ในบรรดาห้องพักของโรงแรมนับแสนนับล้านทั่วประเทศไทย หากจะมีห้องพักนึงที่ใส่ใจในเรื่องราวของสิ่งแวดล้อมก็น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้คนเข้าพักรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจและเป็นการต่อลมหายใจให้โลกของเรายังคงมีความสวยงามต่อไปใช่มั้ยครับ และมันคงจะเป็นอะไรที่ดียิ่งขึ้นหากห้องพักรักษ์โลกนั้นตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่าใจกลางเมืองกรุงเทพ สามารถเดินทางไปมาได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS มีสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมครบครัน อยู่ใกล้สถานที่เที่ยวและแหล่งช้อปปิ้ง รวมทั้งยังมีอาหารเช้าที่อร่อยและหลากหลายด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ผมกล่าวมานี้มันมีอยู่ในห้องพักที่ชื่อว่า Green Room หรือที่เรียกกันเต็มๆ ว่า Premier Sustainability Room ของโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ (The Sukosol Bangkok) หมดเลยครับ
จองที่พัก The Sukosol Bangkok ราคาพิเศษกับ Agoda คลิกที่นี่
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
ผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวในห้องทั้งหมดจะเป็นผ้าที่ไม่ได้รับการฟอกขาว เพื่อลดการปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม
ภายในห้องจะเน้นใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดสารพิษ เช่น บรรจุภัณฑ์กระดาษรีไซเคิล, ทิชชูที่ผลิตจากโรงงานที่ใช้กระดาษรีไซเคิล 100%, น้ำดื่มที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้ว, ถังขยะแบบแยกเปียก-แห้ง, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน, ระบบการตั้งเวลาเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและแสงสว่างต่างๆ, สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ เป็นต้น
มีการติดตั้งกระจก 2 ชั้นเพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ห้องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าห้องอื่นๆ และนั่นทำให้แม้ห้องพักห้องนี้จะปรับอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศาเซลเซียสตลอดเวลา อุณหภูมิภายในห้องก็จะเย็นสบายครับ ^^
Minibar ที่ประกอบไปด้วยขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชนต่างๆ อย่างยั่งยืนด้วยครับ
เป็นยังไงล่ะครับกับจุดเด่นหลักๆ 4 ข้อ ของห้อง Green Room โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ ใครที่รู้สึกว่ามันน่าสนใจและอยากจะก้าวตามไปดูหน้าตาห้อง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรมแห่งนี้ก็ตามผมไปต่อได้เลยครับ และผมบอกไว้เลยว่าภายในโรงแรมแห่งนี้ยังมีมุมสวยๆ ที่สะท้อนถึงความเป็นไทยในสมัยก่อนให้คุณต้องอึ้งหลายจุดเลยแหละ!!
เริ่มแรกเรามาดูกันในเรื่องของที่ตั้งและการเดินทางไปยังโรงแรมแห่งนี้ก่อนเลยนะครับ โดยโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ หรือโรงแรมสยามซิตี้เดิมนั้นจะตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยาใกล้ๆ กับถนนพญาไท โดยหากใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถที่จะเดินทางไปที่โรงแรมแห่งนี้ได้ง่ายๆ ด้วยการลงรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีพญาไท จากนั้นออกทางออก 4 และเดินต่ออีกประมาณ 250 เมตรครับ
