สวัสดีครับ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมได้พาทุกคนไปรู้จักกับไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน Let’s Lunch ของห้องอาหาร The SQUARE (เดอะ สแควร์) ของโรงแรม Novotel Bangkok Fenix Silom (โนโวเทล กรุงเทพ ฟีนิกซ์ สีลม) ที่มีจุดเด่นมากๆ ในเรื่องของราคาตามลิงก์นี้ไปแล้ว
วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับอีกหนึ่งไลน์บุฟเฟ่ต์ของห้องอาหารแห่งนี้และมีความเด็ดรวมถึงความคุ้มค่าไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนที่ชอบทานกุ้งแม่น้ำแล้วผมว่าน่าจะถูกใจแน่ๆ ที่สำคัญไลน์นี้ยังเปิดบริการตอนเย็นของทุกวันด้วย เรียกว่าเหมาะสมกับคนที่เป็นพนักงานเงินเดือนสุดๆ โดยไลน์บุฟเฟ่ต์นี้มีชื่อว่า Prawn Ja Season 2 และมีรายละเอียดของการเปิดบริการ รวมทั้งราคาดังนี้ครับ
ชื่อธีม : บุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawn Ja Season 2
ห้องอาหาร : The SQUARE ชั้น 6 โรงแรม Novotel Bangkok Fenix Silom
วันที่เปิดบริการ : ทุกวัน (ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2562)
เวลาที่เปิดบริการ : 18.00 น. – 22.00 น.
ราคาสำหรับผู้ใหญ่ : 1,299 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่ม)
ราคาสำหรับเด็กอายุ 0 – 7 ปี : ทานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ราคาสำหรับเด็กอายุ 7 ปีขึ้นไป : 499 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่ม)
พิเศษ!! สำหรับผู้ใหญ่ที่ทำการจองผ่านลิงก์นี้ http://bit.ly/2FsEr8E รับสิทธิ์ในการทานไลน์บุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawns Ja Season 2 นี้ได้เลยในราคาเพียง 650 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่ม) และสำหรับใครที่เป็นสมาชิกแอคคอร์พลัส รับสิทธิ์ในการทานเหลือเพียงคนละ 550 บาทเท่านั้น บอกเลยว่าถูกและคุ้มมากครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
เอาล่ะ ดูรายละเอียดของไลน์บุฟเฟ่ต์และราคากันไปแล้ว คราวนี้เราไปดูเรื่องที่ตั้งของโรงแรมรวมถึงไลน์อาหารของเค้ากันดีกว่า โดยโรงแรม Novotel Bangkok Fenix Silom นั้นจะตั้งอยู่ใกล้ๆ หัวมุมถนนสีลมบริเวณจุดที่ตัดกับถนนใต้ทางด่วนครับ โรงแรมจะอยู่ใกล้กับสี่แยกมากๆ ใครที่เลี้ยวรถมาก็เข้าให้ถูกเลนและสังเกตให้ดีๆ นะครับ เพราะหากขับเพลินอาจจะเลยโรงแรมได้โดยที่ไม่รู้ตัว ><
ส่วนใครที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า ผมต้องบอกไว้ก่อนนะว่าโรงแรมแห่งนี้จะไม่ได้อยู่ใกล้ BTS มากนัก โดยสถานี BTS ที่ใกล้ที่สุดก็คือ BTS สะพานตากสิน ซึ่งจะอยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 700-800 เมตร ดังนั้นใครที่ต้องการจะเดินไปที่โรงแรมแห่งนี้ก็ต้องเผื่อระยะเวลาในการเดินไว้นิดนึงนะครับ หรือไม่ก็อาจจะลองโทรสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมกับทางโรงแรมที่เบอร์ 02-2069217 ก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยในการเดินมาก
ส่วนนี่เป็นหน้าตาของที่จอดรถเค้าครับ โดยโรงแรมแห่งนี้จะไม่มีที่จอดรถในตึก แต่เค้าจะมีลานจอดรถอยู่ด้านข้างของโรงแรมแทน หน้าตาของลานจอดจะคล้ายกับไซต์ก่อสร้างหน่อย สามารถจอดรถได้ประมาณ 40 คัน โดยคนที่มาใช้บริการที่ห้องอาหารนั้นจะสามารถประทับตราบัตรจอดรถได้ฟรี 6 ชั่วโมง หากจอดรถนานกว่านั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายชั่วโมงละ 50 บาทครับ
