สวัสดีทุกท่านครับ ต้องบอกว่าผมห่างหายไปจากการรีวิวนานมากเลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะขี้เกียจอะไรนะครับ แต่เป็นเพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาแบบค่อนข้างหนักเลยครับ  และพึ่งจะเริ่มฟื้นคืนสภาพร่างกายมาได้ครับ เรียกได้ว่าฟาดเคราะห์กันส่งท้ายปีกันเลยทีเดียว T_____T
สำหรับรีวิวนี้เองก็เรียกได้ว่าดองกันจนเริ่มเค็มได้ที่เลย เพราะว่าผมไปทานมาตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม แต่พึ่งจะมีโอกาสได้โพสต์เองครับ เอาล่ะครับไม่สาธยายเรื่องตัวเองแล้ว มาเข้าสู่เรื่องของการรีวิวอาหารกันดีกว่าครับ
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
ร้านที่ผมจะพาทุกท่านไปรีวิวครั้งนี้ชื่อร้านว่า “หนีบเนื้อ : จุ่ม จี่ ย่าง” โดยเป็นร้านที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนที่รักการทานเนื้อเป็นชีวิตจิตใจจนนำมาสู่การหุ้นกันเปิดร้านอาหารครับ โดยทางเจ้าของร้านนั่นใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกสถานที่ร้านให้ดูสบายเป็นกันเอง การตกแต่งร้านที่มีสไตล์ และการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ส่วนรายละเอียดของวันที่ผมไปกินนั้นก็ตามนี้เลยครับ
วันที่รับประทาน : วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2558
ช่วงเวลา : 18.00-21.00 น.
จำนวน : 4 คน
เอาล่ะครับ เรามาเริ่มกันที่หน้าตาของร้านนี้กันก่อนดีกว่า ร้าน “หนีบเนื้อ : จุ่ม จี่ ย่าง” ตั้งอยู่ที่ community mall ที่ชื่อ Kozy Korner ใกล้ๆ กับซอยกำนันแม้น 36 โดยหน้าตาทางเข้าของ Kozy Korner เป็นแบบนี้ครับ (ตำแหน่งของ Kozy Korner อยู่ติดกับ Lotus Express เลย รับรองหาไม่ยากครับ)
1
Kozy mall เป็น Community Mall ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีที่จอดรถกว้างขวางพอควรครับ ถ้ามองจากถนนหลักมาจะเห็นป้ายชื่อโครงการ กับธง J-Flag ของร้านตามนี้ครับ
2
3
เมื่อเราเดินเข้าไปที่โถงชั้น 1 ชอง Kozy Korner จะเห็นโต๊ะไม้วางตั้งอยู่ในลานตรงกลางหลายโต๊ะเลยครับ และนั่นก็คือโต๊ะของทางร้านนั่นเองครับ โดยทางร้านตั้งใจที่จะหาสถานที่ที่สามารถวางโต๊ะได้ทั้งแบบ indoor และ outdoor ในตัว เพื่อให้คนที่มาทานได้รู้สึกผ่อนคลาย และสามารถเลือกนั่งได้ตามความเหมาะสมของแต่ละท่าน  จึงได้มาลงเอยที่สถานที่นี้ครับ
หน้าตาของร้านครับ ผมไปถึงที่ร้านตอนราวๆ 18.00 น. ก็พบว่ามีลูกค้ากลุ่มใหญ่กลุ่มนึงจับจองพื้นที่ outdoor ไปบ้างแล้วครับ
4
ให้ดูภาพมุมสูงที่ถ่ายจากชั้น 2 ครับ จะพบว่ามีโต๊ะที่วางอยู่บริเวณ outdoor ประมาณ 7-8 โต๊ะ จุคนได้ราวๆ 30 คนได้ครับ
5
ภาพ outdoor อีกมุมนึงครับ
6
