ณ ตอนนี้ต้องบอกว่าห้องอาหาร The SQUARE (เดอะ สแควร์) ชั้น 2 โรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square (โนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์) ได้กลายเป็นหนึ่งในห้องอาหารที่ผมกับต๋งได้มีโอกาสแวะเวียนไปใช้บริการและชิมอาหารบ่อยมากห้องหนึ่งครับ เพราะห้องอาหารแห่งนี้มักจะมีการเปลี่ยนแปลงธีมไลน์บุฟเฟ่ต์เป็นประจำทุก 2-3 เดือน และในการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งนั้นก็มีความแตกต่างกันพอควร ทำให้ทุกๆ ครั้งที่ผมได้กลับไปใช้บริการที่ห้องอาหารแห่งนี้จะรู้สึกว้าวและรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง และในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม 2562 ทางห้องอาหาร The SQUARE โรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square ก็ได้เปิดบริการไลน์บุฟเฟ่ต์เย็นวันอาทิตย์ – พฤหัสบดีไลน์ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า “Grill and Say Cheese Buffet (กริลล์และเซย์ชีส บุฟเฟ่ต์)” และไลน์นี้เป็นไลน์ที่มีความเด็ดหลายอย่างมาก ตั้งแต่ราคาอาหารที่ย่อมเยาเพียงคนละ 899 บาท/คน net อีกทั้งยังมีการขนวัตถุดิบดีๆ มาให้เราทานมากมายทั้งชีส, เนื้อวากิว, มันปู, หอยเชลล์, หอยนางรม, หอยโฮตาเตะ และฟัวกราส์ ใครที่ชอบทานอาหารเหล่านี้ และกำลังมองหาไลน์บุฟเฟ่ต์โรงแรมที่เดินทางสะดวก ราคาไม่เกิน 900 บาท/คน ต้องตามไปอ่านกันแบบยาวๆ เลยครับ!!!
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของพวกเราครับ
และนี่คือรายละเอียดแบบเต็มๆ ของ “Grill and Say Cheese Buffet” ครับ ยังไงก็อ่านกันให้ดีๆ ก่อนนะว่าโอเคกับวันและเวลาที่เค้าเปิดให้บริการหรือเปล่า
วันที่เปิดบริการ : วันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดี
เวลาที่เปิดบริการ : 18.00 น. – 22.30 น.
วันสิ้นสุดธีม : 31 ตุลาคม 2562
ราคาปกติของผู้ใหญ่ : 1,620++ บาท/คน หรือ 1,907 บาท/คน net (ราคารวมเครื่องดื่มเรียบร้อย)
ราคาปกติสำหรับเด็ก : เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ทานฟรี ส่วนเด็กอายุ 6-12 ปี รับประทานในราคาลด 50% เหลือเพียง 899 บาท/คน net (ราคารวมเครื่องดื่มเรียบร้อย)
ราคาพิเศษเมื่อจองผ่านลิงก์ : สำหรับทุกท่านที่ทำการจองผ่านลิงก์นี้ http://bit.ly/2lwmME7 จะได้รับสิทธิ์ทานอาหารไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ในราคาพิเศษสุดๆ โดยราคาของผู้ใหญ่จะเหลืออยู่เพียงคนละ 899 บาท net และราคาสำหรับเด็กจะเหลืออยู่เพียงคนละ 450 บาท net เท่านั้น (ราคารวมเครื่องดื่มแล้ว) และสำหรับใครที่มีบัตรสมาชิก Accor Plus ยังจะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 10% ทำให้ราคาของผู้ใหญ่เหลือเพียงคนละ 798.23 บาท net เท่านั้นครับ!! บอกเลยว่าราคาย่อมเยาและคุ้มค่ามาก ใครที่สนใจจะไปทานอาหารที่นี่ก็อย่าลืมกดจองผ่านลิงก์ด้วยนะ จะได้จ่ายเบาๆ สบายๆ กระเป๋าคร้าบบบบบบ
เอาล่ะ ตอนนี้เราก็รู้จักข้อมูลเบื้องต้นของไลน์บุฟเฟ่ต์ “Grill and Say Cheese” กันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่จะไปดูหน้าตาอาหารในหมวดต่างๆ ผมขออนุญาตพาทุกคนไปรู้จักกับที่ตั้งของโรงแรมและหน้าตาของห้องอาหารก่อนนะครับ เผื่อใครไม่เคยไปที่โรงแรมแห่งนี้มาก่อนจะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มครับ
