สวัสดีทุกๆ ท่านครับ วันนี้ “ภรรยาหา สามีใช้” มีรีวิวร้านอาหารที่น่าสนใจมาฝากกันอีกแล้วครับ โดยร้านนี้ชื่อว่า You & I Suki Buffet และเป็นร้านบุฟเฟต์ชาบูที่ผมคิดว่าราคาค่อนข้างสูงนิดนึงแต่จากที่ผมได้อ่านเสียงตอบรับจากคนที่ไปทานมาต่างก็บอกกันว่าคุณภาพของเนื้อและอาหารถือว่าค่อนข้างดีครับ ดังนั้นเดี๋ยวเรามาตามไปดูกันเลยนะครับว่าร้านนี้จะอร่อยคุ้มค่าสมคำร่ำลือหรือเปล่า!!
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
โดยข้อมูลจาก FB ร้านล่าสุดบอกว่าปัจจุบันนี้ร้าน You & I Suki Buffet มีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ เมกะ บางนา, The Crystal SB ราชพฤกษ์ แล้วก็ The Walk เกษตรนวมินทร์ โดยสาขาที่ผมจะพาทุกท่านไปรีวิวในวันนี้ก็คือ สาขา The Crystal SB ราชพฤกษ์นะครับ
สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของสาขานี้จะอยู่ที่บริเวณชั้น 3 ของ The Crystal SB ราชพฤกษ์ โดยร้านจะอยู่ในซอยข้างๆ กับโรงหนัง เป็นร้านขนาด 2 คูหาที่น่าจะสามารถรองรับคนได้ประมาณ 40-50 คน โดยตอนที่ผมไปที่หน้าร้านนั้นผมได้เหลือบไปเห็นว่ามีป้ายไอศรีม Haagen Daz ติดอยู่ภายในร้ายด้วย ซึ่งก็ทำเอาผมนี่ตาโตเลยครับ ><
วันที่รับประทาน : วันอาทิตย์ที่ 22 ก.พ. 58
ช่วงเวลาโดยประมาณ : 13.00 น.
จำนวน : 2 คน
หมายเหตุ : ภาพหน้าร้านนี้ถ่ายตอนที่ผมทานเสร็จแล้วนะครับ จะเห็นว่าในร้านและคนนอกร้านค่อนข้างจะเยอะแล้ว แต่ตอนที่ผมเริ่มทานนั้นคนจะน้อยกว่านี้ครับ
เมื่อผมไปถึงหน้าร้าน ก็พบว่าคนในร้านยังไม่เยอะมาก แค่ราวๆ 20 คนเท่านั้น และยังมีโต๊ะว่างอยู่ค่อนข้างเยอะ ผมก็เลยทำการศึกษาข้อมูลจากป้ายและสอบถามพนักงานที่ยืนอยู่หน้าร้านเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อน และก็พบว่าที่ร้านจะแบ่งราคาในการทานเป็น 2 ราคาได้แก่ราคา 489 บาท/ท่าน (net) และ ราคา 689 บาท/ท่าน (net)
โดยราคา 489 บาท/ท่าน นั้น จะสามารถเลือกน้ำซุปได้เพียงคนละ 1 ชนิดเท่านั้น จากประเภทซุปที่ทางร้านมีให้เลือกถึง 6 ชนิด หากอยากได้ 2 น้ำซุป ต้องเพิ่มเงินอีก 50 บาท/ท่าน (ร้านนี้จะแยกหม้อเป็นคนๆ เลยนะครับ 1 คน ต่อ 1 หม้อ โดยแต่ละคนสามารถเลือกน้ำซุปของตัวเองได้เลย)
นอกจากนี้ในส่วนของเนื้อจะค่อนข้างเลือกได้จำกัดกว่า คือ ตอนแรกสุดจะสามารถเลือก Set Opening ได้คนละ 1 Set จาก 3 Set นี้ ได้แก่ เนื้อวากิว, ชุดเนื้อรวม และชุดหมูดำคุโรบุตะ
หลังจากที่ทานชุด opening set เปิดโต๊ะหมดแล้ว เนื้อที่สั่งเพิ่มได้จะมีแค่ 4 อย่างเท่านั้นได้แก่ เนื้อใบพาย, เบคอนหมู, สันคอหมู และ สันนอกหมู ครับ
สำหรับมันกุ้ง ซึ่งเป็น 1 ในทีเด็ดของร้านนั้น หากทานในราคา 489บาท/ท่าน ก็จะได้รับแค่ 1 ถ้วยแรก หากอยากได้เพิ่มก็จะต้องจ่ายเพิ่มในราคา 50 บาท/ถ้วย ส่วนเมนูประกอบอื่นๆ นอกจากนี้ เช่น ผัก ลูกชิ้น เกี๊ยว ไอศรีม ของหวาน และอื่นๆ อีกมากมายกว่า 50 รายการ จะสามารถทานได้เหมือนกับราคา 689 บาท/ท่าน ทุกประการครับ
เอาล่ะครับ ต่อมามาดูกันว่า สิทธิพิเศษของราคา 689 บาท/ท่าน นั้นจะมีอะไรที่น่าสนใจกว่าบ้างครับ
เริ่มจากแรกสุดคือเนื้อครับ จะสามารถสั่งได้หมดทุกประเภทที่ร้านมี ซึ่งก็น่าสนใจมากครับ ได้แก่ เนื้อวากิว, เนื้อใบพาย, เนื้อสันคอ, เบคอนเนื้อ, เบคอนหมูดำ, สันคอหมูดำ, กุ้งแม่น้ำ และ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เรียกได้ว่าชื่อแต่ละรายการน่าสนใจมากๆ ครับ
ในส่วนของน้ำซุปนั้น แต่ละท่านจะสามารถเลือกได้ 2 ซุป/หม้อ และสั่งมันกุ้งสดได้ไม่อั้น!!