และนี่เป็นหน้าตาของห้องอาหาร The SQUARE ครับ ห้องอาหารแห่งนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้น 6 ของโรงแรม เป็นห้องอาหารที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก สามารถจุคนได้ประมาณ 120 – 130 คน ผนังด้านนึงเป็นกระจกใสทำให้มองดูแล้วไม่ค่อยอึดอัด ส่วนโต๊ะที่มีให้บริการนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบ ใครที่ชอบโต๊ะไหนก็ลองแจ้งพนักงานดูนะครับ
เอาล่ะ มาดูในส่วนของอาหารกันดีกว่า สำหรับไลน์บุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawns Ja Season 2 ของโรงแรม Novotel Bangkok Fenix Silom นั้น ผมคิดว่ามันสามารถแยกออกได้เป็นทั้งหมด 6 หมวดตามนี้ครับ
หมวดที่ 1 : Seafood on ice
หมวดที่ 2 : อาหารไฮไลท์ (Special Menu)
หมวดที่ 3 : อาหารนานาชาติ
หมวดที่ 4 : สลัดและขนมปัง
หมวดที่ 5 : อาหารจานร้อนและอาหารอื่นๆ
หมวดที่ 6 : ขนมหวาน, ผลไม้ และไอศกรีม
เริ่มกันที่หมวดที่หนึ่ง “Seafood on ice” ที่หมวดนี้เค้ามีการจัดเต็มกว่าตอนกลางวันเยอะมาก โดยเค้ามีการจัดทั้งกุ้งแม่น้ำ, กุ้งแดง, หอยแมลงภู่สีน้ำเงิน (Blue Mussels) หอยแมลงภู่สีดำ (Black Mussels) และหอยตลับให้เราทานครับ คุณภาพทั้งในเรื่องความสดและขนาดนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย เรียกว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับราคา 650 บาท/คน net มาก นอกจากนี้สำหรับใครที่มาทานอาหารไลน์นี้ในเย็นวันจันทร์ถึงวันพฤหัส ทางห้องอาหารเค้ายังมีการเพิ่มหอยนางรมเข้ามาอีกหนึ่งอย่างด้วยครับ บอกเลยว่าคุ้มค่าและจัดเต็มจริงๆ
โดยรวมๆ แล้วต้องบอกว่าผมประทับใจอาหารในหมวดนี้ของไลน์บุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawns Ja Season 2 นี้มาก หากจะมีติก็คงจะมีจุดเดียวคือเรื่องของหอยตลับที่ผมว่าพอทางห้องอาหารเค้านำไปนึ่งแล้ว ขนาดของหอยมันเล็กลงหรือหลุดจากฝาไปพอควร ทำให้ความน่ากินดูลดลงไปหน่อย หากเค้าสามารถแก้ไขในจุดนี้ได้จะเป็นอะไรที่ดีมากครับ
ส่วนนี่เป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดของเค้าครับ รสชาติเผ็ด เปรี้ยว แซ่บกำลังดี จะจิ้มกับกุ้งแม่น้ำ, กุ้งแดง หรือหอยแมลงภู่ก็ลงตัว และสำหรับคนที่หยิบอาหารในหมวดนี้มาทานเยอะๆ ก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของเปลือกต่างๆ ไปนะครับ เพราะทางห้องอาหารเค้าจัดเตรียมถังขนาดใหญ่ไว้ใส่เปลือกให้เราบนโต๊ะทุกตัวเรียบร้อยแล้ว รู้ใจจริงๆ เลย กินเพลินๆ ได้ยาวเลยทีนี้ ><
ต่อกันที่อาหารหมวดที่สอง “อาหารไฮไลท์ (Special Menu)” หมวดนี้ต้องคุยกันเยอะหน่อยเพราะมันมีรายละเอียดพอควรเลย โดยผมจะขอเริ่มจากเมนูที่เอาใจคนที่ไปทานอาหารในเย็นวันศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์ก่อน เพราะก่อนหน้านี้ผมได้มีบอกไปใช่มั้ยครับว่าสำหรับคนที่ไปทานไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ในเย็นวันจันทร์ – พฤหัส เค้าจะได้ทานหอยนางรมเพิ่มในหมวด Seafood on ice ดังนั้นคนที่ไปทานวันอื่นๆ ก็อาจจะมีงอนได้ แต่หลังจากที่ทุกคนได้เห็นเมนูนี้แล้ว ไม่แน่นะว่าอาจจะหายงอนเลยก็ได้ ><
