สวัสดีทุกคนครับ หลังจากที่ผมกับต๋งได้มีโอกาสไปเที่ยว “ดานัง – ฮอยอัน – บาน่าฮิลล์” มาเป็นระยะเวลา 5 วัน 4 คืน พวกเราก็ขอสรุปแผนเที่ยวทั้งหมดออกมาตามนี้นะครับ ใครที่สนใจอยากจะตามไปเที่ยวรูทนี้บ้างก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองได้เลย รับรองว่าไปแล้วประทับใจ ไปแล้วได้รูปสวย ๆ เด็ด ๆ กลับมาเพียบแน่นอนครับ ^^
หมายเหตุ : การเข้าออกประเทศเวียดนามตอนนี้ (อ้างอิง ณ เดือน ก.ค. 65) ใช้เอกสารเพียงแค่ 2 อย่างเท่านั้น คือ Passport และ Vaccine Passport ครับ เรียกว่าเข้าออกและเดินทางได้ง่ายสุด ๆ เลย
เช็คราคาและจองที่พัก Mercure Danang French Village Bana Hills ผ่าน Agoda คลิกที่นี่
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริป/คน
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป – กลับ (รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก.) : 6,000 บาท
- ค่าที่พัก 4 คืน (นอนบนบาน่าฮิลล์ 2 คืน) : 4,120 บาท
- ค่ากระเช้าขึ้นบาน่าฮิลล์ : 700 บาท (ถ้าไม่ได้พักบนนั้น ค่ากระเช้าจะแพงกว่านี้นะครับ)
- ค่าอาหารทั้งหมด : 2,450 บาท
- ค่าซิมมือถือ Vinaphone : 200 บาท
- ค่าเข้าเมืองเก่าฮอยอัน : 90 บาท
- ค่ารถเหมา 5 วัน 4 คืน (คนขับพูดและพิมพ์ภาษาไทยได้ชัดมาก) : 2,000 บาท
- อื่น ๆ (นั่งเรือกระด้ง, เรือฮอยอัน, ถ่ายรูปโคมไฟ) : 280 บาท
รวมทั้งหมด 15,840 บาท/คน
หมายเหตุ : ช่วงวันที่ผมเดินทาง คือ 2-6 กรกฎาคม 2565 นะครับ
ทั้งนี้ถ้าใครคิดว่างบประมาณทั้งหมดนี้เกินตัวเองไปหน่อย ผมแนะนำให้ปรับตามนี้นะครับ มันจะช่วยเซฟไปได้ประมาณ 3,000 – 4,000 บาท/คน ครับ
- รอจังหวะราคาตั๋วเครื่องบิน ต่ำกว่า 5,000 บาท
- นอนบนบาน่าฮิลล์เพียง 1 คืน
- ไปเที่ยวกัน 4 คน เพราะค่าเดินทางจะถูกกว่าผมที่ไปกัน 2 คน 1 เท่าครับ
- ประหยัดค่ากินมื้อต่าง ๆ
สำหรับทริปนี้ผมวางแผนนอนบนบาน่าฮิลล์ 2 คืนนะครับ เพราะผมอยากไปที่นี่มาก ผมอยากเดินเล่นถ่ายรูปบนนั้นให้จุใจ ประกอบกับผมได้ยินเสียงร่ำลือมาหนาหูมากว่าบนบาน่าฮิลล์นั้นสภาพอากาศไม่แน่นอนเลย เราอาจจะเจอทั้งฝน, อากาศหนาว, แดดร้อน และหมอกหนา ๆ ผสมกันในวันเดียวได้ ที่สำคัญหากเราเจอฝนหรือหมอกเยอะผิดปกติ กิจกรรมและการแสดงบางอย่างบนนั้นก็จะไม่เปิดให้บริการด้วยครับ
ดังนั้นผมเลยตัดสินใจว่าผมจะนอนบนนั้น 2 คืนครับ เพราะถึงแม้ที่พักบนนั้นจะแพงกว่าข้างล่างคืนละสองพันบาท แต่มันน่าจะทำให้ผมได้เที่ยวบนนั้นอย่างเต็มที่ ลดโอกาสเสี่ยงที่ไปแล้วจะเจอสภาพอากาศไม่ดีจนอดเที่ยว อดได้รูปสวย ๆ ครับ ซึ่งหลังจากจบทริปแล้วผมก็คิดว่าผมตัดสินใจถูกนะที่นอนบนนั้น 2 คืน เพราะมันมีจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือมีอะไรให้ทำเยอะแยะเลยครับ (โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายรูป) ดังนั้นใครที่คิดว่าพอจ่ายไหว หรือตั้งเป้าว่าอยากได้รูปสวย ๆ เด็ด ๆ เต็มพิกัด ผมแนะนำให้นอน 2 คืนจะดีกว่าครับ ส่วนถ้าใครไม่ไหวทั้งเรื่องงบและเวลา ก็สามาถใช้แผนผมอ้างอิงได้ เพียงแต่ตัดวันบนบาน่าฮิลล์ออกไป 1 วันเท่านั้นเอง ^^