สำหรับที่ตั้งของโรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square นั้นจะตั้งอยู่ระหว่างซอยสยามสแควร์ 5 และซอยสยามสแควร์ 6 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีทำเลอยู่ใจกลางเมืองมากๆ โดยโรงแรมแห่งนี้จะอยู่ห่างจากสถานี BTS สยามเพียง 150 เมตรเท่านั้น ใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถเดินทางไปที่นี่ได้สบายๆ ครับ ส่วนถ้าใครจะขับรถมานั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องของที่จอดรถเลย เพราะทางโรงแรมเค้ามีที่จอดรถส่วนตัวไว้บริการพอสมควร โดยที่จอดรถของโรงแรมนั้นจะอยู่บริเวณชั้นใต้ดินนะครับ เลี้ยวเข้าด้านข้างโรงแรมไปและเดี๋ยวเราจะเจอทางลงไปจอดเองครับ
หมายเหตุ : สำหรับแขกที่มาทานอาหารที่โรงแรมนั้นจะสามารถประทับตราบัตรจอดรถได้ 3 ชั่วโมงนะครับ และจากที่จอดรถชั้นใต้ดินขึ้นมายังตัวโรงแรมนั้นจะไม่มีลิฟท์นะครับ เราต้องเดินขึ้นบันไดเองประมาณ 1-2 ชั้น ^^
นี่เป็นหน้าตาของห้องอาหาร THE SQUARE โรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square ครับ โดยห้องอาหารแห่งนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม ขนาดของห้องอาหารค่อนข้างเล็ก สามารถรองรับคนได้ประมาณ 120-130 คนเท่านั้น แต่ด้วยความที่ผนังหลายๆ ด้านของห้องอาหารแห่งนี้เป็นกระจกใส และมีเพดานที่ค่อนข้างสูง ก็เลยทำให้เวลาที่เราเข้าไปใช้บริการจะไม่รู้สึกอึดอัดซักเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าวันไหนมีคนไปใช้บริการซัก 80% ของพื้นที่ขึ้นไป ก็อาจจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดและความขาดคล่องตัวในการเดินไปมาอยู่บ้างครับ
มาดูในส่วนของไลน์อาหารกันบ้าง สำหรับประเภทอาหารของไลน์ “Grill and Say Cheese Buffet” นั้น ผมคิดว่ามันสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 6 หมวด ตามนี้ครับ
หมวดที่ 1 : Seafood on ice
หมวดที่ 2 : Grilled Station
หมวดที่ 3 : อาหารญี่ปุ่น
หมวดที่ 4 : สลัดและขนมปัง
หมวดที่ 5 : อาหารไทยและอาหารจานร้อน (Hot Dish)
หมวดที่ 6 : ของหวาน, ผลไม้ และไอศกรีม
เริ่มกันที่หมวดแรก “Seafood on ice” โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าอาหารในหมวดนี้เค้ามีประเภทของอาหารให้เลือกทานน้อยลงกว่าธีมที่ผ่านๆ มาครับ และดูเหมือนว่าเค้าจะเน้นไปให้ความสำคัญกับอาหารประเภทของกริลล์หรือการปิ้งย่างตามชื่อของธีมมากกว่า โดยในวันที่ผมใช้บริการนั้นอาหารในหมวด Seafood on ice จะประกอบไปด้วยปู, กุ้ง, หอยแมลงภู่ และหอยนางรม ซึ่งโดยรวมๆ ก็ถือว่าครอบคลุมความชอบของคนส่วนใหญ่แล้วครับ และถึงแม้ประเภทอาหารในหมวดนี้จะดูน้อยลงกว่าที่ผ่านมา แต่การที่เค้ามีหอยนางรมให้เลือกทานด้วยก็น่าจะพอชดเชยกันได้ เพราะในหลายๆ ธีมก่อนหน้านี้แม้จะมีประเภทอาหารให้เลือกทานมากกว่านี้ แต่ก็จะขาดในส่วนของหอยนางรมนี้ไปครับ
และจากที่ผมกับต๋งได้ลองชิมมา ผมว่าหมวด Seafood on ice ในธีมนี้เค้าทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยครับ เพราะอาหารแต่ละอย่างนั้นเป็นอาหารประเภทที่คนส่วนใหญ่ชอบทานกันอยู่แล้ว ประกอบกับในเรื่องของความสดและขนาดของเค้าก็ทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน ยิ่งน้ำจิ้มซีฟู้ดของที่นี่มีรสชาติแซ่บถูกปากสไตล์คนไทยด้วย มันยิ่งทำให้การทานอาหารในหมวดนี้ลงตัวมากขึ้นครับ
และสำหรับใครที่ไม่ชอบทาน Seafood on ice กับน้ำจิ้มซีฟู้ด ก็สามารถเอาเนื้อประเภทต่างๆ ไปทานกับน้ำพุชีสสุดอร่อยของเค้าได้นะครับ อยากทานเท่าไหร่ก็ตักราดได้เลย และผมบอกเลยว่าชีสฟาวน์เทนหรือน้ำพุชีสของที่นี่นั้นถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์และ Signature ที่ห้ามพลาดเลยครับ มันอร่อยและเด็ดดวงมาก ใครชอบกินชีสนี่ฟินแน่ๆ และสำหรับใครที่ไม่เคยลองผมอยากให้ลองซักครั้งครับ!!