นี่เป็นหน้าตาล็อบบี้ของโรงแรมครับ เพดานสูงและดูสวยงามดี โดยหลังจากที่เราทำการเช็คอินและได้รับ Key Card มาเรียบร้อยแล้ว ทางพนักงานที่เคาน์เตอร์จะมีคูปองเล็กๆ ให้เราไปรับเครื่องดื่ม Welcome Drink ที่ Sapphire Bar ที่อยู่ข้างๆ กันด้วยครับ โดยเราสามารถที่จะไปทาน Welcome Drink ตอนไหนก็ได้หรือจะไปทานในวันที่เราจะเช็คเอาท์ก็ได้ ก็ถือว่าสะดวกสบายและสร้างความแตกต่างจากหลายๆ ที่ดี เพราะบางทีเราก็อาจจะยังไม่อยากทาน Welcome Drink ตอนนั้น อยากจะไปเก็บของหรือทำธุระอย่างอื่นให้เสร็จก่อนก็สามารถทำได้ครับ
นี่เป็นหน้าตาของ Sapphire Bar ครับ ดูสวยงามและมีที่นั่งหลายแบบน่านั่งพักผ่อนดี โดย Sapphire Bar แห่งนี้จะเปิดบริการตั้งแต่เช้าจนค่ำและให้บริการหลายอย่างเลยทั้งเครื่องดื่มประเภทต่างๆ, อาหารทานเล่น, อาหารหลัก จนไปถึง Afternoon Tea ใครสนใจก็ลองแวะไปดูหรือสอบถามรายละเอียดกับพนักงานได้นะครับ
ส่วนวันนี้ผมกับต๋งได้แวะไปใช้คูปอง Welcome Drink และเครื่องดื่มที่เราได้ในวันนี้ก็คือ Tamarind Siam ซึ่งประกอบไปด้วยมะขาม, สับปะรด และมะนาวเขย่าเข้าด้วยกัน รสชาติดีเลยครับ เปรี้ยวเล็กๆ ทำเอาผมที่กำลังรู้สึกง่วงๆ ตาสว่างและกระชุ่มกระชวยขึ้นมาเลย
สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปอย่าลืมเอากล้องถ่ายรูปไปด้วยนะครับ ช่วงเวลากลางวันที่บริเวณ Sapphire Bar แห่งนี้ จะมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่เยอะเลย ^^
ชิม Welcome Drink เสร็จแล้วคราวนี้เราก็ตรงดิ่งไปที่ชั้น 12 ซึ่งเป็นชั้นที่ตั้งของห้อง Green Room หรือ Premier Sustainability Room ทั้ง 22 ห้องกันดีกว่าครับ โดยในระหว่างทางเดินต่างๆ เราจะเห็นเลยว่าโรงแรมแห่งนี้จะมีการสอดแทรกความเป็นไทยและศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามของไทยไว้หลายจุดมากๆ
และนี่ก็คือหน้าตาของห้อง Premier Sustainability Room ที่วันนั้นผมกับต๋งได้เข้าพักครับ ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิดลักษณะโครงสร้างและเลย์เอาท์ของห้องนี้ส่วนใหญ่จะมีความคล้ายคลึงกับห้อง Premier Room และมีขนาดห้องเท่ากันคือที่ 38 ตารางเมตรครับ เพียงแต่ว่าห้องทั้งสองประเภทนี้จะรายละเอียดและดีเทลในห้องที่แตกต่างกัน โดยห้อง Premier Sustainability Room จะมีการปรับโฉมยกเครื่องเปลี่ยนสิ่งของที่อยู่ภายในห้องใหม่หมดเพื่อให้มีความรักษ์โลกและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นครับ