ไฟลต์ที่ผมใช้เดินทาง
ทริปนี้ผมใช้บริการสายการบินเวียตเจ็ท (Vietjet) นะครับ การบริการต่าง ๆ ของเค้าดีเลย เช็คอินสะดวกรวดเร็ว เครื่องออกและถึงตรงตามกำหนดเวลา แล้วก็ตอนนี้เค้ามีไฟลต์ออกจากสุวรรณภูมิไปดานังทุกวันเลย แถมบางวันมีมากกว่า 1 ไฟลต์อีกครับ ทำให้เราสามารถจัดแผนต่าง ๆ ได้เหมาะกับเรามากยิ่งขึ้น หรือถ้าใครจะบินไปยังเมืองอื่น ๆ ในเวียดนาม นอกเหนือจากดานัง ทางเวียตเจ็ทเค้าก็มีไฟลต์ให้เลือกเยอะมาก เพราะเค้าคือสายการบินที่เชี่ยวชาญประเทศเวียดนามเป็นลำดับต้น ๆ เลย
- ขาไป : VZ960 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ 10.50 น. ถึงสนามบินดานัง 12.30 น.
- ขากลับ : VZ961 ออกจากสนามบินดานัง 13.15 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 14.55 น.
- ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
- เวลาที่ประเทศเวียดนาม จะเท่ากับไทย
ทั้งนี้สำหรับใครที่ต้องการเช็คราคาหรือจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินเวียตเจ็ท ก็สามารถกดที่นี่ได้เลยนะครับ
รถที่ใช้เดินทางตลอดทั้งทริป
สำหรับทริปนี้ผมตัดสินใจเลือกใช้บริการรถพร้อมคนขับแบบเหมาตลอดทั้งทริปนะครับ เพราะผมเน้นสะดวก ปลอดภัย อีกทั้งผมลองคำนวนดูแล้วก็พบว่าราคามันไม่ได้แตกต่างจากการเรียก Grab แบบเป็นเที่ยวซักเท่าไหร่ครับ ที่สำคัญคนขับที่ผมเลือกใช้ก็พูดและพิมพ์ภาษไทยได้คล่องมาก ๆ มันก็เลยทำให้ผมรู้สึกสบายใจและปลอดภัยขึ้นเยอะครับ
ใครที่สนใจคนขับรถแบบเหมาที่ผมใช้บริการ ก็สามารถติดต่อได้ตามรายละเอียดข้างล่างนี้เลยครับ เค้าชื่อ “วิน” เป็นคนเวียดนามที่พูดและพิมพ์ภาษาไทยได้คล่องมากชนิดไม่แพ้คนไทยเลย นอกจากนี้เค้ายังเป็นคนดานังตั้งแต่เกิดด้วย นิสัยดี มารยาทดีครับ ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้น ลองคุยและสอบถามกับเค้าเองนะ เพราะมันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไป รวมถึงเส้นทางที่เราจะใช้ด้วยครับ
ชื่อ : วิน
FB Account : Nguyễn Thái Bảo
หมายเหตุ :
1. รถของวินจะเป็นรถ Mitsubishi Xpander นะครับ สามารถนั่งได้ 4-5 คน รวมกระเป๋าสัมภาระ ดังนั้นถ้าใครไปกันเยอะ ๆ ก็จะคุ้มมากครับ หารต่อคนจะเหลือแค่คนละไม่กี่บาทเท่านั้น ส่วนผมไปกันแค่ 2 คนก็จะราคาสูงหน่อย