ต่อกันที่หมวดที่สอง “Grilled Station” โดยหมวดนี้เป็นหมวดที่ผมว่าทางห้องอาหารเค้าให้ความสำคัญและจัดเต็มมากครับ อาหารแต่ละอย่างดูน่ากินและมีความหลากหลาย โดยประเภทอาหารที่เราจะสามารถเลือกทานได้นั้นก็มีทั้งหอยเชลล์ย่างชีส, มันปูมิโสะ, เนื้อวากิวหั่นเต๋าราดซอสหมาล่า, เนื้อวากิวย่างบนใบไผ่ญี่ปุ่น, ซี่โครงหมูบาร์บีคิว รวมไปถึงอาหารปิ้งย่างมาตรฐานอย่างหมู, เนื้อ, แซลมอน, ปลาหมึก, กุ้งแม่น้ำ, กั้ง และแกะครับ ใครอยากทานอะไรก็เดินไปสั่งกับพนักงานได้เลย เค้าจะมีพนักงานคอยประจำสเตชั่นนี้อยู่ อยากทานอะไรจำนวนกี่ชิ้นก็สั่งได้อย่างเต็มที่ ไม่มีการจำกัดจำนวนเลยครับ ^^
นี่เป็นใบสั่งอาหารประจำหมวดนี้ครับ โดยอาหารบางอย่างทางเชฟจะมีการทำสำเร็จไว้บ้างแล้ว เช่น หอยเชลล์ย่างชีส, มันปูมิโสะ และซี่โครงหมูบาร์บีคิว ใครอยากจะทานก็สามารถเดินไปตักทานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลารอ แต่ถ้าใครอยากจะทานพวกเนื้อวากิวหั่นเต๋าราดซอสหมาล่า, เนื้อวากิวย่างบนใบไผ่ญี่ปุ่น หรือพวกหมู, เนื้อ, แซลมอน, ปลาหมึก, กุ้งแม่น้ำ, กั้ง และแกะย่าง อันนี้ก็ต้องสั่งแล้วรอนิดนึงนะครับ
มาดูเรื่องรสชาติกันบ้าง โดยรวมๆ ต้องบอกว่ารสชาติอาหารแต่ละรายการในหมวดนี้ถือว่าดีเลยนะครับ อร่อยถูกปากผมกับต๋งหลายรายการเลย และมีหลายๆ เมนูที่พวกเราต้องเดินไปสั่งซ้ำ โดยเมนูที่พวกเราประทับใจที่สุดก็ได้แก่ หอยเชลล์ย่างชีส, มันปูมิโสะ, เนื้อวากิวหั่นเต๋าราดซอสหมาล่า, เนื้อวากิวย่างบนใบไผ่ญี่ปุ่น และกุ้งแม่น้ำเผาครับ
นี่เป็นหน้าตาของหอยเชลล์ย่างชีสกับมันปูมิโสะครับ ทางเชฟจะมีการวางเตรียมไว้พอควรอยู่แล้ว ขนาดของหอยเชลล์ถือว่าใหญ่เลย กินแล้วฟินมาก ส่วนมันปูมิโสะนั้นแม้ขนาดแต่ละกระดองจะไม่ใหญ่มาก แต่ด้วยความที่เราสามารถทานได้ไม่อั้นอยู่แล้ว ดังนั้นมันก็เลยไม่เป็นประเด็นมาก ค่อยๆ หยิบ ค่อยๆ กินไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ
ส่วนนี่เป็นเนื้อวากิวหั่นเต๋าราดซอสหมาล่าครับ โดยหากใครไม่อยากจะราดซอสหมาล่าก็สามารถทำได้ เพราะเมนูนี้ทางเชฟจะทำเป็นจานๆ ตามออเดอร์อยู่แล้ว เมื่อทางเชฟย่างเนื้อเสร็จเค้าก็จะตักใส่จานให้เรา ใครอยากทานกับซอสหมาล่าก็ราดเพิ่มเองได้เลย ส่วนใครไม่อยากทานก็เลือกกินเฉพาะเนื้อเปล่าๆ ก็ได้ หรือจะไปเลือกจิ้มกับซอสอย่างอื่นแทนอันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยครับ
ทั้งนี้จริงๆ แล้วเมนูนี้จะมีชื่อทางการที่ทางห้องอาหารเค้าตั้งไว้ว่า “เนื้อวากิวพ่นไฟ” นะครับ แต่ด้วยความที่ผมกลัวว่าทุกคนจะนึกภาพไม่ออกว่ามันเป็นยังไงก็เลยขอเรียกเป็นเนื้อวากิวหั่นเต๋าแทนดีกว่า โดยในเรื่องของรสชาตินั้นถือว่าดีเลยครับ ดีจนต๋งมีการเดินไปสั่งเพิ่มด้วย แต่ทั้งนี้ผมขอแนะนำว่าหากเราอยากจะกินให้อร่อยนั้น เราต้องบอกเชฟด้วยนะว่าขอแบบมีเดียมหรือมีเดียมแรร์เท่านั้นและเราต้องรีบทานทันทีครับ เพราะด้วยความที่ขนาดของเต๋านั้นมันไม่ใหญ่มาก หากเราวางทิ้งไว้นานเนื้อด้านในมันก็จะสุกขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เรากินแล้วรู้สึกเหนียวนิดๆ และไม่ฟินซักเท่าไหร่ครับ แต่หากใครสั่งมาแบบมีเดียมแรร์แล้วรีบกินทันที ผมว่ามันโอเคเลยนะ และหากใครที่สามารถกินซอสหมาล่าได้ผมก็อยากให้ลองทานครับ เพราะผมว่าซอสหมาล่าของเค้าอร่อยดี เผ็ดจัดจ้านแบบมีรสชาติ แต่ยังไม่ขึ้นขั้นซี้ดซ้าดจนเราต้องทรมานครับ
มาดูกันที่อีกหนึ่งเมนูเด็ดของเค้าครับ “เนื้อวากิวย่างบนใบไผ่ญี่ปุ่น” เมนูนี้ผมชอบมาก เพราะเราจะได้กลิ่นของใบไผ่ญี่ปุ่นหอมๆ ลอยมากับเนื้อตอนที่เรากำลังคีบเข้าปากด้วย หอมทั้งเนื้อหอมทั้งใบไผ่ กินแล้วฟินมากเลย ใครที่ชอบทานเนื้อลักษณะนี้ควรสั่งเลยครับ แล้วก็เมนูนี้นอกจากใบไผ่ญี่ปุ่นบางใบจะมีขนาดใหญ่ยาวแบบสุดๆ แล้ว หากมีคนสนใจต้องการทานเป็นจำนวนมากเราก็อาจจะต้องรอนานหน่อยนะ เพราะทางเชฟเค้าจะทำการย่างได้ทีละ 1-2 ใบเท่านั้น ถ้าเกิดย่างเร็วหรือทำหลายๆ ใบพร้อมกัน เดี๋ยวมันจะไหม้ได้ครับ @_@
และนี่คือภาพของเนื้อวากิวที่ทางห้องอาหารใช้ครับ เค้าเอามาวางให้เห็นชัดๆ ที่หน้าสเตชั่นเลย ใครเดินผ่านไปผ่านมาจะได้รู้สึกน้ำลายไหลแล้วอยากลองชิมกัน ><
ภาพนี้เป็นภาพของซี่โครงหมูบาร์บีคิวครับ รสชาติอร่อยดี เนื้อหมูเปื่อยทานง่ายมาก และสำหรับใครที่ชอบทานชีสเราก็สามารถทานเมนูนี้คู่กับชีสได้ด้วยนะครับ โดยทางห้องอาหารเค้าจะมีการเตรียมชีสไว้ในถาดเรียบร้อยเลย อยากตักราดเท่าไหร่ก็ตักได้เต็มที่ หรือถ้ายังไม่จุใจก็สามารถเดินไปตักจากน้ำพุชีสมาราดเพิ่มก็ได้ครับ ><