เมนูนี้จะมีชื่อว่า “กุ้งย่างชีส” โดยทางห้องอาหารจะมีเมนูนี้บริการเฉพาะเย็นวันศุกร์ – วันอาทิตย์เท่านั้น โดยทางห้องอาหารเค้าจะเอากุ้งแม่น้ำมาผ่าครึ่งจากนั้นก็นำไปใส่ชีสตรงกลางและย่างไฟร้อนๆ บอกเลยว่ารสชาติดีและอร่อยมาก ใครที่เป็นคนชอบกุ้งแม่น้ำและชีสเยิ้มๆ รับรองถูกใจแน่นอน
ขนาดของกุ้งแม่น้ำที่มาทำเป็นกุ้งย่างชีสนั้นจะตัวกลางๆ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่รสชาติโดยรวมถือว่าดี แล้วก็สำหรับใครที่ต้องการจะทานเมนูนี้ผมแนะนำว่าพอไปหยิบมาแล้วก็ให้รีบทานนะครับ เพราะถ้าวางไว้นานชีสจะเริ่มแข็งตัว ไม่เยิ้มแบบตอนแรกๆ แล้วก็อย่าลืมนะครับว่าเมนูกุ้งย่างชีสแบบนี้นั้นเค้าจะมีบริการเฉพาะเย็นวันศุกร์, เสาร์, และอาทิตย์เท่านั้น ใครอยากกินก็ต้องไปให้ถูกวัน แต่ถ้าใครมองแล้วคิดว่าไปจัดหอยนางรมน่าจะดีกว่าก็ไปเย็นวันจันทร์ -พฤหัส แทนครับ
ดูเมนูพิเศษที่เอาใจคนไปทานเย็นวันศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราไปดูเมนูอื่นๆ ที่เป็นเมนูไฮไลท์แบบที่ไม่ว่าเราจะไปวันไหนก็มีสิทธิ์ทานได้กันดีกว่า โดยเมนูแรกที่ผมอยากจะนำเสนอก็คือเมนู “พล่ากุ้งแม่น้ำ” เพราะเมนูนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเมนูที่หลายๆ คนได้เห็นแล้วต้องร้องว้าวอย่างแน่นอนครับ เนื่องจากทางห้องอาหารเค้าจะมีการนำเอากุ้งแม่น้ำสดๆ มาปรุงรสกับน้ำจิ้มและเครื่องเคียงรสแซ่บต่างๆ จนออกมาเป็นพล่ากุ้งที่หน้าตาน่าทานแบบนี้ครับ
โดยเมนูนี้ทางเชฟจะมาทำให้เราดูแบบสดๆ เลยที่บริเวณกลางห้องอาหาร วันละ 2 รอบ คือ รอบเวลา 18.30 น. และรอบเวลา 19.30 น. และระหว่างที่เชฟทำอยู่นั้นเราจะสามารถเข้าไปดูใกล้ๆ หรือถ่ายรูปได้ ซึ่งผมบอกเลยนะครับว่ามันน่าสนใจมาก เพราะทางเชฟจะมีการเอาน้ำแข็งแห้ง (Dry ice) มาเพิ่มสีสันในระหว่างการทำด้วย และเมื่อทางเชฟปรุงเสร็จแล้วเราก็จะสามารถหยิบพล่ากุ้งแม่น้ำนี้ไปทานที่โต๊ะของเราได้เลยครับ
รสชาติของเมนูนี้นั้นดีเลยครับ แซ่บถูกปากมาก เนื้อกุ้งก็สดและเด้งดี ใครที่ชอบทานพล่าและสามารถกินกุ้งดิบๆ แบบที่ยังไม่ผ่านการปรุงให้สุกแบบนี้ได้ก็ควรหาโอกาสลองครับ แต่ถ้าใครที่ไม่ทานของดิบและไม่มั่นใจในตัวเอง ผมแนะนำว่าให้ผ่านเมนูไปจะดีกว่า
อ้อ สำหรับเมนูพล่ากุ้งแม่น้ำนี้ทางห้องอาหารเค้าจะทำแค่สองรอบต่อวันเท่านั้น และจะมีการจำกัดจำนวนต่อรอบด้วยนะครับ ใครที่อยากทานก็ต้องไปให้ตรงกับรอบที่ทางเชฟเค้าทำให้ดู และไปยืนรอดูใกล้ๆ เลย หากใครมัวแต่ชะล่าใจเดินไปเดินมา ผมบอกเลยว่าอาจจะอดกินได้นะคร้าบบบบบบ
และด้วยความที่ชื่อไลน์บุฟเฟ่ต์นี้มีชื่อว่าบุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawns Ja Season 2 ดังนั้นผมบอกเลยว่าถ้าไม่มีกุ้งแม่น้ำเผาให้กินแบบไม่อั้น มันก็ไม่ควรจะใช้ชื่อนี้แล้ว ดังนั้นเมนูต่อไปที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จักก็คือ “กุ้งแม่น้ำเผา” นั่นเอง โดยเมนูเมนูกุ้งแม่น้ำเผานี้ทางห้องอาหารจะมีเชฟคอยยืนบริการอยู่ตลอดเวลาเลย เค้าจะทำการเผากุ้งอย่างต่อเนื่องและจัดใส่จานวางไว้จานละ 3 ตัว ใครอยากจะทานมากแค่ไหนก็หยิบไปได้เลยครับ แต่ผมแนะนำว่าเต็มที่ให้เอาไปครั้งละ 3-4 จานพอ เพราะเราจะได้กินแบบตอนที่ยังร้อนๆ ตลอด และที่นี่เค้ามีกุ้งแม่น้ำออกมาเติมเรื่อยๆ เราไม่ต้องกลัวว่ามันจะหมดเลยครับ