2. ราคาของการเป็นคนขับรถรับส่งตามแผนที่เราบอกอย่างเดียว (ส่งถึงแล้วเราเที่ยวเอง จากนั้นมารอรับตามเวลาที่เราแจ้งไว้) กับราคาแบบที่วินเป็นไกด์ให้ด้วย คอยอยู่ดูแลตลอดทั้งวัน คอยช่วยถ่ายรูปให้ด้วย ราคาจะแตกต่างกันนะครับ โดยราคาแบบเป็นไกด์จะสูงกว่าพอควร ยังไงก็สอบถามรายละเอียดให้ดี ๆ และเลือกให้เหมาะกับตัวเองนะ
3. วินสามารถดูแลกรุ๊ปทัวร์แบบกลุ่มใหญ่ๆ 50-100 คนได้สบายๆ เพราะเค้ามีทีมงานช่วยเหลือ และมีประสบการณ์ในการทำทัวร์เวียดนามกลางมาเยอะมากครับ
ซิมมือถือ
สำหรับซิมมือถือที่ผมใช้รอบนี้จะเป็นของ vinaphone ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เครือข่ายที่แรงที่สุดของเวียดนามตอนนี้ครับ การใช้งานตลอด 5 วัน 4 คืน ถือว่าดีมาก เร็ว ไม่มีสะดุด ไม่มีปัญหาในเรื่องสัญญาณขาดหายเลย โดยผมซื้อซิมมือถือจากคนด้านล่างนี้นะครับ พิมพ์ไทยได้คล่องแคล่ว และเค้าจะให้คนมารอใส่ซิมให้เราที่หน้าสนามบินเลย เพียงแต่ว่าคนที่รอใส่ซิมให้เรานั้นอาจจะเป็นคนเวียดนามนะ แต่ก็พอสื่อสารรู้เรื่องครับ หรือหากมันมีปัญหาอะไรจริง ๆ เราก็สามารถทักแชทหรือโทรไปคุยกับคนขายได้ เพราะที่สนามบินมีฟรีไวไฟครับ และเมื่อเราใส่ซิมเรียบร้อย ทดสอบแล้วว่าสามารถใช้งานต่าง ๆ ได้ ก็ค่อยจ่ายเงินเค้าครับ
FB : Le Huong (Syna Na)
หมายเหตุ :
1. ซิมเน็ตที่ผมซื้อคือ ซิม 4G โดยตอนที่ซื้อเค้ามีโปรโมชั่น 1 ซิม 250 บาท และหากซื้อ 2 ซิมขึ้นไป ซิมละ 200 บาทครับ
2. สามารถใช้เน็ตได้วันละ 2 Gb เป็นเวลา 30 วัน (แต่ละวันใช้เกิน 2 Gb ไม่ได้นะครับ)
3. ซื้อซิมกับคนนี้ ไม่ต้องเสียค่าส่ง ไม่ต้องมัดจำ และมีการรับประกันซิมในการใช้งานให้ด้วยครับ
โรงแรมที่ผมพัก
สำหรับทริปนี้ผมนอนทั้งหมด 4 คืน ใน 3 โรงแรมนะครับ โดยบางโรงแรมผมมีริวเต็มเขียนแยกไว้ด้วย ยังไงก็ลองไปอ่านกันดูนะ
- โรงแรมฮอยอัน : Son Trang Hotel (คืนละประมาณ 700 บาท) สามารถกดอ่านรีวิวเต็มได้ที่นี่
- โรงแรมบนบาน่าฮิลล์ : Mercure Danang French Village Bana Hills (คืนละประมาณ 3,000 บาท)
- โรงแรมดานัง : Sun River Hotel (คืนละประมาณ 1,100 บาท) สามารถกดอ่านรีวิวเต็มได้ที่นี่
แผนเที่ยวทั้งหมดแบบละเอียด
วันที่ 1
12.30 น. : ถึงสนามบินดานัง รอรับกระเป๋า และจัดการเรื่องซิมโทรศัพท์มือถือ
13.30 น. : ออกจากสนามบินดานังไปทานเฝอในตัวเมืองดานัง ชื่อร้านว่า “Hong Pho” ครับ รสชาติอร่อยดีนะ เฝอชามใหญ่มาก น้ำซุปอร่อย และมีทั้งไก่และเนื้อเลย นอกจากนี้หมูกรอบร้านเค้าก็อร่อยด้วยครับ
14.15 น. : นั่งรถไปยังสถานที่ขึ้นเรือกระด้ง
15.00 น. : นั่งเรือกระด้ง (คนละ 100,000 VND)
15.45 น. : เดินทางต่อไปยังเมืองฮอยอัน