หลังจากที่ทราบถึงความแตกต่างของทั้ง 2 ราคากันเรียบร้อยแล้ว ผมก็ทำการซุบซิบปรึกษากันว่าจะทานอะไรดี และในที่สุดเราก็เลือกแบบพรีเมี่ยม 689 บาท/ท่านครับ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเราทั้งสองรวยอะไรนักหนานะครับ แต่ว่าบังเอิญผมไปได้ Voucher มูลค่า 500 บาทของร้านนี้มา มันก็เลยทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะครับ ><
โฉมหน้าบัตรที่เป็นพระเอกของวันนี้ครับ
เมื่อเราตัดสินใจเลือกได้แล้วว่าจะทานแบบ 689 บาท/ท่าน ผมกับภรรยาก็ทำการสั่งน้ำซุปครับ โดยเราทั้งคู่สั่งแบบไม่ซ้ำกันเพื่อที่จะได้ลองชิมหลายๆ น้ำซุป หม้อของภรรยาผมคือ ต้มยำมันกุ้งน้ำข้น และซุปหูฉลาม ส่วนของผมก็ซุปเสฉวนกับซุปชาบูครับ
โดย 3 ซุปแรกนั้นถือเป็นซุปที่ขึ้นชื่อและทางร้าน recommend ครับ ถ้าดูตามภาพด้านซ้ายบนคือ ต้มยำมันกุ้งน้ำข้น ซ้ายล่างคือซุปหูฉลาม ขวาบนคือซุปเสฉวนและขวาล่างคือซุปชาบูครับ (อีก 2 ซุปที่ผมได้ได้สั่งคือ ซุปกระดูกหมู และซุปต้มยำน้ำใสนะครับ)
ขนาดของหม้อซุปนั้นไม่ใหญ่ครับ เส้นผ่าศูนย์กลางของหม้อก็ประมาณ 1 คืบของผมพอดีครับ ในส่วนของรสชาติของซุปทั้ง 4 ซุปนั้น ผมให้สอบผ่านทั้งหมดครับ แต่หากจะให้เรียงตามลำดับความชอบก็ตามนี้เลยครับ
1. ต้มยำมันกุ้งน้ำข้น ยิ่งสั่งมันกุ้งสดมาเติมได้ไม่อั้น ยิ่งเด็ดมากๆ ครับ
2. ซุปหูฉลาม
3. ซุปเสฉวน ลักษณะจะเป็นซุปข้นๆ มีเผือก เห็ด เลือดประกอบในน้ำซุปครับ
4. ซุปชาบู
หมายเหตุ : หลังจากที่ผมมานั่งอ่านรีวิวของคนอื่นย้อนหลัง ผมพึ่งจะค้นพบว่าเราสามารถขอชิมน้ำซุปแต่ละชนิดก่อนสั่งได้!! ดังนั้นสำหรับท่านที่พึ่งจะไปลองทานครั้งแรก ลองถามพนักงานดูนะครับ โดยเฉพาะคนที่สามารถสั่งน้ำซุปได้แค่แบบเดียวครับ
ก่อนจะไปดูหน้าตาของเนื้อนั้นผมขอตัดกลับไปเล่าถึงบรรยากาศในร้านโดยรวมก่อนนะครับ ผมจะขอแบ่งร้านออกเป็น 4 แถวเพื่อที่จะอธิบายได้ง่ายๆ นะครับ
แถวขวามือสุดของร้านจะเป็นไลน์ของน้ำแข็ง เครื่องดื่ม ข้าวผัด ของทอด ไอศครีม ขนมหวาน ผลไม้ แล้วก็แพนเค้กนะครับ
ถัดมาแถวที่สองจะเป็นแถวของผู้ที่นั่งเดี่ยวๆ เรียกว่า Counter Bar แล้วกันนะครับ จากที่ผมกะประมาณด้วยสายตาน่าจะนั่งได้ประมาณ 10 คนครับ ตรงหัวแถวฝั่งติดกับประตูทางเข้าจะมี counter ที่วางน้ำจิ้มประเภทต่างๆ อยู่ครับ
ถัดมาแถวที่ 3 จะเป็นโต๊ะครับ โต๊ะนึงน่าจะนั่งได้4- 6 คนครับ มีทั้งหมด 4 โต๊ะ โดยผมกับภรรยานั่งที่แถวนี้ครับ เรียกได้ว่าโต๊ะใหญ่ วางอาหารได้เยอะแยะมากมายเลยครับ (บนโต๊ะมีเตาที่ฝังไว้ทั้งหมด 4 เตานะครับ)