สำหรับในภาพนี้ผมกับต๋งเอากุ้งแม่น้ำจำนวน 4 จานมาวางไว้รวมกันในจานเดียวนะครับ มันจะได้ดูอลังๆ และยั่วน้ำลายหน่อย ขนาดของกุ้งแม่น้ำอยู่ในระดับกลางๆ ค่อนไปทางใหญ่ แกะแล้วมีเนื้อให้ทานเยอะอยู่พอควรรวมถึงบางตัวก็มีมันด้วยครับ ความสดของกุ้งจากที่ผมได้ชิมมาในวันนั้นผมให้อยู่ในระดับที่ดีถึงดีมาก เพราะผมไม่เจอตัวไหนที่ไม่สดเลยครับ
และผมอยากจะบอกว่าแม้เราจะผ่านเมนูกุ้งแม่น้ำมามากมายหลายเมนูแล้ว แต่เมนูกุ้งแม่น้ำของไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะครับ ในไลน์บุฟเฟ่ต์ Prawn Ja Season 2 นี้ เค้ายังมีกุ้งอบอีก 3 แบบให้เราเลือกทานด้วย ได้แก่ กุ้งอบพริกไทยดำ, กุ้งอบพริกไทยกับกระเทียม แล้วก็กุ้งอบสมุนไพรครับ
ใครที่อยากจะทานก็เดินไปหยิบได้เลย เค้ามีบริการทุกวัน ส่วนตำแหน่งนั้นจะอยู่ข้างๆ กับกุ้งแม่น้ำเผาเลยครับ
ขนาดของกุ้งอบทั้งสามแบบนั้นจะไม่ได้ตัวใหญ่อะไรมากนัก แต่รสชาติที่ได้นั้นถือว่าดีทั้ง 3 แบบเลย โดยแต่ละแบบต่างก็มีรสชาติเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน คนที่ชอบอะไรเผ็ดๆ หน่อยก็จัดพริกไทยดำไป, คนที่ชอบอะไรที่มีกระเทียมและออกเผ็ดนิดๆ ก็เลือกเป็นกระเทียมกับพริกไทย ส่วนคนที่ชอบอะไรแซ่บๆ หรือจัดจ้านหน่อยก็เลือกเป็นอบสมุนไพรครับ เพราะรสชาติของกุ้งอบซอสมุนไพรนี้ผมว่ามันมีความคล้ายคลึงกับผัดฉ่ามากๆ เลย เค้าทำมาได้แซ่บมาก
แต่ถ้าใครไม่แน่ใจว่าจะถูกปากแบบไหนสุด ผมก็แนะนำให้หยิบมาลองชิมก่อนทั้งสามแบบเลยครับ ขนาดแต่ละตัวไม่ใหญ่มาก ชิมแค่ 3-4 ตัว ไม่ทำให้เราอิ่มอย่างแน่นอน ><
ตอนนี้เราก็ดูเมนูกุ้งแม่น้ำกันมาเยอะแล้วเนอะ งั้นเราไปดูเมนูพิเศษอื่นๆ ที่ไม่ใช่กุ้งแม่น้ำกันดีกว่า โดยทางห้องอาหาร The SQUARE นั้นจะมีการจัดอาหารพิเศษหรือไฮไลท์เมนูที่มีความน่าสนใจไว้ให้เราทานอีกมากมาย เช่น หอยตลับเผา, ขาหมูเยอรมัน, เมี่ยงคำดอกบัว รวมไปถึงเมนูอื่นๆ ที่ยั่วน้ำลายเราไม่แพ้กัน เพียงแต่ว่าเมนูเหล่านี้ทางเชฟอาจจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละวันบ้าง ดังนั้นถ้าใครไปแล้วไม่เจอเมนูแบบนี้เหมือนผมก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ เพราะคุณก็จะได้ทานเมนูอื่นที่มีความพิเศษไม่แพ้แบบที่ผมได้ทานไปครับ
ผมให้ดูภาพของหอยตลับเผา, ขาหมูเยอรมัน และเมี่ยงคำดอกบัว ซึ่งเป็นเมนูที่ผมได้ทานในวันนั้นครับ รสชาติโดยรวมดีเลย โดยตัวผมเองนั้นประทับใจขาหมูเยอรมันกับเมี่ยงคำดอกบัวเป็นพิเศษครับ ขาหมูเนื้อนุ่มใช้ได้ส่วนหนังก็กรอบเคี้ยวมันดี และสำหรับเมนูเมี่ยงคำดอกบัวนั้นก็เป็นเมนูที่บอกเลยว่าเดี๋ยวนี้เราหาทานได้ยากมากๆ ขนาดตามร้านอาหารด้านนอกที่เป็น A la carte ยังแทบไม่มีบริการเลย แต่นี่ทาง Novotel Bangkok Fenix Silom กลับจัดเอามาไว้ในไลน์บุฟเฟ่ต์ มันก็เลยได้ใจผมไปเต็มๆ เลยครับ
และนี่คือภาพของเมี่ยงคำดอกบัวแบบชัดๆ ใครที่ไปแล้วเจอเมนูนี้ห้ามพลาดที่จะหยิบมาลองชิมเลยนะครับ แม้มันจะไม่ได้เด็ดขาดสุดๆ แต่ก็ถือเป็นเมนูที่ดีและเราแทบจะหาทานในชีวิตประจำวันได้ยากมาก
เอาล่ะ ตอนนี้เราก็ดูจบกันไปสองหมวดแล้วนะครับ ได้เวลาเข้าสู่หมวดที่สาม “อาหารนานาชาติ” โดยอาหารในหมวดนี้จะถูกวางกระจายไว้ตามจุดต่างๆ ของห้องอาหาร มีทั้งหมด 3 ชาติด้วยกัน ได้แก่ ซาลาเปาจากจีน, ซูชิ-ซาชิมิจากญี่ปุ่น แล้วก็พาสต้ากับพิซซ่าจากอิตาลีครับ