16.00 น. : ถึงเมืองฮอยอัน ทำการ Check in ที่พัก โดยคืนนี้ผมเลือกนอนที่ Son Trang Hotel นะครับ (คืนละ 700 บาท นอนได้ 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า) โดยรวมที่พักที่นี่ดีครับ ราคาไม่แพง ตกแต่งเก๋ ใกล้เมืองเก่าฮอยอันมาก สามารถเดินไปได้สบาย ๆ หรือจะยืมจักรยานของเค้าไปก็ได้ แต่ข้อเสียก็คือไม่มีอาหารเช้า และไม่มีลิฟท์ครับ ใครได้อยู่ชั้นบนสุดแบบผมนี่ต้องยกกระเป่าขึ้นลงเหนื่อยใช้ได้เลย
เช็คราคาและจองที่พัก Son Trang Hotel ผ่าน Agoda คลิกที่นี่
16.30 น. : เดินชมวิวและบรรยากาศในเมืองเก่าฮอยอัน (ค่าเข้าคนละ 60,000 VND) โดยช่วงเย็น ๆ แบบนี้ คนในเมืองเก่าฮอยอันจะเยอะมากกกก ตามสถานที่ฮิตอย่างสะพานญี่ปุ่น, ร้าน Faifo Coffee หรือร้านน้ำ Mot Hoi An คนจะแน่นสุด ๆ แนะนำให้เราหลีกเลี่ยงไปก่อน ยังไม่ต้องรีบไปถ่ายรูปสถานที่เหล่านี้ในช่วงนี้ครับ แต่ให้เราเดินชมบรรยากาศไปเรื่อย ๆ และถ่ายรูปในจุดที่คนน้อยก่อน
18.00 น. – 18.45 น. : ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะกับการนั่งเรือชมวิวในแม่น้ำมากครับ เพราะพระอาทิตย์กำลังตก ท้องฟ้าจะเป็นสีน้ำเงิน และโคมไฟบนเรือต่าง ๆ จะเริ่มเปิด โดยค่าเรือปกติจะอยู่ที่คนละ 100,000 VND แต่เราสามารถต่อรองได้ และยิ่งไปหลายคนยิ่งมีโอกาสต่อรองได้สูงขึ้นอีก ดังนั้นแนะนำว่าไม่ต้องรีบเลือกครับ ค่อย ๆ คุย ถูกใจคนพายและราคาลำไหนค่อยใช้บริการ ลำไหนเค้าบอกราคามาสูงไปแล้วไม่ยอมลดให้ เราก็เดินหนีได้เลยครับ
19.00 น. : เดินเล่นชมบรรยากาศในเมืองฮอยอันต่อครับ รวมถึงหาร้านอร่อย ๆ เพื่อทานข้าว โดยในช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเรากับหมู่โคมไฟสวย ๆ ครับ ซึ่งมันจะมีหลายร้านที่เปิดโอกาสให้เราถ่ายรูปด้วยได้ แต่จะมีค่าบริการคนละ 10,000 VND นะ
21.00 น. : เดินทางกลับโรงแรม และนอนพักผ่อนครับ
เมนูห้ามพลาดในฮอยอัน : แหนมเนือง, น้ำสมุนไพรดอกบัว, ไอติมควัน, ขนมหวานที่หน้าตาคล้าย ๆ เต้าทึง
วันที่ 2
7.00 น. : เดินชมเมืองเก่าฮอยอันกันอีกรอบครับ โดยคราวนี้จะเป็นการไล่เก็บภาพสวย ๆ ของเมืองฮอยอัน รวมไปถึงจุดฮิตอย่างสะพานญี่ปุ่น และดาดฟ้าร้าน Faifo Coffee ครับ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เมืองฮอยอันสงบมาก คนเดินถนนน้อย ถ่ายรูปง่าย และตามจุดฮิตต่าง ๆ ก็โล่งสุด ๆ
อย่างเช่นบริเวณดาดฟ้าของร้าน Faifo Coffee ถ้าเราไปถึงร้านก่อน 8.00 น. คนจะน้อยมากครับ และแสงในการถ่ายรูปก็กำลังดี ไม่แรงเกินไปด้วย
พิกัดร้าน Faifo Coffee : https://goo.gl/maps/ezz1z4aSSUq7vmgE7
9.00 น. : ทานขนมปังเวียดนามสุดอร่อยที่ร้าน “Banh Mi Phuong” ครับ ร้านนี้อร่อยมาก และคนรอซื้อเยอะมากเช่นกัน (ราคาชิ้นละ 30,000 VND)
พิกัดร้าน Banh Mi Phuong : https://goo.gl/maps/LXZhXxcRpVQuJLBg7
9.30 น. : เดินเล่นและถ่ายรูปในเมืองฮอยอันต่อ ตอนนี้ร้านค้าต่าง ๆ จะเริ่มเปิดกันหมดแล้วครับ
