์มากมาย บางตัวก็เด่นหน่อย บางตัวก็โผล่มาแบบให้รู้ว่ามา >< แต่ที่เด่นสุดๆ และถือว่าเป็นพระเอกของขบวนพาเหรดนี้เลยก็คือ มู่หลาน (Mulan) โดยจะมาบนหลังม้าที่ใหญ่โตมโหฬารรวมทั้งมีทหารที่มาร่วมทัพพร้อมกับสร้างสีสันอย่างมากมายเลยครับ
การแสดงปิด Ignite the Dream : A Nighttime Spectacular of Magic and Light
การแสดงปิดบริเวณปราสาทเจ้าหญิงที่สุดยอดสวยงาม อลังการงานสร้างมากๆ โดยการแสดงนี้จะอยู่ในช่วงเวลา 20.00 น. หรือ 20.30 น. ขึ้นอยู่กับเวลาการปิดของสวนสนุกในวันนั้น โดยการแสดงนี้จะใช้ปราสาทเจ้าหญิงที่อยู่บริเวณกลางสวนสนุกเป็นที่รับภาพต่างๆ จากเครื่องฉายภาพที่มีความคมชัดสุดๆ นอกจากนี้ยังมีเสียง แสงเลเซอร์ น้ำพุ ลูกไฟ และพลุ เป็นตัวเสริมที่ทำให้โชว์นี้ตระการตามากขึ้น บอกเลยว่าเป็นการแสดงที่ห้ามพลาดจริงๆ ครับ 20 นาทีของการแสดงนี้ควรค่าแค่การรอคอยมาก
สำหรับการแสดงขบวนพาเหรดและการแสดงปิดนี้ อาจจะมีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการแสดงได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เช่น ถ้าฝนตกหนัก อาจจะยกเลิกเลยทั้งคู่ หรือถ้าฝนตกเบาๆ การแสดงปิดอาจจะยังมีอยู่ แต่จะไม่มีการยิงพลุ เป็นต้น ดังนั้นถ้าวันที่เราไปสภาพอากาศไม่ค่อยดีก็อาจจะต้องทำใจหน่อยนะครับว่าเราอาจจะเห็นการแสดงที่ไม่สมบูรณ์ 100%
หมายเหตุ : เนื่องจากขบวนพาเหรดและการแสดงปิดนั้นถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญมากของสวนสนุกแห่งนี้ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจนะครับ ที่จะมีคนไปเฝ้ารอดูที่ตำแหน่งดีๆ ล่วงหน้า 1 ชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลาการแสดง โดยคนที่ไปถึงก่อนก็จะนั่งปักหลักเฝ้ารออยู่ตรงนั้น แต่เราผู้ซึ่งไปถึงทีหลังก็อย่าพึ่งดีใจไปว่าถ้าเราไปยืนข้างหลังเค้าแล้วจะมองเห็น เพราะเมื่อถึงเวลาที่การแสดงเริ่มขึ้น คนที่นั่งอยู่ทั้งหมดก็จะลุกขึ้นยืนบังเราหมด ดังนั้นถ้าเลือกได้ให้พยายามไปหาที่ที่เราจะได้อยู่แถวหน้าสุดให้ได้ครับ
8. อาหารข้างใน Shanghai Disneyland ราคาแรงมั๊ย อร่อยหรือเปล่า?