ตัดมาดูบรรยากาศแบบ indoor กันบ้างครับ บรรยากาศในร้านจะมีการตกแต่งที่ค่อนข้างสวยงามครับ มีทั้งกำแพงปูนเปลือย เคานเตอร์ปูน และก็กำแพงอิฐ ดูโล่งๆ โปร่งๆ สไตล์ loft ดีครับ ผมค่อนข้างชอบการแต่งร้านของที่นี่นะครับ ดูสวยงามผิดกับร้านอื่นในตึกเดียวกันครับ
10
8
9
ภายในร้านก็มีโต๊ะประมาณ 7-8 ตัวครับ จุคนได้ประมาณ 30 คนเช่นเดียวกันครับ
ภาพนี้เป็นภาพกระถางต้นไม้ที่ติดประดับบนปูนเปลือยครับ สวยแบบเรียบง่ายดีครับ
11
หลังจากที่สำรวจร้านคร่าวๆ กันแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลามาสำรวจอาหารกันดีกว่าครับ โดยวันที่ผมไปทานนั้นผมไปกับเพื่อนรวมแล้วทั้งหมด 4 ชีวิตนะครับ เพราะทางร้านบอกว่ามีเมนูที่อยากให้ลองเยอะมาก กลัวว่าไปกันแค่ 2 คน ระหว่างผมกับภรรยาแล้วจะชิมไม่หมด ท้องจะแน่นไปเสียก่อน ><
มาดูหน้าตาเมนูกันครับ บนโต๊ะจะมีเมนูอยู่ 2 แบบครับ อันแรกจะเป็นเมนูที่มีภาพประกอบแบบนี้ครับ โดยจะเน้นที่รายการทีเด็ดของร้านนั่นคือ เนื้อหมูและเนื้อวัวครับ (เนื้อวัวจะมี 2 เกรด คือ เนื้อวัวเกรดธรรมดา และเนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยม)
12
ถัดมาจะมีเมนูอีกใบ โดยจะเป็นกระดาษขาวๆ แผ่นยาวๆ ครับ ใบนี้จะมีรายการอาหารทุกรายการของทางร้าน และมีราคากำกับ รวมทั้งเป็นใบที่เราจะต้องใช้ในการติ๊กสั่งกับทางร้านด้วยครับ (แต่ถ้าหากแขกในร้านไม่เยอะมากก็สามารถบอกปากเปล่ากับพนักงานแทนก็ได้ครับ)
หมายเหตุ : ภาพเมนูรายการอาหารภาพนี้ ผมแปลงไฟล์จากไฟล์ PDF ของทางร้านมานะครับ เพื่อที่ทุกท่านจะได้อ่านง่ายๆ และชัดเจนครับ
MENU tick update font revise 3 expand.ai
อ้อ ผมลืมบอกทุกท่านไป 2 เรื่องครับ
เรื่องที่ 1 : การที่ร้านมีชื่อว่า “หนีบเนื้อ : จุ่ม จี่ ย่าง” นั้น เป็นเพราะว่าเมนูของทางร้านจะมีการเอาไปทำอาหารทั้งจุ่ม จี่ ย่าง ครับ โดยการจุ่มนั้นก็คือการต้มแบบชาบูนั่นเอง โดยเราจะมีหม้อบนโต๊ะและสั่งเนื้อมาแล้วต้มหรือจุ่มกันเอง ส่วนการจี่และย่างนั้น ทางร้านจะเป็นคนจัดการทำให้เราครับ เช่น พวกกะทะร้อนต่างๆ ครับ
เรื่องที่ 2 : ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่บริการแบบเป็น a la carte เท่านั้น ไม่มีบริการแบบบุฟเฟต์นะครับ
เมื่อดูเมนูเสร็จแล้ว ระหว่างที่รอทางร้านนำอาหารมาเสิร์ฟนั้น เรามาสำรวจอุปกรณ์บนโต๊ะดีกว่าครับ เริ่มจากมุม Top View แบบ Hipster กันก่อน
หม้อ ถ้วย ชาม ช้อน ตะเกียบ กระบวย มาครบครับ โดยหม้อต้มของที่นี่ขนาดไม่ใหญ่นะครับ เส้นผ่าศูนย์กลางของหม้อมากกว่า 1 คืบผมไม่มากครับ และใช้แอลกอฮอล์ก้อนเป็นตัวให้ความร้อนหม้อครับ
14