10.30 น. : กลับโรงแรม เพื่อทำการเก็บของและ Check out
11.30 น. : Check out และเดินทางไปยังบาน่าฮิลล์
13.00 น. : ถึงจุด Check in ด้านล่าง ของโรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills และทำการเช็คอิน
13.15 น. : ขึ้นกระเช้าไปยังด้านบนของบาน่าฮิลล์
13.45 น. : ถึงด้านบนบาน่าฮิลล์ จากนั้นพนักงานจะพาเราไปเช็คอินที่ด้านบนอีกรอบ และจะพาเราไปส่งยังตึกที่เราพักครับ (โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills จะมีทั้งหมด 8 ตึกนะครับ บางตึกก็อยู่ห่างไกลจากเพื่อนพอควรเหมือนกัน)
15.00 น. : เริ่มเดินสำรวจบนบาน่าฮิลล์ครับ โดยในช่วงนี้เรายังไม่ต้องเน้นถ่ายรูปเยอะนะครับ เพราะคนจะยังเยอะอยู่ รวมทั้งแดดในบางวันก็ร้อนมากด้วย ให้เราเน้นไปที่เครื่องเล่นต่าง ๆ ก่อน เพราะตอนนี้คนจะไม่ค่อยเล่นเครื่องเล่นกันแล้วครับ
16.30 น. : เริ่มเก็บภาพตามจุดต่าง ๆ เพราะนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้นอนค้างจะลงไปเกือบหมดแล้วครับ
17.00 น. : นั่งกระเช้าลงไปยังสะพานมือครับ ช่วงนี้คนบนสะพานจะน้อยมาก ๆ บางจังหวะเราสามารถถ่ายรูปบนสะพานมือได้โดยไม่ติดคนอื่นเลย และยิ่งใกล้กับเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่กระเช้าปิดเท่าไหร่ คนก็จะยิ่งน้อยลงไปอีกครับ แต่ยังไงก็อย่าถ่ายรูปเพลินจนเลยเวลานะ เดี๋ยวกระเช้าปิดแล้วกลับโรงแรมไม่ได้ ยุ่งเลย
18.00 น. : นั่งกระเช้ากลับขึ้นไปยังบนบาน่าฮิลล์
18.15 น. : ถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ ต่อ ตอนนี้คนจะยิ่งน้อยกว่าเดิมอีกครับ
19.00 น. : รับประทานอาหารค่ำ
21.00 น. : เล่นน้ำในสระน้ำอุ่น ตรงนี้เป็นอะไรที่แนะนำมากครับ สระเค้าดีจริง ใหญ่ น้ำอุ่น มีกิจกรรมให้ทำเยอะ และคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ด้วยว่ามี โดยสระนี้จะเปิดช่วงเย็น ๆ จนถึง 22.00 น. ทุกวันครับ และคนที่เข้าพักที่โรงแรมเมอร์เคียวจะสามารถมาใช้บริการได้ฟรีเลย (ใช้ Key card ห้องเราในการเข้าออกสระ)
22.00 น. : กลับห้อง และอาบน้ำพักผ่อน
เครื่องเล่นบนบาน่าฮิลล์ที่ไม่ควรพลาด : Roller Coaster ทั้ง 2 จุด, รถบั๊มพ์, Drop Tower, เครื่องเล่น 4 มิติ และเครื่องเล่น 5 มิติ (กิจกรรมทุกอย่างบนบาน่าฮิลล์ ไม่ว่าเราจะพักหรือไม่พักบนนั้น เราสามารถเล่นได้ฟรีหมดครับ ยกเว้นชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง, ตู้เกมส์หยอดเหรียญ และซุ้มเกมส์งานวัดครับ พวกนี้จะมีค่าใช้จ่ายต่างหาก)
วันที่ 3