อีกหนึ่งคำถามที่คนส่วนใหญ่จะลืมนึกถึงก็คือ “ราคาอาหารแพงไหม?” ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกตามตรงเลยครับว่าแพงถึงแพงมาก อย่างเช่น ราคาน้ำอัดลมที่จำหน่ายด้านนอกจะราคาขวดละ 5 หยวน (ประมาณ 25 บาท) แต่ใน Shanghai Disneyland นั้น จะจำหน่ายที่ขวดละ 15 หยวน (ประมาณ 75 บาท)
ส่วนราคาของอาหารและขนมทั่วไปก็จะเริ่มต้นที่ 30 หยวน จนไปถึง 100 หยวน (ประมาณ 150 – 500 บาท) อย่างเช่น ไอศกรีมในภาพแรก ราคา 40 หยวน/แท่ง, Pretzel ในภาพที่สองและสาม ราคา 30 หยวน/ชิ้น, ไก่ในภาพที่สี่ราคา 40 หยวน/ชิ้น, ข้าวกล่องในภาพที่ห้าและหก ราคา 50 หยวน/กล่อง, Beef and Kimchi Wrap ในภาพเจ็ดราคา 55 หยวน/ชิ้น, น่องไก่งวงในภาพแปดราคา 80 หยวน/ชิ้น และเบอร์เกอร์ในภาพที่เก้าและสิบ ราคาชุดละ 95 หยวน ใครอยากรู้ราคาเงินไทยแบบคร่าวๆ ก็เอา 5 คูณเข้าไปนะครับ @_@
ก็เรียกได้ว่าราคาแต่ละอย่างก็แรงน่าดู ใครจะกินเอาอิ่มนี่ต้องพกเงินไปเผื่อ 1,000 บาท/คน เลยทีเดียวครับ แต่อย่างว่าของพวกนี้มันก็แลกมาด้วยความแปลกและ Limited แหละครับ อย่าง Pretzel, Beef and Kimchi Wrap แล้วก็น่องไก่งวงนั้น แม้จะแพงแต่ก็อร่อยดีครับ แล้วก็อีกอย่างทาง Shanghai Disneyland เค้าก็ไม่ได้ใจร้ายจนเกินไป โดยเค้าเปิดโอกาสให้เรานำขนมและน้ำดื่มจากภายนอกเข้าไปได้ แต่ต้องไม่เยอะจนน่าเกลียดและขนมนั้นต้องอยู่ในแพคเกจที่ดูดีหน่อยครับ เช่น เอาขนมปังเข้าไป 2 ชิ้น กับน้ำ 1 ขวด เป็นต้น ส่วนใครที่เอาขนมที่อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยโอเคไปคือเป็นถุงพลาสติกใหญ่ๆ แล้วมีขนมเป็นก้อนๆ อยู่ในนั้นแบบไม่มีแพคเกจเลย ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้เอาเข้านะครับ
สำหรับจุดที่ผมแนะนำให้ทุกคนซื้อขนมและเครื่องดื่มติดตัวก็คือในสถานีเมโทร Disney Resort เลยครับ ที่นี่มี Familymart และร้านขายขนมปังหลายร้านเลย ราคาก็ปกติโดยทั่วไป อย่างขนมปังก็อยู่ที่ราวๆ 8-12 หยวน/ชิ้นครับ
9. เรื่องควรรู้และของต้องห้ามใน Shanghai Disneyland
มาถึงข้อควรรู้ก่อนเข้าไปที่ Shanghai Disneyland แล้วครับ โดยเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเลย นั่นก็คือที่นี่จะมีการตรวจค้นกระเป๋าก่อนที่จะไปถึงจุดผ่านประตูเข้าสวนสนุก โดยจุดประสงค์หลักคือการตรวจค้นอาวุธ ซึ่งส่งผลให้ “ไม้เซลฟี่” กับ “ขาตั้งกล้อง” กลายเป็นสิ่งของต้องห้ามไปด้วย ถ้าใครเอาไปจะต้องนำไปฝากที่จุดบริการในราคา 80 หยวน/ชิ้น/วัน หรือราวๆ 400 บาท โดยเค้าจะมีเอกสารให้เรากรอกและเราต้องไปรับก่อน 3 ทุ่ม ดังนั้นใครที่รู้แล้วก็ไม่ควรจะเอาไปนะครับ เพราะนอกจากจะเสียทั้งเงินแล้วยังเสียเวลาอีกด้วย แต่ถ้าใครต้องการจะไปเที่ยวที่นี่โดยเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ยักษ์ติดไปด้วย การเอาของไปฝากก่อนเข้าสวนสนุกที่ราคา 400 บาท/วัน นี่เป็นอะไรที่คุ้มแล้ว เพราะเราจะเซฟเวลาในส่วนอื่นๆ ของเราได้
10. วิธีการซื้อบัตรเข้า Shanghai Disneyland แบบง่ายๆ
มาถึงตรงนี้ทุกคนก็คงจะตัดสินใจได้แล้วใช่มั้ยล่ะครับว่า จะไปหรือไม่ไปที่สวนสนุกแห่งนี้ดี โดยสำหรับคนที่ตัดสินใจจะไปนั้นสิ่งแรกๆ ที่จะต้องทำก็คือการซื้อบัตรเข้า Shanghai Disneyland โดยเราสามารถซื้อได้ 2 ช่องทางคือ ที่หน้าสวนสนุก และช่องทางออนไลน์ ซึ่งผมแนะนำว่าควรซื้อแบบออนไลน์จะดีกว่า เพราะจะประหยัดเวลาเราได้เยอะครับ