ถัดมาเป็น Promotion ของทางร้านครับ เพียงแค่ถ่ายรูปที่ร้าน กด Check in และ share ใน Facebook ก็รับส่วนลดไปเลย 10% ครับ แต่ Promotion นี้หมดไปตั้งแต่วันที่ 31 ธค. ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งจากที่ผมสอบถามมาตอนนี้ทางร้านได้เปลี่ยนเป็น promotion แลกซื้อไก่เชคในราคา 39 บาท จากราคาเต็ม 79 บาท แทนครับ ซึ่งเรื่อง promotion นี้เข้าใจว่าทางร้านคงมีปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสมครับ
15
ต่อมาก็เป็นน้ำจิ้มครับ มีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ จุ่มแซ่บ จุ่มหวาน จุ่มสุกี้ ครับ
โดยส่วนตัวจากที่ผมลองชิมน้ำจิ้มทั้ง 3 แบบแล้วพบว่ายังไม่มีอันไหนที่โดนลิ้นผม 100% ผมก็เลยผสมกันระหว่างจุ่มแซ่บและจุ่มหวานครับ ผลลัพท์ที่ได้ออกมากลมกลืนลงตัวกับลิ้นผมมากขึ้นครับ
16
17
เอาล่ะครับ ตอนนี้อาหารของทางร้านก็พร้อมแล้วครับ เดี๋ยวเรามาไล่ดูแต่ละรายการนะครับ โดยเรื่องรสชาติอาหารนี้จะเป็นการให้ความเห็นรวมจากพวกผมทั้ง 4 คนครับ เรียกว่ากินกันไป ถกกันไป และนินทาร้านกันไปแบบระยะเผาขนเลยครับ……ฮาๆๆๆๆๆๆ
เริ่มจากชุด“หนีบหมู” ครับประกอบไปด้วย สันคอ, สันนอก, เบคอน. ตับหมู และชุดผัก ในราคา 250 บาทครับ
18
โดยรวมๆ ต้องบอกว่าเนื้อคุณภาพดีครับ นุ่มละมุน กว่าหลายๆ ร้านเลย แต่ยังไม่ถึงขั้นแบบละลายในปาก น้ำตาไหลพรากๆ นะครับ ><
ที่ประทับใจที่สุดในชุดนี้ก็คือสันคอและเบคอนครับ โดยเพื่อนผมที่ไปด้วยคนนึงไม่ทานเนื้อ หลังจากที่ทานชุดนี้เสร็จเค้าเลยจัดสันคอเพิ่มอีกหลายจานเลยครับ
19
20
21
22
จบจากหมูแล้ว มาดูกันที่เนื้อกันดีกว่าครับ ชุดนี้คือ “หนีบเนื้อ พรีเมี่ยม” ครับ ราคา 430 บาท ประกอบไปด้วย เนื้อสันนอก, เนื้อหนอก, เนื้อใบพาย และเนื้อริบอายครับ
รายการ “หนีบเนื้อ พรีเมี่ยม” นี้ จะมาเสิร์ฟบนภาชนะที่สวยงามต่างกับชุดหนีบหมูครับ โดยจะวางเนื้อมาบนถาดไม้รูปใบพายครับ และเสิร์ฟทั้งหมด 2 ถาด (1 ถาดมีเนื้อ 2 ชนิด และ เนื้อ 1 ชนิด จะมีทั้งหมด 6 ชิ้นครับ)
สำหรับเรื่องของรสชาติเนื้อนี้ เรียกได้ว่าคุณภาพดี ลายสวย ตามที่ทางร้านโฆษณาครับ โดยที่ผมและเพื่อนๆ ชอบมากสุดก็คือ เนื้อริบอาย กับ เนื้อหนอก ครับ
23
มาต่อกันที่เนื้ออีก 1 รายการครับ นั่นคือเนื้อน่อง สำหรับรายการนี้ผมคิดว่าเนื้อออกจะแข็งกว่า 4 รายการที่เป็นชุดหนีบเนื้อพรีเมี่ยมก่อนหน้านี้ครับ แต่ไม่ได้ถึงขั้นแข็งมากนะครับ แค่พอรู้สึกได้ถึงความแตกต่างว่านุ่มละมุนลิ้นต่างกันครับ
แล้วก็สำหรับขาเนื้อทั้งหลายนอกจากชุด “หนีบเนื้อ พรีเมี่ยม” ที่ราคา 430 บาท แล้ว ทางร้านยังมีชุด “หนีบเนื้อ” ธรรมดาไว้คอยบริการในราคา 250 บาทด้วยนะครับ
24
25
หลังจากที่ลองชิมเนื้อหลักๆ ครบแล้ว ทางร้านก็เริ่มทยอยเสิร์ฟเมนูอื่นๆ ครับ สำหรับใครที่เอียนๆ เนื้อกับหมู ทางร้านก็มีหนีบทะเลอย่างปลาหมึก กุ้ง และแมงกะพรุนคอยให้บริการครับ โดยบรรดาเมนูหนีบเนื้อ หนีบหมู หนีบทะเล หนีบผักนี้ เราสามารถสั่งได้ทั้งเป็นชุดหรือสั่งแยกแค่เนื้อหรือผักที่เราชอบเป็นจานๆ ได้ครับ
