จังหวัดพังงาเป็นหนึ่งในจังหวัดทางใต้ของประเทศไทยที่ใครๆ ต่างก็หลงรักและมักจะแพลนไปเที่ยวกัน เพราะที่จังหวัดพังงานั้นมีทะเลสวยๆ อยู่มากมายเต็มไปหมด ทั้งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน, หาดเขาหลัก, เกาะยาวน้อย, เกาะยาวใหญ่, เกาะปันหยี, ทะเลแหวก, เกาะพระทอง, อ่าวพังงา เป็นต้น โดยสถานที่ต่างๆ ที่ผมกล่าวมานั้นทุกคนสามารถที่จะหาอ่านบทความหรือรีวิวที่เกี่ยวข้องได้มากมายเต็มไปหมด ดังนั้นในบทความนี้ผมก็เลยอยากพาทุกคนไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ในจังหวัดพังงาที่หลายๆ คนไม่เคยรู้จักหรือไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เพื่อที่จะได้เปิดมุมมองและเพิ่มความหลากหลายในชีวิตการท่องเที่ยวของเราให้เพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่าทุกสถานที่นั้นล้วนแต่เด็ดๆ และยังไม่ค่อยมีคนไปทั้งนั้นเลยครับ นอกจากนี้ในบทความนี้ผมยังจะมีการแนะนำร้านอาหารอร่อยๆ ราคาไม่แพง รวมถึงโรงแรมและที่พักที่น่าสนใจในพังงาอีกด้วย เรียกว่าจัดเต็มและครบครันสำหรับคนที่มีแผนจะเดินทางไปเที่ยวพังงาแบบ 2 วัน 1 คืนเลยครับ
.
.
.
ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ทำไม ไปไล่ดูสถานที่เที่ยวในพังงาที่ผมภูมิใจนำเสนอกันได้เลย!!!
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
1. ศาลากลางจังหวัดพังงา (หลังเก่า)
อื้อหืออออ เปิดมาที่แรกหลายๆ คนก็อาจจะส่งเสียงร้องยี้หรือทำหน้าเอือมเลยว่าผมพาทุกคนไปที่ไหนเนี่ย แต่ผมบอกเลยครับว่าสำหรับใครที่ชอบท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เน้นหาความรู้และอยากจะรู้เรื่องราวของจังหวัดพังงาแบบที่หลายๆ คนไม่เคยรู้มาก่อน ที่ศาลากลางจังหวัดพังงาหลังเก่านี่แหละคือที่ๆ ทุกคนควรจะต้องมาครับ เพราะที่นี่ปัจจุบันนี้เค้าได้ทำการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองพังงาที่เล่าเรื่องราวต่างๆ ของจังหวัดพังงาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยจะเริ่มเล่าตั้งแต่สมัยหลายร้อยปีก่อนที่บริเวณแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยเหมืองดีบุก, การอพยพเข้ามาของชนชาติต่างๆ, การค้าขายกับชาวต่างชาติ, รูปแบบเสื้อผ้าและสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์, ของเก่าแก่ล้ำค่า, รถสองล้อที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด, การกรีดยาง, วิถีชีวิตของคนพังงา และแน่นอนว่าสิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือเหตุผลว่าทำไมจังหวัดพังงานั้นถึงมีอีกชื่อว่ากราภูงาครับ
โดยพิพิธภัณฑ์เมืองพังงาที่ศาลากลางจังหวัดพังงาหลังเก่านี้จะเปิดให้ทุกคนเข้าชมฟรีทุกวันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 9.00 น. จนถึงเวลา 16.00 น. โดยในการเข้าชมนั้นทุกคนจะต้องเดินชมด้วยตัวเอง ไม่มีเจ้าหน้าที่นำชม ส่วนรูปแบบการจัดแสดงข้อมูลนั้นก็จะมีทั้งบอร์ดข้อมูล, โครงสร้าง 3 มิติจำลอง จนไปถึงโมเดลต่างๆ และ VTR ภาพเคลื่อนไหวที่เล่าเรื่องราวของจังหวัดพังงาเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนครับ เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวคุณจะรู้เรื่องของจังหวัดพังงาครบอย่างแน่นอน ใครที่เป็นสายข้อมูล อยากท่องเที่ยวแบบลึกซึ้งไม่ควรพลาดเลย ส่วนถ้าใครคิดว่าการท่องเที่ยวแบบนี้มันไม่ใช่แนวตัวเองซักเท่าไหร่ก็ข้ามไปสถานที่ถัดไปได้เลยครับ
เบอร์ติดต่อ : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพังงา 076-481596
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 30 – 60 นาที
2. ชุมชนบ้านท่าดินแดงและเขาหน้ายักษ์
แม้ว่าจังหวัดพังงาจะมีทะเลสวยๆ มากมายเต็มไปหมด แต่สถานที่ส่วนใหญ่ที่เรารู้จักและคุ้นหูนั้นต่างก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายโดยเฉพาะในวันหยุดต่างๆ ดังนั้นสำหรับสถานที่ต่อไปที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จักนั่นก็คือหาดเร้นลับในจังหวัดพังงาที่สวย น้ำใส แถมไม่มีคนอย่างเขาหน้ายักษ์ครับ!!