6.00 น. : ออกไปถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ ครับ โดยวันนี้เราจะต้องยอมตื่นเช้าหน่อย เพราะช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ในการถ่ายรูปบนบาน่าฮิลล์ครับ อากาศมันจะเย็นสบาย คนน้อย และบางวันก็มีหมอกปกคลุมแบบอ่อน ๆ ด้วย บอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่สวยมากกกก ฟีลมันได้ความเป็นยุโรปสุด ๆ แถมบางวันอากาศก็หนาวมากจนเราต้องใส่เสื้อกันหนาวเลยครับ (แต่ถ้าใครไปแล้วเจอฝน อันนี้ผมก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ นะ T_T)
8.00 น. : รับประทานอาหารเช้า (เช็คดีๆ นะครับว่าตึกเราทานที่ไหนครับ มันมีจุดทานอาหารเช้าหลายจุดเลย)
9.30 น. : เริ่มออกเดินทางไปยังปราสาทพระจันทร์ (Lunar Castle) เพื่อชมโชว์ครับ โดยโชว์นี้จะชมได้ฟรีเลยนะ และเค้าจะมีโชว์วันละ 2 รอบ คือ รอบละ 10.15 น. และรอบ 11.15 น. ยกเว้นวันอังคารกับวันที่ฝนตก อันนี้จะงดโชว์นะครับ
10.15 น. : โชว์เริ่มแสดง
10.45 น. : โชว์จบ จากนั้นก็ไปเดินเล่นเครื่องเล่นต่างๆ บนบาน่าฮิลล์ต่อ
16.00 น. : นั่งกระเช้าลงไปยังสะพานมืออีกรอบ โดยคราวนี้เราจะเดินไปยังด้านซ้ายของสะพานมือ เพื่อไปชมสวนสวย ๆ และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ครับ
17.30 น. : กลับมาถ่ายรูปที่สะพานมืออีกรอบ
18.00 น. : นั่งกระเช้ากลับขึ้นไปยังบนบาน่าฮิลล์
18.15 น. : เก็บตก ถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ ที่ยังเหลือ
19.00 น. : รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นก็อาบน้ำพักผ่อน
วันที่ 4
6.00 น. : สำหรับใครที่ยังอยากได้รูปอีก เราก็ตื่นเวลาเดิมครับ แต่ไปตระเวนหามุมใหม่ ๆ ที่เรายังไม่ได้ถ่าย ตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ มันมีมุมสวย ๆ อีกเพียบ ส่วนถ้าใครพอใจกับรูปแล้ววันนี้เราก็ตื่นสายหน่อยได้ครับ
8.00 น. : รับประทานอาหารเช้า
10.00 น. : Check out ออกจากโรงแรม โดยที่นี่จะให้เราเช็คเอาท์ไม่เกิน 10.00 น. นะครับ แต่ถ้าใครอยากอยู่ด้านบนต่อก็สามารถฝากกระเป๋าเค้าได้ครับ ผมกับต๋งเองก็ฝากไว้จนถึงช่วง 12.00 น. แล้วค่อยลงครับ โดยช่วงเวลานี้ใครอยากจะทำอะไรก็ตามใจชอบเลยครับ เดินเล่น, ถ่ายรูป หรือเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ได้เลย แต่ถ้าใครคิดว่าอยากจะรีบลงไปทำอะไรที่เมืองดานัง ก็สามารถลงตั้งแต่ 10.00 น. เลยก็ได้ครับ
12.00 น. : รับกระเป๋าที่ฝากไว้ จากนั้นก็นั่งกระเช้าลงไปยังด้านล่าง
12.45 น. : ถึงด้านล่าง จากนั้นก็นั่งรถไปยัง “วัดหลินอึ๋ง (Linh Ung)” ซึ่งมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ และจุดชมวิวสวย ๆ ครับ
13.30 น. : ถึงวัดหลินอึ๋ง เดินถ่ายรูปและชมวิวต่าง ๆ
14.30 น. : เดินทางต่อไปยังเมืองดานัง โดยในช่วงนี้เราสามารถแวะร้านหรือจุดที่เราชอบเป็นพิเศษได้ครับ อย่างผมก็แวะ 2 ที่ คือ “ร้าน Son Tra Marina” และ “ร้าน Gong Cha” ครับ ซึ่งร้าน Son Tra Marina นั้นจะเป็นคาเฟ่ติดทะเล มีธีมบรรยากาศเหมือนเมืองซานโตรินี่ ประเทศกรีซ และมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะดีครับ
16.30 น. : Check in โรงแรมในเมืองดานัง โดยคืนนี้ผมนอนที่โรงแรม Sun River Hotel นะครับ เป็นโรงแรมที่ผมว่าโอเคเลย ทำเลติดแม่น้ำ ราคาดี และใกล้สถานที่เที่ยวต่าง ๆ แบบที่เราเดินไปเองได้ ไม่ต้องง้อรถ รวมทั้งยังมีอาหารเช้าให้ด้วยครับ (ราคา 1,100 บาท/คืน นอนได้ 2 คน พร้อมอาหารเช้า)
เช็คราคาและจองที่พัก Sun River Hotel Danang ผ่าน Agoda คลิกที่นี่
17.30 น. : เดินทางไปยัง “สะพานมังกร (Dragon Bridge), สะพานหัวใจ และคาร์ฟดราก้อน” โดยทั้ง 3 อย่างนี้จะอยู่ใกล้ ๆ กันเลย และช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกนั้น จะเป็นช่วงเวลาที่สถานที่เหล่านี้สวยมาก ๆ เลยล่ะ
19.00 น. : เดินจากคาร์ฟดราก้อนไปยัง Night Market เพื่อหาของอร่อย ๆ ทานครับ โดยที่นี่เค้าจะมีร้านซีฟู้ดต่าง ๆ ให้เลือกเยอะมาก แต่ก็มีทั้งร้านดีและไม่ดีปน ๆ กันไปนะ บางร้านก็สดและถูก บางร้านก็แอบเอาของไม่ดีมาย้อมขายเราเหมือนกันครับ ใครที่จะกินก็ต้องสังเกตและเลือกดี ๆ หน่อย และสำหรับคนที่ซีเรียสเรื่องน้ำจิ้ม ผมแนะนำให้พกน้ำจิ้มซีฟู้ดไปจากไทยด้วยนะครับ
21.30 น. : เดินทางกลับที่พักและพักผ่อน
วันที่ 5
6.30 น. : เดินไปยัง “โบสถ์สีชมพู” โดยจากโรงแรมที่ผมพักใช้เวลาเดินไปที่โบสถ์แห่งนี้เพียงแค่ 3-4 นาทีเท่านั้นครับ
7.15 น. : เดินกลับไปทานอาหารเช้าที่โรงแรม
8.30 น. : เดินจากโรงแรมไปยัง “ตลาดฮาน (Han Market)” ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ซื้อของฝากชื่อดังของเมืองดานังครับ โดยจากโรงแรมที่ผมพักนั้นเดินไปแค่ 200 เมตรก็ถึงแล้วครับ และที่ตลาดนี้ให้เราต่อราคาหนัก ๆ ต่อเยอะๆ แบบครึ่ง ๆ เลยนะครับ
10.00 น. : กลับโรงแรมเพื่อทำการแพ็คของ และ Check out
10.30 น. : เดินทางไปสนามบินดานัง และกลับไทยโดยสวัสดิภาพ
ของในตลาดฮานที่น่าซื้อ : เยลลี่มะม่วง, ลูกอมมะพร้าว, ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป โดยการซื้อของในตลาดแห่งนี้ เราควรต้องต่อหนัก ๆ เลยครับ ชนิดครึ่งต่อครึ่ง ถ้าเรายังไม่ได้ราคาที่ถูกใจก็ให้เดินไปสำรวจราคาร้านอื่นก่อน ที่สำคัญเราต้องกล้าชิม กล้าปฏิเสธครับ
ก็จบแล้วนะครับ สำหรับใครที่สนใจอยากจะไปเที่ยวรูทนี้แบบผมก็สามารถเอาแพลนนี้ไปเป็นต้นแบบได้เลย ส่วนใครที่ต้องการติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิด ก็สามารถกดติดตามได้ที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า และขอให้ทุกคนมีความสุขกับการไปเที่ยวเวียดนามครับ ^^
เช็คราคาและจองที่พัก Mercure Danang French Village Bana Hills ผ่าน Agoda คลิกที่นี่