มาเริ่มกันที่เมนูอื่นๆ อันแรกกันดีกว่าครับ เมนูนี้ชื่อว่า “ไก่เชค” ครับ มาเสิร์ฟในถังสีชมพูดูน่ารักดีครับ โดยถ้าผมนับไม่ผิดใน 1 ถังน่าจะมีทั้งหมด 12 ชิ้นนะครับ ซึ่งทางร้านได้ทำการแบ่งครึ่งเนื้อมาทำให้แต่ละชิ้นมีขนาดไม่ใหญ่ และทานง่ายขึ้นครับ
ในส่วนของเรื่องรสขาตินั้นถือว่าอร่อยดีครับ รสชาติเหมือนไก่กรอบที่ไปคลุกกับผงมาม่าหมูสับครับ แต่รสชาติไม่ได้จัดจ้านมากเหมือนพวกวิงก์แซ่บของ KFC นะครับ ออกอารมณ์มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ดนิดๆ ไม่จิ๊ดจ๊าดครับ
สำหรับเมนูนี้ผมแนะนำว่าให้ทานตั้งแต่ตอนที่ยังร้อนๆ อยู่ครับ เพราะถ้าทิ้งไว้นานแล้วรสชาติจะตกลงไปพอควรครับ
26
เมนูต่อมาคือ “หมูทอดน้ำปลา” ครับ รสชาติดีครับ แต่หากไม่บอกว่าทอดน้ำปลาด้วยนี่คือไม่รู้จริงๆ  เพราะแทบไม่รู้ถึงรสชาติของน้ำปลาครับ ออกแนวหมูทอดธรรมดามากกว่า ดังนั้นสบายใจได้ครับว่าเมนูนี้ไม่เค็ม ไม่เป็นอันตรายต่อไตเราแน่นอน…….. ฮา
27
ต่อมาเป็นเมนู “เห่าดงเนื้อ” ครับ เมนูนี้เป็นเมนูนึงที่ค่อนข้างหาทานได้ยากใน กทม. นะครับ และเป็นเมนูที่แปลกคือคนชอบก็ชอบเลยไปเจอที่ไหนก็ไม่พลาดที่จะสั่ง และคนที่ไม่ชอบก็จะบอกว่ารสชาติมันแปลกๆ ครับ สำหรับผมออกแนวหลังมากกว่าครับ แต่ถ้าใครชอบเมนูนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมว่าไม่ควรพลาดที่จะลองสั่งมาทานนะครับ
28
เมนูถัดมาครับ “สันคอหมูน้ำตก” และ “หมูย่างจิ้มแจ่ว” 2 เมนูนี้รสชาติกลางๆ ครับ
29
29_1
เอาล่ะครับ ทานของทานเล่นมาเยอะแล้ว ทีนี้เรามาดูเมนูจี่ หรือกะทะร้อนกันดีกว่าครับ โดยผมได้มีโอกาสชิมอยู่ 3 เมนูครับ เริ่มจาก “หมูเกาหลีกะทะร้อน ซอสเทริยากิ” ครับ
เมนูนี้ต้องบอกว่าหมูนุ่มมมมมมมากครับ ชอบมากครับ
30
ต่อมาเป็น “จี่เนื้อเซอร์ลอย” ครับ เนื้อที่ทำมานั้นนุ่มมากเหมือนกันครับ หั่นมาเป็นทรงลูกเต๋า ทำให้ทานง่ายครับ เนื้อสุกกำลังดี แต่มีข้อตินิดนึงคือ ตัวเนื้อนุ่มแต่ยังไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่ เรียกได้ว่ากินเฉยๆ ไม่ได้ครับ ต้องจิ้มน้ำจิ้มเข้าช่วยครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าสำหรับขาเนื้อไม่ควรพลาดที่จะลองชิมเมนูนี้นะครับ
31
32
และเมนูกะทะร้อนเมนูสุดท้ายครับ “จี่หมูกะทะร้อน” ครับ รสชาติของจานนี้คล้ายๆ กับจานที่แล้วเลยครับ ตัวเนื้อหมูนุ่มแต่ยังไม่ค่อยมีรสชาติในตัวเนื้อเพียวๆ เท่าไหร่ ต้องใช้น้ำจิ้มช่วยผลักดันให้ลงตัวมากขึ้นครับ
33