ต่อกันที่พวกอาหารปิ้งย่างตามมาตรฐานทั่วไปบ้าง โดยเราจะสามารถสั่งได้หมดเลยไม่ว่าจะเป็นหมู, เนื้อ, แซลมอน, ปลาหมึก, กุ้งแม่น้ำ, กั้ง หรือแกะ ซึ่งผมเองได้ลองทานมาเกือบหมดทุกอย่าง และรู้สึกว่าเมนูที่ถูกปากผมที่สุดก็คือกุ้งแม่น้ำกับกั้งครับ ส่วนเนื้อแกะนั้นผมว่ากลิ่นแรงไปหน่อย และหมูกับเนื้อนั้นผมว่าเลือกทานเป็นเมนูอย่างเนื้อวากิวหั่นเต๋าหรือซี่โครงหมูบาร์บีคิวจะดีกว่าครับ
อ้อ ตรงสเตชั่นที่เราสั่งพวกอาหารปิ้งย่างนี้เค้าจะมีเมนูพิเศษประจำวันด้วยนะครับ โดยเค้าจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และเราสามารถสั่งได้ไม่จำกัดเหมือนกัน โดยวันที่ผมไปนั้นเค้าบริการเป็นปลาหมึกกับซอสทรัฟเฟิลครับ การจัดจานต่างๆ นั้นดูดีเลย ยังไงถ้าใครได้มีโอกาสไปทานอาหารที่นี่ก็อย่าลืมถามพนักงานด้วยนะครับว่าวันนี้เมนูพิเศษเป็นอะไร จะได้ไม่พลาดชิมครับ
หมวดที่สาม “อาหารญี่ปุ่น” โดยปกติแล้วโรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square มักจะทำอาหารในหมวดนี้ออกมาได้ดีตลอดครับ แต่พอวันนี้ผมไปก็ถึงก็แอบตกใจเล็กๆ เพราะประเภทของซูชิเค้าดูน้อยกว่าปกติ รวมทั้งยังไม่มีซาชิมิให้ทานด้วย แต่พอผมได้พูดคุยกับพนักงานของโรงแรมก็เลยทราบว่าเค้าได้มีการปรับเปลี่ยนและอัพเกรดวัตถุดิบต่างๆ ใหม่ โดยที่หมวดนี้นอกจากเราจะสามารถกินซูชิหน้าต่างๆ ที่ทางห้องอาหารเตรียมไว้เรียบร้อยได้แล้ว เรายังสามารถสั่งเมนูเพิ่มได้อีก 3 อย่าง ได้แก่ ซาชิมิ, ซูชิฟัวกราส์ และซูชิหอยโฮตาเตะครับ
นี่เป็นหน้าตาของชุดซาชิมิรวมครับ การจัดจานต่างๆ ดูดี มาเป็นถ้วยเล็กๆ ขนาดพอดีมือ คุณภาพและรสชาติของปลาดิบอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และสำหรับใครที่อยากจะทานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่อยากทานอะไรก็ลองบอกพนักงานที่รับออเดอร์ได้นะครับ เดี๋ยวเค้าจะช่วยจัดให้ ^^
ส่วนนี่เป็นซูชิฟัวกราส์และซูชิหอยโฮตาเตะครับ บอกเลยว่าสองเมนูนี้เด็ดทั้งคู่ ฟัวกราส์ชิ้นใหญ่ อร่อยและไม่เลี่ยน ส่วนหอยโฮตาเตะก็ตัวใหญ่เช่นเดียวกัน เป็นสองเมนูที่ผมกินแล้วเพลินมากจนต้องขอสั่งเพิ่มเลย ใครชอบทานสองเมนูนี้อย่าพลาดเลยนะครับ บุฟเฟ่ต์ราคา 899 บาท/คน net แล้วได้ทานสองเมนูนี้ไม่อั้น ผมว่าคุ้มมาก!!