ซาลาเปานั้นวันที่ผมไปทานจะมีทั้งหมด 4 ไส้ ได้แก่ หมูแดง, หมูสับ, เผือก แล้วก็ครีม แต่ทางเชฟจะทยอยหมุนเวียนเปลี่ยนไส้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เอามาวางไว้พร้อมกันทั้ง 4 ไส้ รสชาติโดยรวมดีแต่รสเผือกนั้นผมรู้สึกว่ามันเข้มน้อยไปนิดนึงครับ
ส่วนนี่เป็นซูชิและซาชิมิครับ มีให้เลือกทานหลายอย่างเหมือนกัน โดยในส่วนของซาชิมิจะมีแซลมอน, ซาบะ, ไข่หวาน แล้วก็ปูอัด ส่วนซูชินั้นก็จะมีหน้าต่างๆ ประมาณ 4-5 หน้า รสชาติและคุณภาพโดยรวมอยู่ในเกรดกลางๆ ถือว่าเหมาะสมกับราคาระดับนี้ ยกเว้นปูอัดรายการนึงที่ผมรู้สึกว่าหากทางโรงแรมเลือกใช้เกรดที่ดีกว่านี้น่าจะทำให้ดูน่าทานมากขึ้นครับ
โดยรวมๆ แล้วสำหรับอาหารประเภทซูชิชาซิมินี้ถือว่าทานได้แต่ไม่ได้ว้าวมาก ใครที่ไม่ซีเรียสเรื่องคุณภาพน่าจะไม่มีประเด็นอะไร แต่สำหรับกลุ่มคนที่อยากจะทานปลาดิบคุณภาพดีๆ อันนี้น่าจะต้องมองไปที่ไลน์บุฟเฟ่ต์อื่นแทนครับ
มาต่อกันที่พาสต้านะครับ สำหรับอาหารประเภทพาสต้าวันที่ผมไปใช้บริการนั้นเค้าจะแยกสเตชั่นออกมาต่างหากเลย ตำแหน่งจะอยู่ใกล้ๆ กับที่กดน้ำดื่มครับ โดยเค้าจะมีเส้นให้เราเลือกแค่อย่างเดียวเท่านั้น และมีซอสให้เลือกแค่สองอย่างคือ คาโบนาร่า และซอสต้มยำกุ้งแม่น้ำ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมว่ามันมีความหลากหลายน้อยไปนิดครับ ถ้าเค้าสามารถเพิ่มในส่วนของประเภทเส้น, ท้อปปิ้ง หรือน้ำซอสมาได้มากกว่านี้อีกนิด มันน่าจะทำให้หมวดนี้ลงตัวมากขึ้นครับ
สำหรับวันนั้นผมได้ลองชิมทั้งสองซอสเลยครับ และโดยส่วนตัวแล้วผมแอบชอบซอสต้มยำกุ้งแม่น้ำมากกว่า เนื่องจากไม่ค่อยเจอที่ไหนทำซอสแบบนี้ แต่ทั้งนี้ผมต้องบอกก่อนนะครับว่ารสชาติของซอสต้มยำกุ้งแม่น้ำของเค้านั้นมันจะไม่เหมือนกับต้มยำกุ้งที่เราคุ้นเคยกันนะ มันจะเจือจางกว่าและก็ออกเปรี้ยวๆ นิดนึง ใครที่อยากกินซอสแบบต้มยำกุ้งเข้มข้นอาจจะผิดหวังได้ครับ
ปิดท้ายหมวดอาหารนานาชาติกันที่พิซซ่า พิซซ่าของที่นี่จะเป็นแบบแป้งบางกรอบ รสชาติอยู่ในระดับกลางๆ กินเปล่าๆ แล้วผมรู้สึกยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ ต้องใช้ซอสเข้ามาช่วยปรุงรสเพิ่มอีกนิด แต่สิ่งที่เด่นของพิซซ่าเค้าในวันนั้นก็คือเค้ามีหน้าแปลกๆ อย่างหน้ากระเพราหมูสับให้ลือกทานด้วย เรียกว่าเก๋แปลกแหวกแนวดี ใครไปเจอแล้วชอบทานพิซซ่าที่เป็นแบบแป้งบางกรอบอยู่แล้วก็ลองหยิบมาชิมดูนะครับ ไม่แน่อาจจะถูกใจก็ได้
เข้าสู่หมวดที่สี่ “สลัดและขนมปัง” หมวดนี้ไม่ได้เด่นอะไรมากครับ ขนมปังมีให้เลือกทานแค่ 1-2 อย่าง แต่รสชาตินั้นถือว่าโอเค สามารถกินกับเนยเพลินๆ ได้ ส่วนสลัดจะมีผักให้เลือกทานอยู่ 7-8 อย่าง พร้อมกับท้อปปิ้งอย่างขนมปังกรอบกับชีส และในส่วนของน้ำสลัดนั้นก็จะมีน้ำสลัดเฟรนช์, บัลซามิค, อิตาเลี่ยน และเทาซันไอแลนด์ให้เราเลือกทานครับ
ใครที่ชอบทานผักสลัดต่างๆ ก็เดินไปเลือกตักได้นะครับ หน้าตาของผักเค้าดูสวยงามดีอยู่
หมวดที่ห้า “อาหารจานร้อนและอาหารอื่นๆ” สำหรับอาหารในหมวดนี้ผมจะทำการเอาอาหารคาวทุกประเภทที่เหลือมารวมกันไว้ในหมวดนี้หมวดเดียวเลยนะครับ โดยวันที่ผมไปนั้นเค้ามีอาหารกลุ่มนี้ให้ทานประมาณ 10 อย่างได้ ทั้งข้าวผัดแกงเขียวหวาน, ปลากะพงนึ่งมะนาว, ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง, ไก่อบชานอ้อย, หมูตุ๋นซอสช็อคโกแลต, ไก่ซอสไวน์ขาว, ส้มตำกุ้งสด, หมูอบสลัดส้ม, ข้าวเกรียบกุ้งน้ำพริกเผา, ซุปแครอท และซุปไก่ต้มขมิ้น