กินเนื้อเพียวๆ มา 3 จานติดแล้ว เรามาคั่นกันด้วยเมนูสุขภาพอย่าง “สลัดทูน่า” ดีกว่าครับ ผักค่อนข้างสดเลยครับ กรอบ อร่อย ส่วนน้ำสลัดออกใสและเปรี้ยวนิดๆ ผมค่อนข้างชอบ ดังนั้นจานนี้เรียกได้ว่าผมซัดคนเดียวแทบหมดจานครับ ส่วนเพื่อนแทบไม่ได้กินเลยครับ ฮา
34
พอคั่นด้วยผักแล้ว เหมือนจะเริ่มมีกำลังกลับไปซัดเนื้อต่อได้อีกยก พวกผมก็เลยขอชิมเนื้อแบบจุ่มหม้ออีกซัก 2-3 อย่างครับ @___@
เริ่มจากหมูนิ่ม และหมูเด้ง ครับ 2 เมนูนี้เรียกได้ว่าสอบผ่านนนนนเลยครับ อร่อยและนุ่มมาก เรียกได้ว่าเป็นเนื้อหมูที่ประทับใจสุดในวันนี้แล้วครับ ถึงกับแอบเสียดายเลยที่ได้มาชิมตอนที่ท้องเริ่มจะแน่นแล้ว @_@
35
36
ต่อด้วยลูกชิ้นเนื้อ และสไบนางหรือผ้าขี้ริ้วนั่นเองครับ 2 รายการนี้รสชาติกลางๆ ครับ
37
38
และก่อนที่จะทำการปิดหม้อเพราะกะเพาะของพวกเราทั้ง 4 คนเริ่มแน่นเต็มพิกัดแล้ว ก็เจอทางร้านล่อด้วยเมนูอีกอย่างครับ นั่นก็คือ…………ชีสสสสสสสส นั่นเองครับ
39
โดยทางร้านบอกว่าให้ลองเอามาใส่เนื้อแล้วชิมดู ผลปรากฏว่า……………………..
…………………………….
…………………..
………………
………
ผมต้องสั่งเนื้อมาเพิ่มอีกจานสิครับ!! อร่อยมาก โฮกกกกกกกกกกก
……
…….
….
..
และพอกินเสร็จก็ต้องมานั่งกังวล พึมพำกับตัวเองว่า นี่เดี๋ยวตูต้องไปออกกำลังเบิร์นออกใช่มั้ย @_______@
สำหรับเมนูเนื้อห่อชีสนั้น หากใครสนใจจะลองชิม ต้องสั่งชีสเพิ่มมาต่างหาก ในราคาถ้วยละ 39 บาทนะครับ ปริมาณก็ตามในรูปเลยครับ
40
เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆ ทั้ง 4 คนก็กินอิ่มกับชนิดที่ไม่อยากจะขยับตัวไปไหนแล้วครับ ดังนั้นเรามาดูข้อสรุปแยกเป็นข้อๆ ตามความเห็นของผมและเพื่อนๆ กันดีกว่าครับ
รสชาติอาหาร : โดยรวมๆ รสชาติอาหารค่อนข้างดีครับ โดยเฉพาะคุณภาพของหมูและเนื้อ  สมกับที่ทางร้านตั้งใจนำเสนอและเป็นคนคัดเลือกวัตถุดิบเองทุกวันครับ เนื้อนุ่มและถูกปากผมและเพื่อนหลายรายการครับโดยเฉพาะเนื้อหนอก เนื้อริบอาย หมูเด้ง หมูนุ่ม และรวมไปถึงเมนูกะทะร้อนด้วยครับ แต่บางเมนูตัวเนื้อเพียวๆ อาจจะไม่ค่อยมีรสชาติมากนัก ต้องใช้น้ำจิ้มเข้าช่วยครับ ซึ่งเรื่องน้ำจิ้มนี้แล้วแต่คนชอบครับ บางคนอาจจะชอบแบบที่ทางร้านปรุงมาให้อยู่แล้ว หรือบางคนอาจจะเป็นอย่างผมก็ได้ที่ต้องมาปรุงผสมเพิ่มเติมเองครับ
ความหลากหลายของอาหาร : เมนูของทางร้านหลากหลายมากครับ มีทั้งหมู เนื้อ ทะเล และมีครบทั้งจุ่ม จี่ ย่าง รวมไปจนถึงทอดเลย เรียกได้ว่าคนที่มาทานกับเพื่อนหลายๆ คน หรือมากับครอบครัวสามารถสั่งอาหารได้หลากหลายเมนู หลากหลายสไตล์ได้เลยครับ และเท่าที่ทราบมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาทางร้านได้มีการปรับเปลี่ยนเมนูเนื้อบางรายการเพื่อให้ถูกปากและเหมาะกับลูกค้ามากขึ้น ดังนั้นหากใครไปทานช่วงนี้อาจจะมีข้อมูลบางอย่างที่แตกต่างจากเนื้อหาในรีวิวนี้นะครับ