ภายในห้อง Green Room แห่งนี้นอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบที่ห้องพักในโรงแรม 5 ดาวมีแล้ว เค้ายังมีความใส่ใจในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อมแบบที่ผมได้เกริ่นไว้ในตอนต้นของรีวิวด้วยครับ โดยเรื่องเด่นๆ ที่ห้องนี้แสดงถึงการรักษ์โลกออกมาก็ได้แก่ ผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวที่ไม่ได้รับการฟอกขาว เพื่อลดการปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม, บรรจุภัณฑ์กระดาษรีไซเคิล, ทิชชูที่ผลิตจากโรงงานที่ใช้กระดาษรีไซเคิล 100%, น้ำดื่มที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้ว, ถังขยะแบบแยกเปียก-แห้ง, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบประหยัดพลังงาน, ระบบการตั้งเวลาเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและแสงสว่าง, สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ, การติดตั้งกระจก 2 ชั้นเพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ห้องให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึง Minibar ที่ประกอบไปด้วยขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชนต่างๆ ได้อย่างยั่งยืนครับ
ผมให้ดูภาพของผ้าปูที่นอน, ผ้าเช็ดตัว และผ้าอื่นๆ ในห้องอย่างชัดๆ ครับ โดยภาพเหล่านี้หากเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่าสีของผ้าจะออกเหลืองนวล ไม่ได้ขาวจั๊ว เพราะผ้าเหล่านี้เป็นผ้าที่ไม่ได้ผ่านการฟอกขาวนั่นเอง
และไม่ใช่แค่ผ้าต่างๆ เท่านั้น แต่ปลอกหมอน, ผ้าปูที่นอน รวมไปถึงชุดคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะในตู้เสื้อผ้าก็ทำมาจากผ้าที่ไม่ได้รับการฟอกขาวเหมือนกัน เรียกว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ได้ผลิตมาจากผ้าทางโรงแรมเค้าก็ใส่ฟังก์ชั่นมาให้ครบเลยครับทั้งร่มกันแดด, ตู้เซฟ และไฟฉาย
ส่วนนี่เป็นมุมต่างๆ ในห้องครับ โดยภายในห้อง Green Room หรือ Premier Sustainability Room นี้ เค้าจะมีเก้าอี้โซฟาเล็กๆ รวมทั้งโต๊ะทำงานด้วย และบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ โซฟานั้นทางโรงแรมจะมีการเตรียมผลไม้สดหน้าตาน่าทานไว้ให้เราด้วยนะครับ
และสิ่งที่ผมชอบมากๆ ในห้องนี้ก็คือเค้าจะมีการแทรกความเป็นไทยไว้ในส่วนต่างๆ ของห้องด้วย เช่น โคมไฟ, ภาพประดับต่างๆ ซึ่งเรื่องพวกนี้น่าจะทำให้แขกที่เข้าพักหลายคนประทับใจเลยครับ
มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำของห้อง Green Room นั้นถือว่ามีขนาดใหญ่ใช้ได้เลยนะครับ มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ในการอาบน้ำก็ให้มาครบครันทั้งผ้าเช็ดตัว, ผ้าเช็ดหน้า, ครีบอาบน้ำ, ยาสระผม, โลชั่น, แปรงสีฟัน, หมวกอาบน้ำ, คอตต้อนบัด, สำลี, ไดร์เป่าผม และอุปกรณ์ในการเย็บซ่อมชุดแบบง่ายๆ
อ้อ ในส่วนของชักโครกนั้นเค้าก็มีการติดตั้งสายฉีดชำระมาให้เรียบร้อยนะครับ และทางโรงแรมยังได้บอกผมด้วยว่าอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำนั้นเค้าจะเลือกใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดน้ำที่สุด เพื่อที่จะได้ช่วยกันประหยัดทรัพยากรของโลกเราเอาไว้ ส่วนในเรื่องของขวดน้ำดื่มนั้นเค้าก็พยายามที่จะเลือกใช้น้ำดื่มที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ เพราะวัสดุพวกนี้มันสามารถรีไซเคิลได้ง่าย