สำหรับช่องทางการซื้อบัตรแบบออนไลน์นั้น เท่าที่ผมหามาจะมีอยู่ 2 ช่องทางคือ ที่หน้าเวปของ Shanghai Disneyland เองตามลิงก์นี้ https://www.shanghaidisneyresort.com/en/tickets/ แล้วก็อีกช่องทางคือการซื้อผ่านเวปของ Ctrip ตามลิงก์นี้ http://english.ctrip.com/ttd/detail-2-201605000019/ โดยตอนแรกผมพยายามลองซื้อผ่านเวปของ Shanghai Disneyland แล้ว แต่ไม่ว่าจะลองซื้อกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ผมก็ไม่สามารถ Register Account ของผมได้ ผมก็เลยเลือกไปซื้อผ่าน Ctrip แทน โดยขั้นตอนการซื้อก็มีดังนี้ครับ
- เลือกวันที่จะไป พร้อมระบุจำนวนคนที่ต้องการซื้อ โดยราคาบัตรค่าเข้าจะแตกต่างกันไปตามวัน ซึ่งเท่าที่ผมลองไล่ดูก็จะมีตั้งแต่ 399 หยวน/คน จนถึง 599 หยวน/คน เลยครับ โดยวันที่เป็นวันหยุดหรือเสาร์อาทิตย์นั้นจะราคาสูงสุดครับ (ราคานี้จะเป็นราคาสำหรับผู้ใหญ่ 1 ท่านนะครับ แต่ถ้าเป็นราคาเด็กหรือราคาผู้สูงอายุ ก็จะถูกกว่านิดหน่อยครับ)
- กด Book แล้วใส่ข้อมูลของเราและเพื่อนๆ ที่จะไปด้วยกัน รวมทั้งข้อมูลในการติดต่อ โดยสิ่งที่สำคัญมากๆ ในหน้านี้ก็คือหมายเลข Passport และชื่อ-นามสกุลของเราต้องถูกต้อง ตรงกับ Passport ครับ ส่วนหมายเลขโทรศัพท์นั้นสามารถใส่หมายเลขที่ไทยได้เลย
- กด Accept and Continue
- ระบบจะให้ใส่ข้อมูลบัตรเครดิตของเรา เมื่อเรากรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยจะมีเมลมาหาเราสองฉบับ ฉบับแรกจะแจ้งว่าทาง Ctrip ได้ข้อมูลการสั่งซื้อจากเราแล้ว ส่วนฉบับที่สองจะส่งมาตามหลังว่าดำเนินการซื้อให้เราเรียบร้อยแล้วและให้เรานำ Passport ของเราไปเปลี่ยนเป็นตั๋วที่บริเวณทางเข้า Shanghai Disneyland ในวันที่เราระบุไว้
- เมื่อถึงวันที่เราไปสวนสนุกก็ให้เรานำ Passport ไปด้วยทุกคน จากนั้นเมื่อตรวจกระเป๋าเสร็จก็ให้เดินไปที่ประตูทางเข้าสวนสนุก และยื่น Passport ให้เจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลในระบบและออกเป็นบัตรเข้าสวนสนุกให้เราครับ
ก็เรียกว่าไม่ยากเลย เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอน ไม่ต้องพกอะไรไปเยอะเราก็เข้าสวนสนุกแห่งนี้ได้แล้วครับ ^^
11. วิธีการเดินทางไป Shanghai Disneyland และการเลือกโรงแรมที่พัก
เมื่อมีตั๋วเข้าสวนสนุกแล้ว ทีนี้เราก็มาดูเรื่องของการเดินทางและที่พักกันดีกว่า โดยผมขอเริ่มต้นตั้งแต่การเดินทางจากไทยนะครับ สำหรับสายการบินที่บินจากไทยไปเซี่ยงไฮ้นั้น จริงๆ ก็มีหลายสายการบิน แต่ผมเลือกใช้บริการของ Air Asia X ด้วยความที่ประหยัด, ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แล้วก็เวลาบินขาไปที่ดีมากๆ โดยไฟลท์ XJ 760 ที่ผมบินนั้นจะออกจากสนามบินดอนเมืองตอน 00.15 น. และไปถึงสนามบิน Pudong ที่เซี่ยงไฮ้ตอนประมาณ 05.30 น. ซึ่งเราจะสามารถเที่ยวต่อในวันนั้นได้เลย รวมทั้งคนที่จะไป Shanghai Disneyland นั้นก็สามารถที่จะไปทันเวลาเปิดได้สบายๆ โดยถ้าใครรีบก็ใช้บริการ Taxi ได้เลยครับ แม้จะแพงหน่อยแต่ก็ประหยัดเวลากว่าการนั่งรถ Metro เป็นชั่วโมงเลย เพราะจริงๆ แล้ว สองสถานที่นี้อยู่ไม่ไกลกันมากแต่เส้นทางรถเมโทรนั้นวิ่งอ้อมครับ
อ้อ ในหนังสือ inflight magazine ของ Air Asia X นั้น เค้ามีวิธีกรอกใบตรวจคนเข้าเมืองจีนด้วยนะครับ ดีมากๆ เลยล่ะครับ