ซึ่งจากที่ผมได้ลองชิมแทบทุกเมนูยกเว้นซุปแครอท, ซุปไก่ต้มขมิ้น กับข้าวเกรียบกุ้งน้ำพริกเผานั้น ผมว่าทางห้องอาหารเค้าทำรสชาติในหมวดนี้ออกมาได้ดีนะครับ และโดยส่วนตัวผมประทับใจในรสชาติอาหารไทยของเค้าตั้งแต่ตอนที่มากินบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันแล้ว โดยเมนูที่ผมประทับใจที่สุดในวันนี้ได้แก่ ข้าวผัดแกงเขียวหวาน, ปลากะพงนึ่งมะนาว, ไก่อบชานอ้อย, หมูตุ๋นซอสช็อคโกแลต, และส้มตำกุ้งสด ซึ่งก็เรียกว่าเกือบทุกเมนูที่ได้ชิมเลยครับ ><
ส่วนเมนูที่รู้สึกประทับน้อยที่สุดก็คือซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง เพราะผมรู้สึกว่าเนื้อหมูนั้นมันเปื่อยน้อยไปหน่อย ตัดทานยากมาก หากทางห้องอาหารสามารถทำให้เปื่อยและนุ่มกว่านี้ได้ น่าจะทำให้หลายคนประทับใจรสชาติเมนูนี้มากขึ้นครับ
นี่เป็นหน้าตาของหมูตุ๋นซอสช็อคโกแลตครับ เมนูนี้ผมต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าใครที่ไม่ชอบลองทานของแปลก หรือไม่ใช่คนที่สามารถกินของคาวผสมกับของหวานพร้อมกันได้ จะรู้สึกว่าเมนูนี้มันประหลาดมาก เพราะมันคืออาหารคาวที่มีรสชาติหวานนำ รวมถึงมีรสชาติของช็อคโกแลตจางๆ ด้วย ยังไงก็ลองพิจารณาให้ดีก่อนที่จะตักมาชิมนะครับว่าอาหารแบบนี้ใช่สไตล์แบบที่ตัวเองชอบหรือเปล่า
และตอนนี้เราก็ดูอาหารคาวครบกันหมดแล้ว ต่อไปเราก็ไปดู “ของหวาน, ผลไม้ และไอศกรีม” กันดีกว่าครับ โดยในส่วนของหวานนั้นเค้าจะมีการจัดโซนไว้ใหญ่พอควร รวมถึงมีตู้แช่มูสต่างๆ ซึ่งเป็นพระเอกของอาหารในกลุ่มนี้ด้วย ใครที่ชอบทานของหวานหากได้เดินผ่านโซนนี้อาจจะมีน้ำลายไหลได้เลยครับ
สำหรับของหวานที่ไลน์บุฟเฟ่ต์นี้มีให้บริการในวันที่ผมไปนั้นจะมีทั้งของหวานสไตล์ไทยและนานาชาติ ซึ่งผมกับต๋งก็ได้ลองตักมาชิมประมาณ 50-60% ของขนมทั้งหมดที่เค้ามีครับ และเรามีความเห็นตรงกันว่าวันนี้ในส่วนของหวานไทยนั้นเค้าทำรสชาติออกมาได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ขนมไทยหลายอย่างรสชาติมันไม่เหมือนกับที่เราจินตนาการไว้ แต่ในส่วนของหวานนานาชาตินั้นถือว่าเค้าทำออกมาได้ดีระดับนึงครับ บางอย่างทานแล้วก็อยากไปหยิบมาทานเพิ่มเหมือนกัน
ผมให้ดูหน้าตาของหวานต่างๆ แบบรัวๆ เลยนะครับ โดยของหวานเหล่านี้ทางเชฟจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ดังนั้นบางวันเราอาจจะเจอขนมหวานที่มีหน้าตาแปลกไปจากนี้ได้ครับ
ส่วนนี่เป็นหน้าตาของผลไม้ที่เค้ามีให้บริการในวันนั้นครับ ประกอบไปด้วยส้ม, แก้วมังกร, แตงโม แล้วก็มะละกอ รสชาติกับคุณภาพอยู่ในระดับมาตรฐานโรงแรมทั่วไป ไม่ได้มีประเด็นอะไรเป็นพิเศษครับ
ในส่วนของไอศกรีมนั้นเค้าจะมีบริการทั้งหมด 2 รส โดยวันที่ผมไปนั้นเค้ามีเป็นรสสตรอเบอร์รี่กับวานิลลาครับ รสชาติกลางๆ ไม่ได้เด่นหรือพรีเมี่ยมมาก แต่ก็ถือว่ากินแล้วถูกปาก สามารถกินปิดท้ายมื้อได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ส่วนในเรื่องของท้อปปิ้งก็ถือว่าจัดมาให้พอประมาณตามมาตรฐานราคาประมาณนี้ครับ