โดยพื้นที่หาดและทะเลบริเวณเขาหน้ายักษ์นี้จะอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ซึ่งการเดินทางไปนั้นจะค่อนข้างยากนิดนึงครับ มันก็เลยทำให้สถานที่แห่งนี้ปลอดผู้คนและมีความบริสุทธิ์ของธรรมชาติสูงมาก แต่ไหนๆ ผมก็หยิบสถานที่นี้มาแนะนำให้ทุกคนรู้จักแล้ว ดังนั้นผมบอกเลยว่าหากเราต้องการจะไปมันก็ไม่ยากเกินความพยายามของเราอย่างแน่นอนครับ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปนั้นมันถูกกว่าที่คิดด้วย ^^
สำหรับวิธีการเดินทางไปเขาหน้ายักษ์ที่ง่ายที่สุดในความเห็นของผมก็คือการเดินทางไปยังชุมชนบ้านท่าดินแดง อ.ท้ายเหมือง ครับ เพราะที่นี่จะมีกลุ่มชาวบ้านที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นอยู่ โดยเค้าจะมีแพคเกจพาเที่ยวบ้านท่าดินแดงรวมทั้งบริเวณใกล้เคียงในราคา 400 บาท/คน (ขั้นต่ำ 4 คน) ซึ่งในแพคเกจนี้เราจะได้พายคายัคในเขตเหมืองเก่า, ได้ดูการสาธิตวิธีการร่อนแร่ดีบุก, การชมรางแร่โบราณ, การนั่งเรือหางยาวชมป่าชายเลน, การชมแปลงผักไฮโดรโปนิค รวมไปถึงการไปชมความงามของหาดเร้นลับที่บริเวณเขาหน้ายักษ์ครับ
นี่เป็นหน้าตาของเรือหางยาวที่เราจะต้องนั่งไปที่หาดหน้ายักษ์ครับ ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 20-30 นาที ขนาดของเรือใหญ่ ปลอดภัย มีเสื้อชูชีพพร้อม โดยในระหว่างทางเราจะได้ชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนที่อยู่ในเขตเหมืองเก่าด้วย และเมื่อนั่งเรือไปถึงจุดหมายแล้วเราจะต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 800 เมตรจึงจะถึงบริเวณเขาหน้ายักษ์ครับ ซึ่งเส้นทางการเดิน 800 เมตรนี้จะเป็นทางเดินโล่งๆ ที่ไม่มีต้นไม้สูงใหญ่ไว้หลบแดดเลย รวมไปถึงที่บริเวณเขาหน้ายักษ์นั้นก็จะไม่มีร้านอาหาร, ร้านขายเครื่องดื่ม หรือห้องน้ำไว้บริการด้วยครับ ดังนั้นใครที่ต้องการจะเดินทางไปก็ควรต้องเตรียมตัวให้ดีทั้งร่ม, หมวก, ครีมกันแดด, ขนม และเครื่องดื่ม ควรติดตัวไปให้พร้อม แล้วก็อย่าลืมนะครับว่าถ้าเราถืออะไรไปด้วยก็ต้องเก็บกลับมาให้หมด อย่าทิ้งไว้ที่หาดโดยเด็ดขาดครับ!!