ความสะอาดของร้านและความสวยงามของสถานที่ : สะอาด สวยงาม ตกแต่งได้น่าประทับใจดีครับ ไม่ถึงขั้นเว่อร์วังอลังการดาวล้านดวง แต่ออกแบบดูลงตัวเหมาะกับสถานที่ดีครับ และนอกจากนี้การที่ทางร้านมีพื้นที่บริการทั้งแบบ indoor และ outdoor ทำให้แต่ละคนเลือกที่นั่งได้ตรงกับใจตัวเองได้ โดยกลุ่มผมเลือกนั่งกันที่ outdoor เพราะอากาศช่วงนั้นกำลังดีครับ เย็นนิดๆ กินไป คุยไป ฟังเสียงดนตรีไป เจริญอาหารดีครับ…….ฮา
การบริการของพนักงาน : ข้อนี้ตอบจากที่ผมสังเกตการบริการของพนักงานกับโต๊ะอื่นที่มาใช้บริการในวันนั้นแล้วกันนะครับ  ผมว่าการบริการของพนักงานนั้นเร็วและน่าประทับใจดีครับ ส่วนนึงคงเป็นเพราะลูกค้าไม่เยอะมากและก็ทางเจ้าของร้านได้เข้ามาช่วยบริการตรงนี้ด้วยตัวเองด้วยครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ซอยกำนันแม้น 36 ไม่ใช่ถนนหลักหรืออยู่ในเขตเมืองซักเท่าไหร่ ดังนั้นการเดินทางด้วยรถสาธารณะอาจจะไม่สะดวกมากนักครับ ร้านนี้จึงเหมาะกับคนที่มีรถและทำเลของบ้านอยู่ในละแวกนั้นเป็นหลักครับ เรียกได้ว่าเอาไว้นัดสังสรรค์กับเพื่อนกับครอบครัวช่วงเย็นๆ อะไรแบบนี้ครับ ซึ่งทาง Kozy Korner เองก็มีที่จอดรถบริการค่อนข้างเยอะครับ
สรุป : ร้าน “หนีบเนื้อ : จุ่ม จี่ ย่าง” เป็น 1 ในร้านอาหารเปิดใหม่ที่ถือว่ามีจุดขายพอตัวในภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่านแบบนี้ครับ โดยหลายๆ ร้านเลือกที่จะเปิดบริการแบบบุฟเฟ่ต์ มีการจำกัดเวลาในการทาน แต่ร้านนี้กลับเลือกเปิดบริการแบบ a la carte และเน้นที่คุณภาพของเนื้อที่เกรดสูงกว่าทั่วๆ ไป และไม่จำกัดเวลาในการทาน มีพื้นที่บริการทั้ง indoor และ outdoor เพื่อให้กลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวมานั่งทานกันได้อย่างสบายและเป็นกันเองครับ อย่างผมเองก็ได้มานั่งทานกับเพื่อนที่สนิท นั่งคุยเล่นไป กินไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบอะไร แถมวันที่ไปนั้นอากาศยังค่อนข้างดีอีกด้วย มันเลยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและหวนให้คิดถึงว่านานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับอาหารแบบนี้ครับ เพราะหลังๆ ตัวผมเองมักไปทานอาหารแต่ร้านในห้างสรรพสินค้า ไม่ก็ร้านที่ให้บริการแบบบุฟเฟต์ที่มีการจำกัดเวลาในการทานครับ พอมาเจอแบบนี้ก็เลยค่อนข้างประทับใจครับ
อ้อ……..สำหรับคนที่สนใจไปลองชิม ลองทาน ร้านนี้ ทางร้านเค้าเปิดบริการเฉพาะช่วงเย็นเท่านั้นนะครับ โดยเปิดบริการตั้งแต่ 17.00-23.00 น. ครับ แล้วก็ปิดทุกวันจันทร์ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : หนีบเนื้อ จุ่ม จี่ ย่าง
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