และตอนนี้เราก็ดูอาหารทั้งคาวหวานของไลน์บุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawns Ja Season 2 กันครบหมดแล้ว ก่อนที่จะเข้าไปสู่บทสรุปของการรีวิวผมจะขอพูดถึงเรื่องเครื่องดื่มก่อนนะครับ โดยการมาทานบุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawns Ja Season 2 นั้น ทางห้องอาหารจะมีการรวมเครื่องดื่มไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว เราไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มครับ โดยเครื่องดื่มที่เค้ามีให้เราทานฟรีนั้นจะเป็นน้ำอัดลม ใครอยากจะทานก็สามารถเดินไปตักน้ำแข็งและกดทานเองได้เลยครับ บริการตัวเองได้เลย ^^
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวและประสบการณ์ของผมกับต๋ง หลังจากที่พวกเราได้มีโอกาสไปทานไลน์บุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawns Ja Season 2 ที่ห้องอาหาร The SQUARE โรงแรม Novotel Bangkok Fenix Silom (โนโวเทล กรุงเทพ ฟีนิกซ์ สีลม) ครับ และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ผมก็ขอสรุปการรีวิวออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ตามนี้นะครับ
วันที่รับประทาน : วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562
ช่วงเวลา : 18.00 – 21.00 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : รสชาติอาหารโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยครับ โดยเมนูที่ผมว่าเค้าทำได้โดดเด่นก็คือกลุ่มเมนู Seafood on ice และเมนูที่มีกุ้งแม่น้ำเป็นวัตถุดิบอย่างกุ้งแม่น้ำเผา, พล่ากุ้งแม่น้ำ, กุ้งแม่น้ำอบ แล้วก็กุ้งแม่น้ำย่างชีส นอกจากนี้ในส่วนของอาหารจานร้อนและเมนูพิเศษอย่างหมูหัน, เมี่ยงคำดอกบัว, ข้าวผัดแกงเขียวหวาน, ปลากะพงนึ่งมะนาว, ไก่อบชานอ้อย ทางห้องอาหารก็ทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน ส่วนเมนูอื่นๆ ที่เหลือก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานโรงแรม และถึงแม้จะมีเมนูที่ผมว่ารสชาติอาจจะยังไม่ถูกปากบ้าง หรือควรปรับปรุงบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณอาหารทั้งหมดที่เค้ามีให้บริการครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ถึงแม้พื้นที่ของห้องอาหารจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ทางห้องอาหารก็พยายามที่จะยัดเอาประเภทของอาหารมาลงในไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ให้มากที่สุด โดยนอกจากจะมีกุ้งแม่น้ำเป็นตัวเอกแล้ว เค้ายังมีหอยต่างๆ รวมไปถึงพิซซ่า, พาสต้า, ซาลาเปา, ซูชิซาชิมิ และอาหารจานร้อนที่มีปลา, หมู, ไก่ เป็นวัตถุดิบ เพื่อให้อาหารทั้งหมดมีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์คนจำนวนมากได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามประเภทอาหารแต่ละอย่างที่เค้ามีให้บริการนั้นแม้จะมีหลากหลายประเภทจริง แต่จำนวนต่อประเภทนั้นก็ไม่ได้มีมากนัก ดังนั้นในเรื่องของความหลากหลายของอาหารโดยรวมนั้นผมขอให้คะแนนอยู่ในระดับกลางๆ นะครับ