และนี่คือภาพของหาดทรายขาวสุดยาวเหยียดบริเวณเขาหน้ายักษ์ครับ บอกเลยว่าสวยงามและคุ้มค่าในการเดินทางมามาก โดยในบางช่วงของปีระหว่างที่เราเดินเท้าจากจุดจอดเรือมายังชายหาดนั้นจะมีทุ่งหญ้าสะวันนาสวยๆ ให้เราถ่ายรูปด้วยนะครับ แต่พอดีวันที่ผมไปนั้นเค้าปรับปรุงพื้นที่พอดี ผมก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา T_T
และจากหาดนี้หากเรามองไปทางขวามือเราจะเห็นโขดหินใหญ่ๆ อยู่ โดยจุดนี้เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ ผมแนะนำให้เดินขึ้นไปถ่ายรูปกันนะครับ ทางเดินไม่ยากมาก ผู้หญิงก็สามารถเดินขึ้นไปได้อย่างสบายๆ
และหลังจากที่เราชมความงามของหาดและทะเลบริเวณเขาหน้ายักษ์เสร็จแล้ว เรือของชาวบ้านท่าดินแดงก็จะพาเรากลับฝั่งและเดินทางไปยังจุดเรียนรู้การปลูกผักไฮโดรโปนิคครับ ซึ่งที่จุดนี้เราจะเห็นกระบวนการปลูกผักไฮโดรโปนิคของชาวบ้านอบ่างใกล้ชิด และสำหรับใครที่ต้องการจะทานผักสดๆ จากสวนเค้าก็มีจำหน่ายด้วยนะครับ ราคาไม่แพง คุณภาพผักดีมาก และที่ดีสุดๆ ที่ผมอยากจะแนะนำเลยก็คือน้ำสลัดที่ทางชาวบ้านเค้าทำจำหน่ายนั้นมันอร่อยมาก!! อยากให้ลองจริงๆ ครับ
สำหรับใครที่ต้องการไปชมความงามของเขาหน้ายักษ์ รวมทั้งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เรียนรู้วิถีชีวิตของขาวบ้านบ้านท่าดินแดงอย่างใกล้ชิดแบบนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมตามข้อมูลด้านล่างนี้ได้เลยครับ
เบอร์ติดต่อ : บังโหรน 084-4433539, บังดีน 086-2730823
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 3-4 ชั่วโมง
3. Street Art เมืองพังงา
ใช่ครับ ที่จังหวัดพังงาก็มี Street Art แถมมีหลายที่ด้วยนะ แต่ Street Art ที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จักในบทความนี้จะเป็น Street Art สดๆ ใหม่ๆ ของจังหวัดพังงาเลยครับ โดย ณ ปัจจุบันนี้ (เมษายน 2562) จะมีภาพอยู่ทั้งหมด 3 ภาพ ทุกภาพจะเป็นภาพของน้องมาร์ดี หรือหนูน้อยสามตาในอิริยาบถต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับจังหวัดพังงา โดยน้องมาร์ดีนี้ถือเป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ตัวละครที่โด่งดังมากในระดับโลกเพราะเป็นผลงานการวาดของ Alex Face ศิลปินที่มีชื่อเสียงมาก โดยผลงาน Street Art ชุดนี้ของเค้ามีชื่อว่า Story of The Wonderful Town หรือเรื่องราวเมืองสวยในหุบเขา ส่วนสถานที่ตั้งของภาพทั้ง 3 นั้นก็อยู่ใกล้ๆ กัน สามารถเดินถึงกันได้ ใครที่อยากไปถ่ายรูปชิคๆ กับตัวละครนี้ก็ตามไปที่จุดต่างๆ ตามข้อมูลด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ภาพที่ 1 History of Mining หรือ “น้องมาร์ดีร่อนแร่” ภาพนี้จะอยู่ที่บริเวณแยกโรงเรียนอนุบาลเก่า ถนนโรงเรือ ตรงข้ามกับสำนักงานธนารักษ์พื้นที่พังงาครับ ส่วนเนื้อหาของภาพนี้จะสะท้อนถึงคำว่า “แร่หมื่นล้าน” หนึ่งในคำขวัญของจังหวัดพังงา ที่กล่าวถึงอดีตที่รุ่งเรืองในการทำเหมืองแร่ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมาหลายสมัยนั่นเองครับ
ภาพที่ 2 Lion Dance หรือ “น้องมาร์ดีเชิดสิงโต” ภาพนี้จะอยู่บริเวณข้างร้านขนมจีนป้าศล ตรงศาลเจ้าม่าจ้อโป๋ โดยเนื้อหาในภาพจะเป็นการสะท้อนถึงชุมชนชาวจีนในเมืองพังงาที่ได้มีศาลเจ้าม่าจ้อโป๋เป็นศูนย์รวมจิตใจมาโดยตลอด และทุกๆ ปีลูกหลานของคนเหล่านั้นก็จะมารวมตัวกันในเทศกาลต่างๆ ถือเป็นความผสมผสานระหว่างความรัก ครอบครัว และความศรัทธาที่ดีมาก ส่วนการเชิดสิงโตนั้นก็จะหมายถึงการนำความสุข ความเจริญเข้ามาในชีวิต และขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป ทำให้คนพังงานั้นมีความสุขที่ได้อยู่ในเมืองแห่งนี้นั่นเองครับ
ภาพที่ 3 Memory in The Bottle หรือ “เรือใบในขวดแก้ว” ภาพนี้จะอยู่บริเวณซอยบำรุงราษฎร์ ตรงข้ามกับ TOT สาขาพังงา เนื้อหาในภาพจะสื่อว่าจากการทำเหมืองแร่ในพังงาที่รุ่งโรจน์นั้นได้ก่อให้เกิดการค้าขายจากทะเลมากมาย โดยมีเรือสำเภาล่องจากที่ต่างๆ ทั่วโลกมายังคลองงากลางหุบเขาแห่งนี้ และได้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้า, วัฒนธรรม, ภาษา จนในที่สุดก็ได้ผสมผสานและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับเรื่องเล่าจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานที่ยังคงอบอวลอยู่ในเมืองแห่งความสุขแห่งนี้ครับ
ใครที่ชื่นชอบภาพงานศิลป์หรือ Street Art แบบนี้ ก็อย่าลืมหาเวลาไปดูและเก็บภาพให้ครบนะครับ ทั้ง 3 ภาพจะอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็เก็บได้หมดแล้วครับ
4. วิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านปริง
ดูสถานที่ที่เป็นที่เที่ยวจ๋าๆ มาหลายที่แล้ว คราวนี้เปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นสถานที่เที่ยวที่ปนกับร้านขายของฝากกันบ้างดีกว่า โดยสถานที่นี้ก็คือวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านปริงครับ ที่นี่นอกจากเราจะได้ซื้อขนมกับของฝากขึ้นชื่อของจังวัดพังงาอย่างเช่น เต้าส้อ, ไตปลา, น้ำพริกกุ้งเสียบแล้ว เค้าก็ยังมีของอื่นๆ จำหน่ายอีกมากมาย และสิ่งที่ผมอยากจะให้ทุกคนเปิดใจลองชิมดูก็คือ ขนมดอกพิงงากับขนมเต้าส้อใบเหมียง โดยสองขนมนี้ถือเป็นขนมที่หาซื้อหรือหาชิมจากที่อื่นได้ยากมากๆ ใครได้มีโอกาสแวะมาที่นี่ก็ลองขอเค้าชิมดูนะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบขนมดอกพิงงาที่เป็นไส้สับปะรดมากๆ เลย ^^
อ้อ นอกจากนี้แล้วที่นี่เค้ายังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวหรือพวกเราเข้าไปชมกระบวนการทำขนมต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ ใครที่สนใจก็ลองสอบถามพนักงานที่หน้าร้านดูได้ว่าตอนนี้เค้ากำลังทำขนมอะไรอยู่ ขอเข้าไปดูใกล้ๆ ได้หรือเปล่าครับ ><
เบอร์ติดต่อ : 081-5375370
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 30 นาที
5. เสม็ดนางชี
เสม็ดนางชี ที่นี่คือสถานที่ที่ทำให้ผมอยากจะเดินทางไปจังหวัดพังงามากที่สุดในช่วงนี้เลยครับ เพราะผมเคยเห็นภาพสวยๆ จากจุดชมวิวแห่งนี้เยอะมาก โดยเฉพาะช่วงเช้าที่พระอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายมากที่เวลาของทริปผมนั้นมันไม่ค่อยลงตัวซักเท่าไหร่ ผมก็เลยสามารถมาที่นี่ได้ในเฉพาะช่วงเย็นเท่านั้น T_T แต่อย่างไรก็ตามภาพวิวทิวทัศน์ของเสม็ดนางชีในช่วงตอนเย็นๆ นั้นมันก็สวยงามมากแล้ว และสามารถสร้างความประทับใจให้ผมได้เป็นอย่างดีเลยครับ
สำหรับจุดชมวิวเสม็ดนางชีนั้นจะอยู่ที่อำเภอตะกั่วทุ่ง และเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวโดยทั่วไปจะไม่สามารถขับรถขึ้นไปเองได้ เนื่องจากเส้นทางในช่วงหลังๆ มีความคับแคบและมีความชันมาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางไปที่จุดชมวิวแห่งนี้จะต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านล่างจากนั้นก็นั่งรถ 4WD ของสถานที่เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดชมวิวครับ (ค่าบริการจอดรถคันละ 30 บาท) ซึ่งผมบอกเลยว่าเส้นทางที่เราต้องนั่งรถในช่วงนี้มันเป็นอะไรที่ฮาร์ดคอร์มาก ชันและแคบสุดๆ ใช้เวลานั่งรถไม่ถึง 5 นาที แต่เล่นเอาเครื่องในของผมกับเพื่อนย้ายไปกองรวมกันหมดเลยครับ @_@ ยังไงใครที่ต้องการจะเดินทางไปที่นี่ก็ดูตัวเองด้วยนะครับว่าเป็นคนที่เมารถง่ายหรือเปล่า หรือสามารถนั่งรถบนทางแบบฮาร์ดคอร์ได้มั้ย ส่วนค่าบริการของรถ 4WD นั้นจะอยู่ที่ 90 บาทต่อคน (ราคาไป-กลับ) โดยรถจะเริ่มบริการตั้งแต่เวลา 05.00 น. จนถึงเวลา 20.00 น. และออกรถทุกๆ 5 นาที ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงเลยครับ ผมพร้อมจ่ายเค้าแบบเต็มใจเลย แต่สำหรับใครที่ไม่อยากจะนั่งรถ ก็สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้ โดยเส้นทางการเดินนั้นจะมีระยะทางประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาในการเดิน 45-60 นาทีครับ
จุดชมวิวแห่งนี้ผมแนะนำเลยนะครับว่าใครมาพังงาช่วงนี้ต้องมา!! ยิ่งใครที่เป็นคนชอบถ่ายภาพด้วยแล้วยิ่งต้องห้ามพลาดเด็ดขาด โดยหากใครอยากจะชมความสวยงามของที่นี่แบบสุดๆ ควรต้องมานอนค้างคืนหรือไม่ก็มาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นให้ทันครับ โดยที่บริเวณจุดชมวิวนั้นเค้าจะมีร้านอาหาร, ห้องน้ำ รวมทั้งที่พักกับลานกางเต้นท์ไว้บริการเรียบร้อยเลยครับ ^^
เบอร์ติดต่อ : 098-7403897, 081-8941159 และ 084-7448653
ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 45-60 นาที แต่ถ้าจะให้ดีคือควรนอนค้าง 1 คืน
พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวมา 5 ที่แล้ว คราวนี้เราไปพูดเรื่องของร้านอาหารและที่พักที่น่าสนใจในจังหวัดพังงาดีกว่าครับ โดยในส่วนของร้านอาหารนั้นผมคัดมา 2 ร้านเด็ดที่ผมคิดว่ารสชาติดี ราคาไม่แรงครับ ใครที่สนใจก็ตามไปอ่านกันต่อได้เลยยยยยย
ร้านครัวอารีย์ ชุมชนบางพัฒน์
ร้านอาหารแห่งนี้จะตั้งอยู่ในชุมชนบางพัฒน์ อ.เมือง จ.พังงา โดยจุดเด่นที่น่าสนใจของร้านนี้ก็คือเป็นร้านอาหารทะเลที่รสชาติดีมาก อาหารทะเลสด แถมราคาถูกสุดๆ โดยนอกจากทางร้านจะมีการจำหน่ายอาหารแบบเป็นจานๆ เหมือนกับร้านอาหารโดยทั่วไปแล้ว ทางร้านครัวอารีย์ยังมีการจัดอาหารแบบเป็นเซ็ตในราคาที่คุ้มสุดคุ้มในราคาชุดละ 1,000 บาทด้วยครับ โดยในชุดนั้นจะมีอาหารทั้งหมด 7 อย่าง สามารถทานได้ 4 คน (เฉลี่ยคนละ 250 บาท) บอกเลยว่าคุ้มมาก เพราะภายในชุดเค้าจะมีการจัดทั้งกุ้งและปูมาให้เราทานเรียบร้อยแล้ว และหากใครที่ดูเมนูอาหารในชุดแล้วรู้สึกไม่ถูกใจรายการไหนก็สามารถขอให้ทางร้านปรับเปลี่ยนเป็นเมนูใหม่ได้ด้วยนะครับ
สำหรับอาหารของร้านครัวอารีย์ที่ผมทานแล้วรู้สึกประทับใจมากที่สุดก็คือปูม้านึ่ง, กุ้งอบเกลือ, หมึกน้ำดำ และยำสาหร่ายพวงองุ่นครับ ปูม้าของเค้านั้นสดและเนื้อหวานมาก ส่วนกุ้งอบเหลือก็สดแถมตัวใหญ่สุดๆ บางตัวนี่ใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือผมเลยครับ @_@
สำหรับใครที่สนใจอยากจะทานอาหารที่ร้านครัวอารีย์นี้ก็สามารถมาที่ชุมชนบางพัฒน์ได้เลยครับ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น. โดยเมื่อเรามาถึงที่ชุมชนบางพัฒน์แล้วก็ให้เราเดินข้ามสะพานยาวๆ ไป จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายและเดินไปตามทางเรื่อยๆ และเดี๋ยวจะเราเห็นร้านครัวอารีย์อยู่ทางซ้ายมือของเรา โดยใครที่เป็นคนชอบถ่ายรูปวิถีชีวิตชาวบ้านก็อย่าลืมหยิบกล้องถ่ายรูปติดตัวไปด้วยนะครับ ที่นี่มีอะไรให้ถ่ายรูปพอควรเลย ^^
เบอร์ติดต่อ : 086-2744557 และ 087-2826559
ร้านเรอดังซีฟู้ด และอาหารพื้นบ้าน
ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกว่าภาพอาหารของร้านนี้อาจจะมีไม่ค่อยเยอะนะครับ เพราะว่าวันนั้นผมกับเพื่อนๆ หิวกันมาก เราก็เลยไม่เน้นถ่ายรูปกันซักเท่าไหร่ เรียกว่าใครถ่ายเกิน 3 แชะนี่โดนหันมามองตาขวางเลยทีเดียว ><
แต่อย่างไรก็ตามแม้ผมจะไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาเยอะ แต่รสชาติอาหารของเค้านั้นผมได้ชิมทุกจานเลย และถือว่าร้านเรอดังเป็นหนึ่งในร้านอาหารในจังหวัดพังงาที่ทำอาหารออกมาได้รสชาติดี ถูกปากผมครับ โดยเมนูส่วนใหญ่ของร้านนี้จะออกเป็นแนวอาหารพื้นเมืองหรืออาหารใต้มากกว่าอาหารทะเลแบบที่ผมกินที่ร้านครัวอารีย์ครับ ส่วนเมนูที่ผมประทับใจที่สุดในมื้อนั้นก็ได้แก่ ผัดเผ็ดหมูป่า, หมูคั่วเกลือ และปูผัดต้นหอม โดยเฉพาะปูผัดต้นหอมนั้นเป็นอะไรที่อร่อยและทานง่ายสุดๆ ส่วนหมูคั่วเกลือทางร้านก็จัดเนื้อกับมันมาให้สมดุลกันมาก เรียกว่าเนื้อกับมันอย่างละครึ่งครึ่งกันเลยทีเดียว ใครที่ชอบกินหมูทอดมันๆ บอกเลยว่าจัดเมนูนี้ไม่ผิดหวังแน่ครับ!!
ใครที่มาเที่ยวพังงาแล้วอยากจะหาร้านอาหารใต้อร่อยๆ ราคาไม่แรงตรงมาที่ร้านเรอดังได้เลยครับ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 21.00 น. โดยตำแหน่งของร้านนั้นจะอยู่ที่เขาหลักติดกับถนนเพชรเกษมเลยครับ เรียกว่าหาไม่ยาก หรือถ้าจะเอาแบบสะดวกๆ ก็ตาม Google Map ไปได้เลย ไม่มีหลงแน่นอน ^^
เบอร์ติดต่อ : 085-6915821
แนะนำร้านอาหารที่น่าสนใจมา 2 ที่แล้ว คราวนี้ได้เวลาไปดูเรื่องของที่พักกันบ้างครับ โดยในจังหวัดพังงานั้นจะมีที่พักให้เราเลือกเยอะมากกกกก ตั้งแต่ที่พักหลักร้อยจนไปถึงโรงแรมห้าดาวที่ตกคืนละหลายหมื่นบาท ซึ่งที่พักที่ผมจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันในบทความนี้นั้นจะเป็นที่พักที่มีความโดดเด่นและชวนให้ทุกคนประทับใจอย่างแน่นอนครับ
Casa de La Flora
Casa de La Flora (คาซ่า เดอ ลา ฟลอรา) ที่นี่คือที่พักที่มีความโดดเด่นมากแห่งนึงในจังหวัดพังงาเลยครับ ด้วยการออกแบบห้องที่เน้นที่ความกว้างขวางและความสะดวกสบายเป็นหลัก รวมทั้งยังเป็นโรงแรมที่มีสระว่ายน้ำ (Pool) ส่วนตัวในทุกห้องอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายๆ คนที่ได้มีโอกาสเข้ามาพักที่โรงแรมแห่งนี้แล้วจะรู้สึกประทับใจมาก และแน่นอนว่ารวมทั้งผมด้วยครับ
โดยจุดเด่นของ Casa de La Flora ที่ทำให้ผมประทับใจเป็นพิเศษก็คือ ขนาดของห้องกว้าง, มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบและมีความไฮเทค, มีสระว่ายน้ำทุกห้อง, อ่างอาบน้ำในห้องใหญ่มาก, พนักงานบริการดี, หาดทรายยาวและเป็นส่วนตัว, อาหารเช้าอร่อยและสามารถสั่งเป็นแบบ A la carte อย่างเช่นพวกเสต๊ก, ข้าวหน้าหมู, ผัดไทย, โทสต์ หรืออื่นๆ ได้ด้วย บอกเลยว่าดีงามและแตกต่างจากโรงแรมทั่วๆ ไปมาก นอกจากนี้สำหรับใครที่ต้องการความพิเศษแบบสุดๆ ก็สามารถให้ทางโรงแรมนำอาหารมาเสิร์ฟที่ห้องหรือที่สระว่ายน้ำในห้องของเราได้ด้วยครับ โดยทาง Casa de La Flora จะมีภาชนะพิเศษที่สามารถลอยน้ำได้ ซึ่งมันเก๋และว้าวมาก ใครที่มาแล้วถ่ายรูปอาหารเช้าเซ็ทนี้ลงโซเชี่ยลผมรับรองได้เลยว่ามีเพื่อนกรี้ดแตกและอยากจะตามมาด้วยแน่ๆ แต่ทั้งนี้ผมต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า Floating Breakfast นี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นคนละประมาณ 750 บาทนะครับ
นี่เป็นหน้าตาอาหารเช้าแบบ Floating Breakfast ที่เค้าจะมาเสิร์ฟให้เราที่ห้องครับ น่ากินมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ โดยเราจะสามารถเลือกสั่งได้ทุกเมนูในเล่มเลย อยากจะกินอะไรก็สั่งโลด แต่อย่าลืมนะครับว่ามันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคนละ 750 บาทนะครับ และสำหรับใครที่ชอบทานเนื้อผมบอกเลยว่าห้ามพลาดที่จะสั่งสเต๊กเนื้อเลย มันนุ่มและอร่อยมาก ><
ใครที่กำลังมองหาโรงแรมแบบนี้ในเขตเขาหลัก อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาอยู่ก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมในแฟนเพจของ Casa de La Flora ได้นะครับ หรือไม่ก็เข้าไปดูราคาต่อคืนของห้องประเภทต่างๆ ที่ลิงก์ Agoda ด้านล่างก็ได้ ผมมีใส่ลิงก์จองราคาพิเศษของที่นี่ไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
Fanpage : Casa de La Flora
เบอร์ติดต่อ : 076-428999
จองที่พัก Casa de La Flora ราคาพิเศษใน Agoda คลิกที่นี่
หรือถ้าใครอยากจะดูที่พักอื่นๆ ในเขตเขาหลักเพิ่มเติมก็ลองไปอ่านรีวิวด้านล่างนี้ได้นะครับ ไม่แน่ว่าอาจจะเจอที่พักที่เป็นไสตล์ที่เราชอบมากกว่านี้ก็ได้
- BEYOND RESORT KHAOLAK : หยุดเวลา หนีความวุ่นวาย ไปเติมรักที่ RESORT 18+
- MORACEA BY KHAO LAK RESORT : หนึ่งรีสอร์ทดีๆ ที่เขาหลัก ที่คู่ควรแก่การไปพักผ่อน
และตอนนี้ผมก็พาทุกคนไปรู้จักทั้งที่พัก, ร้านอาหารอร่อยๆ และที่เที่ยวใหม่ๆ ในพังงาครบเรียบร้อยแล้ว ใครที่ดูแล้วรู้สึกว่าจังหวัดแห่งนี้มีอะไรที่น่าเที่ยวน่าค้นหาก็อย่าลืมแพลนการเดินทางไว้เลยนะครับ โดยจะแพลนไปเที่ยวพร้อมกับภูเก็ตหรือจะแพลนไปเที่ยวพังงาเพียวๆ เลยก็ได้ เพราะที่พังงานั้นยังมีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเยอะมาก เรียกว่าถ้าจะไล่กันจริงๆ แล้ว เที่ยวครึ่งเดือนยังไม่ครบเลยครับ!!!
โดยใครที่ต้องเดินทางจากกรุงเทพหรือจังหวัดอื่นๆ ที่ไกลๆ เพื่อไปยังพังงานั้น การเดินทางที่สะดวกสบายและประหยัดเวลาที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นแน่ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีสายการบินที่ให้บริหารหลายสายมาก แต่หากใครที่พอจะมีงบอยู่บ้างผมอยากให้ลองเข้าไปเช็คราคาตั๋วของทาง Bangkok Airways (บางกอก แอร์เวย์) นะครับ เพราะสายการบินนี้เค้าเป็นสายการบิน Full Service มีอาหารเสิร์ฟบนเครื่อง และมีน้ำหนักกระเป๋าให้ด้วย นอกจากนี้สำหรับใครที่ชอบกินแล้วหากเราบินด้วย Bangkok Airways เรายังจะสามารถเข้าไปใช้บริการเลาจ์ของเค้าได้ฟรีด้วยนะครับ ทั้งที่ภูเก็ตและสุวรรณภูมิเลย บอกเลยว่าอันนี้ดีมาก ขนมอร่อย เครื่องดื่มเยอะ แถมมีเนตให้ใช้ฟรีด้วย ><
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ หวังว่าบทความนี้น่าจะช่วยให้ทุกคนรู้จักพังงาในมุมอื่นๆ เพิ่มขึ้นและน่าจะทำให้หลายๆ คนรู้สึกหลงรักเสน่ห์กราภูงาเหมือนกับที่ผมรู้สึก ทั้งนี้สำหรับท่านใดที่ต้องการติดตามเรื่องราวของการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้