หมวดที่สี่ “สลัดและขนมปัง” สำหรับอาหารในหมวดนี้จะอยู่บริเวณกลางห้องอาหารเลยนะครับ พวกสลัดมีให้เลือกทานพอสมควร และมีน้ำสลัดให้เลือกทานหลากหลาย แต่ในส่วนของขนมปังนั้นมีให้ทานแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น แล้วก็ไม่มีพวก Cold cuts ให้ทานด้วย ใครที่เป็นสายขนมปังกับ Cold cuts อันนี้ก็คงต้องเศร้าใจไปนะครับ T_T
หมวดที่ห้า “อาหารไทยและอาหารจานร้อน (Hot Dish)” อาหารในหมวดนี้จะถูกวางกระจายไว้ 2 โซนนะครับ และทางห้องอาหารจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนเมนูแต่ละวันให้ไม่ซ้ำกัน โดยในวันที่ผมไปนั้นจะประกอบไปด้วยไก่ซอสครีมเห็ด, เนื้ออบราดซอสเกรวี่, แพนงไก่, ผัดผัก, ขาหมู, ลาบเป็ด, ยำทูน่า, ยำดอกแค, ซุปแครอท, ซุปกระดูกหมู, ผักลวก, เกี๊ยวทอด, กราแตงผัก และมันฝรั่งอบ ซึ่งด้วยความที่ประเภทอาหารในหมวดนี้มีให้เลือกทานค่อนข้างเยอะ ผมกับต๋งก็เลยได้ชิมแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่เท่าที่ได้ลองชิมมาผมอยากจะบอกว่ารสชาติแต่ละอย่างนั้นสอบผ่านเลยโดยเฉพาะขาหมู, เกี๊ยวทอด และพวกยำต่างๆ ครับ
หมวดที่หก “ของหวาน, ผลไม้ และไอศกรีม” ลุยของคาวกันมายาวเหยียด คราวนี้ถึงเวลาตบท้ายกันด้วยของหวานบ้างแล้ว โดยในส่วนของหวานนั้นเค้าก็มีให้เลือกทานหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตฟองดู, เค้ก, มาการอง, ทาร์ต, ชูโรส, เยลลี่, เครป รวมไปถึงของหวานไทยๆ อย่างเผือกน้ำกะทิ ซึ่งจากที่ผมได้ลองชิมมา 4-5 อย่าง รสชาติถือว่าสอบผ่านครับ โดยเฉพาะเผือกน้ำกะทิกับเครปอันนี้แนะนำเลยครับ
นี่เป็นหน้าตาของเครปครับ เค้าจะทำสดๆ ตรงนั้นเลย แป้งหอมอร่อยดี แล้วก็มีท็อปปิ้งให้เลือกใส่เยอะ รวมถึงหากใครอยากจะทานคู่กับไอศกรีมก็สามารถทำได้ โดยในวันที่ผมไปนั้นไอศกรีมจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รส ได้แก่ ชาเขียว, วานิลลา และสตรอเบอร์รี่ครับ
หรือถ้าใครอยากจะกินเฉพาะไอศกรีมอย่างเดียวไม่เอาเครปก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันครับ โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะตักใส่ถ้วยทานแบบปกติ หรือจะใส่โคนแล้วให้เค้าเบิร์นมาร์ชเมลโล่ด้านบนก็ได้ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบหลังมากกว่าครับ มันอร่อยมากกว่าและไม่ค่อยมีที่ไหนมีแบบนี้ แต่การเบิร์นมาร์ชเมลโล่แบบนี้ก็มีข้อเสียเหมือนกันนะครับ คือมันจะละลายหรือเหลวเร็วมาก ใครที่สั่งแบบนี้มาต้องรีบกินเลย อย่ามัวแต่ถือถ่ายรูปนาน ไม่งั้นมันไหลลงมาเลอะมือหมดแน่ๆ ><
และนี่เป็นหน้าตาผลไม้ของเค้าครับ มีให้บริการหลายอย่างทั้งส้ม, แก้วมังกร, แตงโม และแคนตาลูป หน้าตาดูดี ส่วนรสชาติมีทั้งโอเคและไม่โอเคครับ แล้วแต่ชิ้น อย่างแคนตาลูปนี่ผมกับต๋งหยิบไล่ๆ กัน แต่คนนึงได้หวานคนนึงได้จืดก็มีครับ T_T
เอาล่ะ ดูในส่วนของอาหารกันไปครบหมดแล้วทั้งคาวหวาน คราวนี้เราไปดูในส่วนของเครื่องดื่มกันบ้างครับ โดยไลน์บุฟเฟ่ต์ “Grill and Say Cheese” เย็นวันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดีนี้ จะรวมเครื่องดื่มอย่างน้ำเปล่า, น้ำอัดลม, ชา และกาแฟไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เราจะต้องบริการตัวเองนะครับ ใครอยากทานอะไรก็เดินไปหยิบแก้วแล้วจัดการเองได้เลย ^^
และทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์ของผมกับต๋งในการไปทานบุฟเฟ่ต์ “Grill and Say Cheese” ที่ห้องอาหาร The SQUARE (เดอะ สแควร์) ชั้น 2 โรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square (โนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์) ครับ และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพของไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ชัดเจนขึ้น ผมก็เลยทำการสรุปรีวิวนี้ออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ ดังนี้นะครับ
วันที่รับประทาน : วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562
ช่วงเวลา : 18.00 – 21.00 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : จากที่ผมได้มีโอกาสมาทานอาหารที่ห้องอาหารนี้หลายครั้ง ผมว่าครั้งนี้และธีมนี้เป็นครั้งที่ผมรู้สึกประทับใจในคุณภาพอาหารและรสชาติของเค้าเป็นลำดับต้นๆ เลยครับ วัตถุดิบหลายๆ อย่างถูกยกระดับขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการมีเนื้อวากิว, ฟัวกราส์, หอยเชลล์, มันปูมิโสะ และหอยโฮตาเตะเพิ่มเข้ามาในไลน์ หรือเรื่องของความสดของอาหารต่างๆ โดยเฉพาะอาหารประเภทซีฟู้ดนั้นก็ทำออกมาได้ดี โดยจากการไปทานครั้งนี้ผมกับต๋งก็มีเมนูที่ประทับใจในรสชาติหลายเมนูเลย เช่น เนื้อวากิวหั่นเต๋าราดซอสหมาล่า (เนื้อวากิวพ่นไฟ), เนื้อวากิวย่างบนใบไผ่ญี่ปุ่น, มันปูมิโสะ, หอยเชลล์ย่างชีส, ซูชิฟัวกราส์, ซูชิหอยโฮตาเตะ, เกี๊ยวทอด เป็นต้น แต่ทั้งนี้มันก็มีบางเมนูเหมือนกันที่พวกเราทานแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ว้าวอะไรมาก อย่างไรก็ตามโดยรวมๆ แล้วในเรื่องของรสชาตินั้นถือว่าอาหารในไลน์นี้ทำได้ดีกว่าที่ผ่านมาและน่าประทับใจมากครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ด้วยความที่ห้องอาหารแห่งนี้เป็นห้องอาหารที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับหลายๆ ที่ ประกอบกับไลน์บุฟเฟ่ต์นี้ทางห้องอาหารเองก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงยกระดับวัตถุดิบหลายๆ อย่างขึ้น มันก็เลยทำให้เวลาที่เราเดินเข้าไปในห้องอาหารแล้วเจอไลน์นี้เป็นครั้งแรกจะรู้สึกโล่งๆ ดูโหวงๆ กว่าไลน์อื่นๆ แต่จากที่ผมได้ลองไล่ชิมอาหารจนครบทั้งไลน์ ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันน้อยจนน่าเกลียดนะครับ เพราะมันมีหลายเมนูที่เราสามารถสั่งอาหารมาทานเพิ่มได้ ดังนั้นในเรื่องนี้ผมก็เลยขอให้คะแนนอยู่ในระดับกลางๆ แล้วกันนะครับ
ความสะอาดของร้านและบรรยากาศโดยรวม : ในเรื่องของความสะอาดนั้นผมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ส่วนเรื่องของบรรยากาศโดยรวมนั้นขอให้อยู่ในระดับกลางๆ แล้วกัน เพราะด้วยความที่ห้องอาหารแห่งนี้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ดังนั้นทางห้องอาหารก็เลยเล่นหรือทำอะไรเกี่ยวกับพื้นที่มากไม่ได้ และหลายๆ คนเองก็อาจจะรู้สึกติดขัดในเรื่องขนาดของห้องอาหารเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ครับ