ความสะอาดและบรรยากาศของร้าน : ข้อนี้ไม่มีปัญหาอะไรครับ แม้พื้นที่ห้องอาหารจะไม่ได้กว้าง แต่ทางห้องอาหารก็เลือกจัดโต๊ะให้โต๊ะแต่ละตัวไม่ชิดกันเกินไปนัก เพื่อให้คนที่มาใช้บริการนั่งได้อย่างไม่อึดอัด สามารถลุกนั่งหรือเข้าออกได้อย่างสบาย นอกจากนี้บนโต๊ะทุกตัวเค้ายังมีการวางถังใส่เปลือกต่างๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นใครที่เน้นทานพวกกุ้ง, หอย ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหาที่ทิ้งเปลือกเหล่านี้เลยครับ
การบริการของพนักงาน : อยู่ในเกณฑ์ที่ดีนะครับ แม้ว่าวันนั้นจะมีคนมาใช้บริการในห้องอาหารเกือบจะเต็มทุกโต๊ะ แต่ทางพนักงานของเค้าก็เก็บจานที่ผมกับต๋งทานแล้วรวมถึงโต๊ะอื่นๆ บริเวณใกล้เคียงได้รวดเร็วมาก ข้อนี้ต้องขอชื่นชมจริงๆ
ความสะดวกของการเดินทาง : อย่างที่ผมได้เคยบอกไป นอกจากโรงแรม Novotel Bangkok Fenix Silom จะตั้งอยู่บนถนนสีลมที่รถค่อนข้างจะติดพอควรแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งของเค้าก็ยังไม่ได้อยู่ใกล้กับ BTS มากด้วย เราต้องเดินประมาณ 10 นาทีค่อยจะถึงโรงแรม ดังนั้นไม่ว่าใครจะเดินทางไปโรงแรมแห่งนี้ด้วยวิธีไหนก็ต้องเผื่อเวลาในการเดินทาง รวมทั้งดูเส้นทางต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปครับ ส่วนในเรื่องของที่จอดรถนั้นเท่าที่ผมสอบถามมาหากไม่ใช่วันที่มีงานอะไรพิเศษจริงๆ โดยส่วนมากแล้วเค้าจะมีเพียงพอกับคนที่มาใช้บริการครับ
ความคุ้มค่า : กับราคาตั้งที่ 1,299 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่ม) บอกเลยว่าราคานี้ผมมีลังเลและไม่เชียร์ทุกคนไปนะครับ แต่สำหรับราคาพิเศษ 650 บาท/คน net (รวมเครื่องดื่ม) สำหรับผู้ที่จองออนไลน์ผ่านลิงก์นี้ http://bit.ly/2FsEr8E ผมบอกเลยว่ามันคุ้มมาก ยากจะหาไลน์บุฟเฟ่ต์ไหนที่ราคาเท่านี้แล้วให้ของคุณแบบนี้ครับ ยิ่งใครเป็นคนที่ชอบกินกุ้งแม่น้ำกับหอยแมลงภู่ด้วยแล้วล่ะก็บอกเลยว่าคุ้มจริงๆ และสำหรับใครที่อยากจะทานหอยนางรมด้วย ไลน์นี้เค้าก็มีให้คุณด้วยนะครับ เพียงแต่คุณต้องไปทานในวันจันทร์ – พฤหัส เท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับใครที่คิดว่าราคา 650 บาท/คน นั้นยังทำให้คุณรู้สึกคุ้มค่าไม่สะใจพอ หากคุณหรือเพื่อนมีบัตรแอคคอร์พลัสก็สามารถรับสิทธิ์พิเศษในการทานไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ได้เลยในราคาเพียง 550 บาท/คน net เท่านั้น บอกเลยว่าราคานี้โคตรคุ้ม!!
สรุป : สำหรับใครที่กำลังมองหาไลน์บุฟเฟ่ต์โรงแรมมื้อเย็นที่เน้นกุ้งแม่น้ำเป็นพิเศษ มีความสดของกุ้งแม่น้ำสูง มีราคาต่อคนไม่เกิน 700 บาท และมีอาหารไทยอร่อยๆ รวมถึงอาหารนานาชาตินานาชาติประเภทอื่นๆ ให้ทานเพิ่มบ้างอย่างละนิดละหน่อย ไลน์บุฟเฟ่ต์กุ้งเผา Prawns Ja Season 2 นี้น่าจะตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้หากคุณเป็นคนที่ต้องการทานอาหารสุดหรู วัตถุดิบดีเยี่ยม หรือมีประเภทอาหารในแต่ละหมวดให้เลือกทานเยอะๆ อันนี้ผมก็ต้องบอกเลยว่าไลน์นี้ยังไม่ใช่ไลน์บุฟเฟ่ต์ที่เหมาะกับคุณครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ ส่วนใครที่ต้องการจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องอาหารแห่งนี้ หรือต้องการทำการจองออนไลน์เพื่อรับสิทธิ์ราคาพิเศษลด 50% ก็สามารถเข้าไปที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
Tel : 02-2069291-2
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ได้ลองไปใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ออกไปได้ครับ