ส่วนใครที่พักอยู่ที่เซี่ยงไฮ้อยู่แล้ว จริงๆ ก็สามารถเดินทางไป Shanghai Disneyland ได้หลายวิธีเลย แต่วิธีที่ผมขอแนะนำก็คือการนั่งรถเมโทรไปลงสถานี Disney Resort ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถเมโทรสาย 11 เพราะค่านั่งรถเมโทรที่นี่ถูกมาก นั่งไกลๆ เป็นชั่วโมง ยังแค่ 7 หยวน หรือราวๆ 35 บาทเอง ที่สำคัญการเดินทางแบบนี้สะดวก ไม่หลง ไม่โดนโกงด้วยครับ
หมายเหตุ : สามารถดูตารางการเดินทางรถเมโทรในเซี่ยงไฮ้รวมทั้งอัตราค่าบริการได้ที่เวบนี้ครับ http://service.shmetro.com/en/ แล้วก็ใครที่นั่งรถเมโทรสาย 11 ไปถึงสถานี Luoshan Road แล้ว เจอเจ้าหน้าที่เค้าไล่ลงก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ เพราะรถขบวนนี้จะไม่ได้ไปสุดสายที่ Disney Resort ทุกคัน แต่จะไปแบบสลับคันเว้นคัน ดังนั้นเราก็แค่ลงจากรถแล้วรอขึ้นคันใหม่ที่จะเข้ามาแค่นั้นเองครับ
สำหรับเรื่องโรงแรมที่พักสำหรับคนที่จะไป Shanghai Disneyland นั้น ด้วยความที่เราสามารถนั่งรถเมโทรไปถึงสวนสนุกได้อยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่พักครับ เลือกที่พักที่ใกล้เมโทร, ราคารับได้, สภาพห้องถูกใจก็พอแล้ว พอได้ที่พักเราก็แค่เข้าเวบรถเมโทรเช็คว่าต้องใช้เวลานั่งรถนานเท่าไหร่ จากนั้นก็กำหนดเวลาตื่น เวลาออกจากที่พักเท่านั้นเองครับ สบายมาก ^^
อ้อ หรือถ้าใครงบถึง และต้องการสัมผัสกับความเป็นดิสนีย์แบบสุดๆ ก็สามารถเลือกพักที่โรงแรมของ Shanghai Disneyland ได้นะครับ เค้ามีให้เลือกพักอยู่ 2 ที่คือ Shanghai Disney Hotel กับ Toy Story Hotel ครับ
12. บทสรุปสั้นๆ และคลิปบรรยากาศการท่องเที่ยว
อ่านกันมายาวนาน ในที่สุดก็ถึงบทสรุปกันซักที โดยผมขอสรุปสั้นๆ เลยนะครับว่า ผมเคยกลัวการมาเซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland) มาก ทั้งเรื่องคน, การแซงคิว, ความสะอาด รวมไปถึงความมั่นใจในเครื่องเล่น แต่หลังจากที่ผมได้มาแล้วผมกลับประทับใจมาก และคิดว่านี่คือสวนสนุกแห่งนึงที่ดีมากๆ เลย แม้เครื่องเล่นจะไม่ได้หวาดเสียว ตื่นเต้นถึงขีดสุด แต่ก็สนุกสนาน ตระการตา และทำให้เรารู้สึกเป็นเด็กอีกครั้ง หลายๆ เครื่องเล่นสามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย และหลายๆ เครื่องเล่นคุณจะไม่สามารถหาเล่นที่อื่นได้เลยไม่ว่าจะเดินทางไปไกลซักแค่ไหน ดังนั้นผมก็เลยอยากจะให้ทุกคนลองเปิดใจแล้วมาเที่ยวที่นี่ดูซักครั้งครับ ส่วนคนที่รักในความเป็นดิสนีย์อยู่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะห้ามให้คุณไม่มาที่นี่ มันดีมากๆ เลยล่ะครับ!!
ก็จบลงแล้วสำหรับบทความนี้ บทความที่ผมตั้งใจจะให้ตอบ จบ ครบทุกอย่างในทุกเรื่องที่คนอยากรู้ในสวนสนุกแห่งนี้ สำหรับใครที่ไม่ชอบการอ่านตัวหนังสือเยอะๆ ก็สามารถดูคลิปที่ผมตัดต่อมาที่ด้านล่างนี้ได้เลย ส่วนใครที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้แล้ว และยังไม่รู้ว่าโปรแกรมวันอื่นๆ จะไปเที่ยวที่ไหนดีก็สามารถตามไปอ่านบทความนี้ต่อได้เลยครับ “Shanghai : เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ไม่ไปไม่รู้ ดูดีกว่าที่คิด”
สุดท้ายนี้หากใครที่ชอบแนวทางการเขียนของผมและอยากติดตามเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติมก็สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป