ในปี 2023 ผมได้มีโอกาสลองใช้รองเท้าวิ่งแบบจริงจังถึง 4 คู่ด้วยกันครับ ผมก็เลยเอามาเขียนรีวิวและเล่าให้ฟัง ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกถูกใจคู่ไหนเป็นพิเศษก็ไปตามสอยกันได้เลยครับ น่าจะยังพอหาได้แบบไม่ยากนัก แต่ว่าผมต้องบอกไว้ก่อนนะว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับ
Puma deviate nitro elite 2
รองเท้าคู่นี้เป็นคู่ที่ผมได้รางวัลมาจากการร่วมสนุกกับทาง Puma นะครับ และเป็นรองเท้าคู่ที่ผมชอบมาก ๆ ทั้งด้านสมรรถภาพและดีไซน์เลย เวลาใส่ไปออกงานที่ไหนมีแต่คนทักทั้งนั้นครับ
รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าวิ่งแบบมีคาร์บอนเพียงคู่เดียวของผมในตอนนี้นะ โดยผมจะเอาไว้ลงแข่งเป็นหลักเลย และหยิบมาซ้อมบ้างเป็นบางวันเท่านั้น ส่วนจุดเด่นที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือมันนุ่ม, เบา, ระบายอากาศดี และช่วยให้ผมวิ่งสบายมาก ๆ ในช่วงเพซ 5.30 – 6.30 ครับ รวมถึงพื้น Puma Grip ของมันก็เกาะพื้นดีมาก ๆ สามารถวิ่งได้บนพื้นต่าง ๆ ได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลเลย ส่วนระยะทำการของรองเท้าคู่นี้นั้นผมว่ามันได้ตั้งแต่ระยะ 5 กม. จนถึงฟูลมาราธอนเลยครับ โดยตัวผมเองนั้นเคยใส่รองเท้าคู่นี้วิ่งไกลสุดที่ 29 กม. และยังไม่พบปัญหาอะไรครับ
ใครที่กำลังหารองเท้าวิ่งแบบมีคาร์บอนดี ๆ ผมแนะนำตัวนี้เลยครับ ยิ่งช่วงหลัง ๆ เค้าลดราคาบ่อยมาก ยิ่งคุ้มสุด ๆ บางทีเจอคู่ละ 3,000 ต้น ๆ เท่านั้นครับ
หมายเหตุ : รูปทรงรองเท้าคู่นี้จะเป็นแนวเรียวยาวพอควร ใครที่เป็นคนเท้ากว้างควรต้องไปลองไซส์ที่ร้านให้แน่ ๆ ก่อนซื้อนะครับ และหากคุณอยากใส่สบายมันก็อาจจะต้องเหลือพื้นที่ด้านหน้ารองเท้าเยอะกว่าคู่อื่น ๆ หน่อยนะ อย่างผมซึ่งเป็นคนหน้าเท้าค่อนข้างกว้างนั้นก็ต้องเผื่อเบอร์ไปพอควร และเหลือพื้นที่หน้ารองเท้าเกือบ 2 ซม. เลยครับ
Adidas pure boost 22
รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าวิ่งคู่แรกที่ผมมีเลยครับ และเป็นคู่ที่ผมใช้งานมากที่สุดในปัจจุบัน (วิ่งไปแล้วประมาณ 600 กม.) ภาพรวมของมันคือรองเท้าวิ่งที่นุ่มระดับนึง แต่ไม่เด้งส่ง และมีน้ำหนักพอควร แต่ว่ามันก็สามารถวิ่งได้ในหลากหลายสถานการณ์และหลายพื้นผิวนะ โดยเฉพาะเวลาที่ผมต้องไปวิ่งบนลู่ไฟฟ้า หรือ วิ่ง City Run บนฟุตบาท ที่สภาพพื้นต่าง ๆ ไม่ค่อยดีนัก และผมไม่ได้ต้องการความเร็วอะไร ผมก็จะเลือกหยิบคู่นี้ไปใส่เป็นหลักเลยครับ เพราะมันใส่สบาย มั่นคง และไว้ใจได้ ส่วนในเรื่องระยะทำการของมันนั้นผมว่าระยะ 5-10 กม. กำลังดีครับ เกินกว่านี้เราอาจจะรู้สึกหน่วง ๆ นิดหน่อยครับ
หมายเหตุ : ด้วยดีไซน์และความนุ่มของมัน ทำให้รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าวิ่งเพียงคู่เดียวที่ผมหยิบไปใส่เที่ยวต่างประเทศ หรือเดินเล่นทั่วไปด้วย โดยผมเคยใส่มันเดินวันละ 25,000 ก้าว ก็รู้สึกสบายเท้า ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ
Asics Gel-Kayano 30
รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าที่ผมได้รางวัลมาจากการไปร่วมกิจกรรมกับทาง Supersports และทาง Asics นะครับ โดยภาพรวมของมันก็คือรองเท้าที่ซัพพอร์ทแบบจ๋า ๆ เลย นุ่ม วิ่งสบาย สามารถใส่ได้ทั้งคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ หรือคนที่มีปัญหาเรื่องเท้าแบนเท้ากว้าง แต่ว่าก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักรองเท้าที่ค่อนข้างเยอะ และการระบายอากาศที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ (Size 9US ผู้ชาย หนักประมาณ 303 กรัม)
รองเท้าคู่นี้ผมจะเอาไว้ใส่วันที่ต้องการวิ่ง Recovery หรือวิ่งเบา ๆ 4-5 กม. และอยากคุมเพซตัวเองให้เกิน 7 ขึ้นไปครับ เพราะพอผมหยิบรองเท้าคู่นี้มาใส่ทีไร ผมจะวิ่งช้าลงกว่าคู่อื่น ๆ และทำให้ผมสามารถวิ่งเพซ 7.30 – 8 ได้ง่ายขึ้น (ถ้าใส่คู่อื่นนอกเหนือจากนี้มันชอบไหลไปต่ำกว่า 7 ตลอดครับ)
ส่วนระยะทำการของรองเท้าคู่นี้ผมว่าไม่ควรเกิน 10 กม. หรือไม่ควรเกิน 1 ชม. ครับ เพราะเกินกว่านี้มันจะหนักเท้าพอควร และบางคนอาจจะรู้สึกอึดอัดเรื่องการระบายอากาศด้วยครับ
New Balance FuelCell Rebel V3
จริง ๆ แล้วรองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าที่ผมชอบพอควรเลยนะ มีดีหลายด้านเลย แต่กลายเป็นว่ามันดันเป็นคู่ที่ไม่ค่อยได้ถูกหยิบมาใส่เท่าไหร่ครับ เพราะมันกั๊ก ๆ ไปหมด อย่างเวลาที่ผมต้องการความเร็วสุด ๆ ผมก็จะหยิบ Puma deviate nitro elite 2, เวลาที่ผมต้องการรองเท้าซ้อมวันเบา ๆ หรือไปวิ่ง City Run นอกบ้าน ผมก็จะหยิบ Adidas pure boost 22 และเวลาที่ผมต้องการรองเท้าที่ซัพพอร์ทสุด ๆ สำหรับวิ่ง Recovery 4-5 กม. ผมก็จะหยิบ Asics Gel Kayano 30 มาใส่ครับ สุดท้ายแล้วเจ้า New Balance FuelCell Rebel V3 ก็เลยถูกหยิบออกมาใช้น้อยมาก ๆ โดยหลัง ๆ นี้ผมจะหยิบมันออกมาวันที่ต้องการซ้อมวิ่งระยะ 8-12 กม. เท่านั้นครับ
ภาพรวมของรองเท้าคู่นี้ก็คือเบา นุ่ม วิ่งสบาย และช่วยทำให้เราวิ่งง่ายขึ้นในช่วงเพซ 6-7 ครับ โดยสำหรับคนที่ต้องการทำความเร็วหน่อย รองเท้าคู่นี้ก็สามารถไปแตะที่ระดับเพซ 5 ต้น ๆ ได้ ส่วนระยะทำการของมันผมว่าสามารถไปถึงระดับฮาล์ฟมาราธอนได้เลยครับ แต่ถ้าเกินกว่านั้นอาจจะมีตัวเลือกอื่นที่เหมาะกว่าครับ
ใครที่อยากได้รองเท้าวิ่งแบบ All around คู่เดียวใส่ได้หลายอย่าง และราคาไม่แรงมากนัก ลองดูคู่นี้เป็นตัวเลือกได้เลยครับ ช่วงที่มีโปรลดราคาเราสามารถหาได้ในราคา 1,800 – 2,000 บาทเท่านั้นเองครับ