โดยรวมๆ แล้วก็ต้องบอกครับว่าทางโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ เค้าคิดเยอะและใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ พอสมควรเลย โดยเค้าพยายามจะเลือกใช้วัสดุต่างๆ ที่ส่งผลกระทบในด้านลบต่อโลกเราให้น้อยที่สุด ใครที่เป็นคนหัวใจสีเขียวอยากจะเป็นส่วนนึงในการช่วยลดการทำร้ายโลกของเราก็ลองพิจารณห้องพักห้องนี้เป็นทางเลือกนะครับ และหากเราได้เข้าไปพักที่ห้องนี้เรายังสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากรต่างๆ ได้ด้วยโดยการเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวหรือผ้าปูที่นอนให้น้อยลงกว่าปกติครับ
ใครที่สนใจก็ลองอ่านป้ายต่างๆ ที่เค้าเขียนไว้ในห้องได้นะครับ หรือถ้าใครอยากจะเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ ของโรงแรมแห่งนี้เพิ่มเติมก็สามารถสแกน QR Code ในกระดาษที่เค้าวางไว้ในห้องได้เลย ^^
สำรวจห้องพักของเราเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราไปดูสิ่งที่น่าสนใจภายในโรงแรมกันต่อดีกว่าครับ เริ่มจากสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และสปา 3 สิ่งที่หลายๆ คนชอบนึกถึงและชอบไปใช้บริการมากที่สุดเวลาเข้าพักที่โรงแรมต่างๆ โดยทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และสปาของโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพนั้น จะตั้งอยู่ที่ชั้น 6 เหมือนกันครับ ไปชั้นเดียวได้ครบๆ เลย
นี่เป็นหน้าตาของสระว่ายน้ำครับ เป็นสระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ดูสวยงามและแฝงความเป็นไทยไว้ได้ดีพอควร ใครที่อยากจะว่ายน้ำก็แวะมาใช้บริการได้นะครับ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กๆ มาด้วยน่าจะประทับใจระดับนึงเลย
ส่วนนี่เป็นฟิตเนสครับ จะอยู่ข้างๆ กับสระว่ายน้ำเลย ขนาดใหญ่ใช้ได้และมีอุปกรณ์ในการออกกำลังกายเยอะดี รวมทั้งยังมีพื้นที่สำหรับการเล่นโยคะหรือทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยนะครับ
และนี่เป็นหน้าตา Lotus Spa หรือสปาของโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพครับ ผมไม่ได้มีโอกาสลองใช้บริการนะครับ แต่เท่าๆ ที่แวะไปดูก็คิดว่ามันน่าจะดีอยู่ครับ
จากชั้น 6 เรามาที่ชั้น 1 ของโรงแรมกันบ้าง และที่ชั้นนี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเลย โดยนอกจากที่ชั้น 1 ของโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ จะมี Sapphire Bar ที่ผมได้พูดถึงในตอนต้นของรีวิวไปแล้ว ที่ชั้นนี้ก็ยังมีร้าน Baan Siam ที่เป็นร้านขายของฝากและของที่น่าสนใจของไทยหลายอย่าง, ร้าน The Deli Shop ที่มีเบเกอรี่น่ากินให้เลือกทานมากมาย, ร้านอาหารจีนหลินฟ้า (Lin-Fa) หนึ่งในห้องอาหารจีนในกรุงเทพที่ผมว่ารสชาติดีมาก และห้องอาหารปทุมมาศ ห้องอาหารที่มีไลน์บุฟเฟ่ต์ที่น่าสนใจและมีอาหารหลากหลายครับ ใครสนใจตรงไหนเป็นพิเศษก็แวะเข้าไปดูหรือใช้บริการกันได้เลย โดยในส่วนของห้องอาหารจีนหลินฟ้าและห้องอาหารปทุมมาศนั้นผมเคยมีเขียนรีวิวไว้แล้วตามลิงก์ด้านล่างนี้ ใครอยากจะทราบรายละเอียดแบบเต็มๆ ก็สามารถกดไปอ่านต่อได้ครับ
LIN-FA @SUKOSOL : ห้องอาหารจีนเก่าแก่ที่รสชาติเยี่ยม ติ่มซำเด็ด แถมมีบุฟเฟ่ต์ด้วย
ปทุมมาศ @THE SUKOSOL : อร่อยและคุ้ม จนต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อโรงแรมนี้ใหม่หมด!!
และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปแล้ว ที่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ แบบนี้ด้วยครับ ทั้งมุมที่เป็นแนวสวนเก๋ๆ หรือมุมที่สะท้อนถึงความเป็นไทยในสมัยก่อนด้วยรูปร่างโครงสร้างตึกสมัยโบราณพร้อมกับสีตัวอาคารเหลืองอ่อนอันเป็นสียอดฮิตในยุคนั้นครับ
ใครที่เป็นคนชอบถ่ายรูปและมีนายแบบนางแบบไปด้วย ไม่ควรพลาดที่จะไปถ่ายรูปที่มุมเหล่านี้เลย โดยการไปที่จุดนี้ก็ง่ายๆ เพียงแค่เราไปที่ชั้น 1 ของโรงแรมและเปิดประตูด้านข้างโรงแรมออกไปก็จะเจอมุมเหล่านี้ทันทีเลยครับ ^^
แต่ถ้าใครดูสิ่งต่างๆ ที่ผมเล่ามาข้างบนนี้แล้วยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ผมยังมีสิ่งอื่นมานำเสนออีกนะครับ โดย 2 สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจใกล้ๆ กับโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ และเป็น 2 สิ่งที่เหมาะกับคนสองสายเลย โดยสิ่งแรกหรือสถานที่แรกนั้นก็คือ King Power ถ.รางน้ำ นั่นเอง ใครที่เป็นสายช้อปปิ้งและมีแพลนจะเดินทางไปต่างประเทศอยู่แล้ว สามารถใช้เวลาไปกับการเลือกเดินซื้อของที่นี่ได้เลยครับ เพราะ King Power กับโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพนั้นอยู่ใกล้กันมากๆ ชนิดที่ว่าเราสามารถเดินไปได้เลยครับ
ส่วนสิ่งที่สองหรือสถานที่ที่สองนั้นก็คือ “พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด” ครับ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะอยู่เยื้องๆ กับโรงแรมเลย เดินข้ามถนนไปก็ถึงแล้วครับ ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีตึกเรือนไทยสวยๆ รวมทั้งสิ่งของที่มีความสวยงามล้ำค่ามากมาย ใครที่ชอบแนวนี้หรือมีเพื่อนชาวต่างชาติไปด้วย ควรหาเวลาไปเลยครับ ค่าเข้าชมคนละ 50 บาทเท่านั้น และเค้าเปิดบริการทุกวันเลยนะครับ
ทั้งนี้สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาดแบบเต็มๆ ก็สามารถอ่านรีวิวที่ผมเคยเขียนไว้ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
เอาล่ะ ดูสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจทั้งภายในโรงแรมและบริเวณใกล้เคียงไปครบแล้ว คราวนี้เรามาดูเรื่องสุดท้ายของการเข้าพักที่นี่กันดีกว่า นั่นก็คือเรื่องของอาหารเช้าครับ
สำหรับอาหารเช้าของคนที่เข้าพักที่โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพนั้นจะต้องมาใช้บริการกันที่ห้องอาหารปทุมมาศซึ่งอยู่ที่บริเวณชั้น 1 โดยห้องอาหารแห่งนี้ถือว่าเป็นห้องอาหารที่ใหญ่พอสมควร สามารถรองรับคนได้ประมาณ 200 คน ส่วนไลน์อาหารนั้นก็ถือว่าจัดมาให้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น, ติ่มซำ, อาหารจีน, อาหารอินเดีย, อาหารไทย, ไส้กรอก, เบคอน, สลัด, ชีส, Cold Cuts, Egg Station, ก๋วยเตี๋ยว, ข้าวต้ม, ขนมปังและเบเกอรี่, แพนเค้ก, โยเกิร์ต, คอนเฟลค แล้วก็ผลไม้ รวมๆ แล้วก็ถือว่าเค้าให้ประเภทอาหารมาหลากหลายดีนะครับ เพราะจัดมาหลายเชื้อชาติเลย
และนอกจากความหลากหลายที่เค้าให้มาแล้ว ในส่วนเรื่องของรสชาตินั้นก็ถือว่าทำได้ดีเลยนะครับ อาหารส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบที่ดีในการปรุงและมีรสชาติถูกปากผมกับต๋ง ส่วนน้ำผลไม้นั้นก็มีให้เลือกทานเยอะและเป็นน้ำผลไม้ที่มีคุณภาพด้วยนะครับ และสำหรับใครที่ไม่ชอบทานน้ำผลไม้ที่นี่เค้าก็มีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋บริการด้วยนะ ^^
แต่ถ้าใครที่เห็นอาหารเช้าที่ผมถ่ายรูปมาแล้วยังรู้สึกไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ หรือว่าไม่อยากที่จะเดินลงไปทานที่ห้องอาหาร อยากจะนั่งทานชิลๆ ที่ห้อง ทางโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ เค้าก็มีบริการ In room breakfast service นะครับ แต่ในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ใครสนใจก็ลองดูรายละเอียดในเอกสารที่อยู่ในห้องของเราได้ เค้าจะมีข้อมูลกับราคาต่างๆ บอกไว้หมดเลย
และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมของห้อง Green Room หรือ Premier Sustainability Room ที่ผมได้เข้าพักครับ ซึ่งหากใครดูแล้วประทับใจในสิ่งต่างๆ ของห้องนี้ก็สามารถทำการจองหรือ Booking ได้เลย แต่หากใครดูแล้วว่าห้องสไตล์นี้อาจจะยังไม่ค่อยเหมาะกับตัวเอง แต่รู้สึกชอบในทำเลที่ตั้งของโรงแรม, ความสวยงาม รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรมแห่งนี้ก็สามารถทำการจองเป็นห้องพักประเภทอื่นได้ครับ โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ เค้ายังมีห้องพักให้เราเลือกจองอีกหลายประเภททั้งห้อง Premier Room, Executive Room, Premier Family Room, Siam Suite, Sukosol Suite และ Deluxe Room ใครสนใจห้องพักประเภทไหนก็จองได้ตามที่ชอบเลยครับ
จองที่พัก The Sukosol Bangkok ราคาพิเศษกับ Agoda คลิ๊กที่นี่
และสำหรับใครที่อยากจะอ่านบทสรุปรวมถึงมุมมองที่ผมมีต่อห้องพัก Premier Sustainability Room โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ (The Sukosol Bangkok) แบบเต็มๆ ก็สามารถอ่านได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ ผมได้ทำการสรุปออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ เพื่อให้ทุกคนอ่านได้ง่ายๆ กันแล้ว ^^
วันที่เข้าพัก : วันที่ 27-28 กรกฎาคม 2562
จำนวน : 2 คน
การออกแบบ : ข้อนี้ผมขอแยกออกเป็น 2 ส่วนนะครับ คือในส่วนของห้องพักกับส่วนของบริเวณโรงแรมทั่วไป ในส่วนของตัวห้องพัก Green Room หรือ Premier Sustainability Room นั้น ผมให้อยู่ในเกณฑ์กลางๆ ค่อนไปทางดี ตัวห้องออกแบบสวยงาม โปร่งโล่งดูสบายตา และมีการสอดแทรกความเป็นไทยได้พอควร แต่ในด้านความหวือหวาหรือดีไซน์นั้นยังไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก ส่วนในส่วนของบริเวณโรงแรมทั่วไปนั้นผมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ หลายๆ จุดเช่น สระว่ายน้ำ, Sapphire Bar รวมไปถึงบริเวณสวนที่ชั้น 1 นั้น ผมว่าเค้าออกแบบได้สวยดี เห็นแล้วประทับใจจนต้องหยิบกล้องออกมาถ่ายภาพเลย
ความสะอาด : ข้อนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ สอบผ่านสบายๆ สะอาดเรียบร้อยทั้งในห้องและบริเวณส่วนกลางครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง : ถือว่าเป็นห้องพักที่มีอะไรมาให้ครบเลยครับ สิ่งสำคัญในการเข้าพักพื้นฐานเค้าจัดมาให้ครบถ้วน ใครจะเข้าพักที่ห้องนี้เตรียมไปแค่เสื้อผ้ากับชุดนอนก็พอ ที่เหลือไม่ต้องเตรียมอะไรไปเลย ^^
สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : ข้อนี้ผมให้อยู่ระดับกลางๆ ค่อนไปทางดีครับ คือในส่วนของสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และสปา ที่เป็น Facilities หลักๆ ของโรงแรมโดยทั่วไปนั้นก็ถือว่าเค้ามีมาให้ครบ แต่มันจะลงตัวกว่านี้ถ้าเค้ามีพวกห้องสมุดหรือ Kids Corner ด้วยครับ