การบริการของพนักงาน : ข้อนี้ผมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยครับ การพูดจารวมทั้งการรับออเดอร์ที่สเตชั่น หรือการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะนั้นถือว่าทำได้ดีเลย พูดจาสุภาพ ข้อมูลชี้แจงครบ และไม่มีการเสิร์ฟอาหารผิดโต๊ะครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ข้อนี้เป็นข้อที่โรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square ได้เปรียบหลายๆ ที่เลย เพราะทำเลที่ตั้งของเค้านอกจากจะอยู่ใจกลางเมืองอย่างสยามแสควร์แล้ว เค้ายังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สยามเพียง 150 เมตรเท่านั้น ทำให้คนที่ไม่มีรถส่วนตัวสามารถเดินทางมาใช้บริการได้สะดวกมาก ไม่ว่าจะมาด้วยรถไฟฟ้า BTS หรือรถประจำทางต่างๆ ส่วนคนที่มีรถส่วนตัวนั้นก็อาจจะลำบากกับเรื่องของการจราจรนิดนึง แต่ถ้ามาถึงแล้วก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรเพราะโรงแรมหาง่าย แถมยังมีที่จอดรถส่วนตัวด้วยครับ
ความคุ้มค่า : แม้ไลน์บุฟเฟ่ต์ “Grill and Say Cheese” เย็นวันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดีนี้ จะใช้วัตถุดิบที่ดีกว่าเดิมมากซักเพียงเพียงใด แต่เมื่อเทียบกับราคาปกติที่เค้าตั้งไว้อยู่ที่ 1,620++ บาท/คน หรือ 1,907 บาท/คน net นั้น มันก็ยังเป็นราคาที่ผมรู้สึกว่ายังสูงเกินไปอยู่ และไม่คุ้มเลยหากจะต้องจ่ายเงินจำนวนขนาดนี้ครับ แต่ด้วยความที่ทางห้องอาหารเค้ามีโปรโมชั่นพิเศษเมื่อทำการจองผ่านลิงก์นี้ http://bit.ly/2lwmME7 ซึ่งจะทำให้ราคาสำหรับผู้ใหญ่เหลือเพียงคนละ 899 บาท net และราคาสำหรับเด็กเหลืออยู่เพียงคนละ 450 บาท net เท่านั้น มันก็เลยทำให้ไลน์บุฟเฟ่ต์นี้น่าสนใจและคุ้มค่ามากเลยครับ เพราะในราคาไม่ถึง 900 บาทต่อคน แต่ได้กิน Seafood on ice ที่สด, มีหอยนางรม, มีกุ้งแม่น้ำเผา รวมทั้งมีเนื้อวากิว, ฟัวกราส์, มันปู, หอยเชลล์ และหอยโฮตาเตะไม่อั้นแบบนี้ มันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ยิ่งใครที่มีบัตรสมาชิก Accor Plus ด้วยแล้วยิ่งเป็นอะไรที่คุ้มเป็นพิเศษ เพราะคุณจะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 10% ทำให้ราคาของผู้ใหญ่เหลือเพียงคนละ 798.23 บาท net เท่านั้นเองครับ
สรุป : ใครที่กำลังมองหาไลน์บุฟเฟ่ต์โรงแรมที่ให้บริการเย็นวันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดี และเน้นไปที่เรื่องของคุณภาพอาหาร, ประเภทของวัตถุดิบและรสชาติ มากกว่าความหลากหลายของอาหาร และเป็นคนที่มีงบประมาณไม่เกิน 900 บาทต่อคน รวมทั้งอยากจะนั่งกินแบบยาวๆ 3-4 ชั่วโมง ผมว่าไลน์นี้สามารถตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ โดยเฉพาะคนที่ชอบกินชีส, เนื้อวากิว, ฟัวกราส์, มันปู, หอยโฮตาเตะ, หอยนางรม และหอยเชลล์ เพราะเท่าที่ผมเห็นไลน์บุฟเฟ่ต์ที่เปิดบริการในช่วง 2-3 เดือนนี้และมีพิกัดราคาประมาณนี้ มันยังไม่มีไลน์ไหนเลยที่จัดวัตถุดิบกับประเภทอาหารแบบนี้ให้เราทานครับ ดังนั้นใครที่สนใจทานอาหารเหล่านี้เป็นพิเศษสามารถไปจัดได้เลย ผมว่าคุ้มมากนะ แต่ถ้าใครเป็นคนที่เน้นความหลากหลายของอาหารเยอะๆ อยากจะทานอาหารนานาชาติทั้งจีน, อินเดีย, อิตาเลี่ยน หรือเป็นคนที่อยากทานล็อบสเตอร์, Cold cuts ดีๆ เป็นหลัก ไลน์นี้ยังไม่ใช่คำตอบของคุณครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งอย่างใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ ส่วนผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลต่างๆ ของห้องอาหารแห่งนี้เพิ่มเติม รวมทั้งสำรองที่นั่งต่างๆ ก็สามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
Tel : 02-2098888
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