การนอนหลับพักผ่อน : ข้อนี้เป็นอีกข้อที่สอบผ่านสบายๆ เพราะเตียงนอนกับหมอนของเค้าดีมาก ผมกับต๋งนอนหลับปุ๋ยเลย ส่วนในเรื่องของอุณภูมิแอร์ ความแรงของน้ำ และการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ในห้องเท่าที่ผมได้ลองใช้มา 1 คืน ก็ไม่มีส่วนไหนติดขัดครับ
การบริการของพนักงาน : เป็นอีกข้อที่ทางโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ ทำได้ดีครับ โดยผมได้มีโอกาสสอบถามข้อมูลกับพนักงาน และขอความช่วยเหลือจากเค้าอยู่เล็กน้อย ซึ่งผมก็ได้รับการตอบกลับและความช่วยเหลือจากเค้าเป็นอย่างดี รวมทั้งในขั้นตอนของกระบวนการเช็คอินเช็คเอาท์ที่ล็อบบี้ ทางพนักงานก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดีและทำงานรวดเร็วดีครับ
อาหารเช้า : ถือว่าเป็นโรงแรมที่มีไลน์อาหารเช้าให้เยอะ หลากหลาย และรสชาติดีแห่งนึงเลยครับ มีประเภทอาหารให้เลือกทานเยอะมาก และหลายๆ ประเภทอาหารก็มีเมนูให้เลือกหลายอย่างด้วย โดยสิ่งที่ผมรู้สึกประทับกับไลน์อาหารเช้าของที่นี่นอกจากเรื่องของรสชาติแล้วก็คือเรื่องที่เค้ามีอาหารอินเดียบริการ รวมถึงมีพวกโยเกิร์ต, น้ำผลไม้ และเบเกอรี่ให้ทานหลายแบบนี่แหละครับ
สรุป : รวมๆ แล้วต้องบอกว่าโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ (The Sukosol Bangkok) เป็นโรงแรมห้าดาวใจกลางกรุงเทพที่มีความลงตัวและพร้อมในหลายๆ ด้านแห่งนึงเลย ทั้งเรื่องของทำเลที่ตั้ง, ประเภทของห้องพักที่หลากหลาย, การดีไซน์ของโรงแรมที่มีกลิ่นไอของความเป็นไทย, การมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบ, ห้องอาหารภายในโรงแรมอร่อย, ไลน์อาหารเช้าดี และยังอยู่ใกล้กับสถานที่ช้อปปิ้งอย่าง King Power รวมถึงใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาดด้วย ใครที่กำลังมองหาห้องพักโรงแรมห้าดาวที่สามารถตอบโจทย์เรื่องพวกนี้ได้ก็ลองพิจารณาโรงแรมแห่งนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกได้เลยครับ ยิ่งใครที่เป็นคนที่รักษ์โลก มีหัวใจสีเขียว อยากจะช่วยเหลือโลกของเราให้สวยงามและคงอยู่ต่อไปนานๆ การเลือกเข้าพักที่ห้อง Premier Sustainability Room ก็จะยิ่งเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ของคุณได้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้สำหรับใครที่เป็นคนที่ชอบอะไรหวือหวาหน่อย อยากจะได้โรงแรมที่ดีไซน์สวยเก๋ ชิค ฮิปหรือมีสีสันที่สดใส หรืออยากจะเข้าพักที่โรงแรมที่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มี Kids Corner ให้เด็กๆ รวมไปถึงอยากได้โรงแรมที่เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกสุดๆ อยู่ติดกับรถไฟฟ้าเลย โรงแรมแห่งนี้น่าจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควรนะครับ ^^
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งอย่างใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยนะครับ ส่วนใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพ หรือต้องการจองที่พักราคาพิเศษ ก็สามารถกดเข้าไปในลิงก์ข้างล่างนี้ได้เลย แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ
Fanpage : The Sukosol Hotel, Bangkok
Tel : 02-2470123
จองที่พัก The Sukosol Bangkok ราคาพิเศษกับ Agoda คลิกที่นี่
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราในวันที่ลองใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนี้ได้ครับ