แถวสุดท้าย แถวซ้ายมือสุดของร้าน ก็จะเป็นโต๊ะขนาดเดียวกันครับ มีอีกทั้งหมด 4 โต๊ะครับ ด้านหลังสุดของแถวฝั่งที่ติดกับครัวจะมีชั้นที่วางอาหารประเภทอื่นๆ ที่นอกจากเนื้อหลักๆ ที่ต้องสั่งจากพนักงานครับ ชั้นนี้น่าจะมีอาหารมากกว่า 30 อย่างได้ครับ ทั้งผักประเภทต่างๆ, ไก่, ลูกชิ้นหลากหลายประเภท, เกี้ยว, กุ้งขาว, ปลาหมึก, หมูเด้ง, หอยเชลล์, หอยตลับ, หอยนางรม และอื่นๆ อีกมากมายเลยครับ แต่ในส่วนนี้ผมต้องบอกตามตรงเลยนะครับว่าแทบไม่ได้แตะ ไม่ได้ชิมอะไรเลยนอกจากผักเพราะเมนูอาหารของร้านเยอะมากและผมง่วนอยู่กับการทานเนื้อหลักๆ ที่พรีเมี่ยมอย่างเดียวครับ ฮา
อ้อ สำหรับแถวที่ 2 และ 3 ของร้านนั้นจะมีไลน์สายพานของอาหารในชั้นด้านหลังเวียนมาให้เลือกตลอดเวลานะครับ สำหรับท่านที่ไม่ชอบลุกเดิน หรืออยากจะเร่งกินให้ได้เยอะสุดก็แนะนำให้นั่งในสองแถวนี้ครับ แต่หากใครรู้สึกอิ่มหรืออยากจะเดินไปเลือกเองที่ชั้นเพื่อผ่อนคลาย และขยับร่างกายก็สามารถลุกขึ้นไปหยิบไปเลือกจากชั้นได้ครับ
หลังจากที่ดูภาพรวมของร้านไปหมดแล้ว ตอนนี้มาดูหน้าตาของเนื้อทั้งหมดกันนะครับ ในรอบแรกผมสั่งเนื้อแบบพรีเมี่ยมทั้งหมดทุกชนิดมาอย่างละ 1 ครับ โดยรวมๆ หน้าตาดูดีมากๆ ครับ และรสชาติถือว่าสอบผ่านหมด โดยเฉพาะเนื้อวากิว และเนื้อใบพายครับ อร่อย นุ่มมาก มีเพียงกุ้งแม่น้ำที่ผมผิดหวังเล็กๆ คือ ขนาดของกุ้งไม่ได้ใหญ่มากรวมทั้งเรียกได้ว่าไม่สดเลยครับ แต่ถึงกระนั้นผมก็สั่งมา 3-4 จานได้ ฮา
ขออภัยด้วยนะครับ ที่ผมจำไม่ได้ว่าภาพไหนคือเนื้ออะไร ดูภาพรวมๆ ไปกันเลยนะครับ
หมายเหตุ : สำหรับเนื้อหลักประเภทต่างๆ ของร้านนี้จะทำการสไลด์กันสดๆ ที่บริเวณหลังร้าน โดยที่เราสามารถมองเห็นหรือเดินไปดูได้เลยครับ ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาดี และไว้วางใจในด้านความสะอาดได้ครับ
มาดูกุ้งแม่น้ำกันครับ
ส่วนอันนี้ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ครับ
ตามมาด้วยมันกุ้ง ซึ่งเป็นทีเด็ดของร้านครับ
มาดูบรรยากาศกุ้งแม่น้ำในออนเซนน้ำซุปต้มยำกุ้ง และบรรยากาศอื่นๆ ระหว่างผมทานนะครับ
ด้านน้ำจิ้มนั้น ทางร้านมีให้เลือกเยอะมาหเหมือนกันครับ ได้แก่ น้ำจิ้มซีฟู้ด, น้ำจิ้มกวางตุ้ง, น้ำจิ้ม You & I ใส, น้ำจิ้มหม่าล่าเผ็ดร้อนแรง และน้ำจิ้มงาขาวเซี่ยงไฮ้
นอกจากน้ำจิ้มทั้ง 5 นี้แล้ว ทางร้านยังมีพวกเครื่องเคียงอย่างพริก, กระเทียม, ผัก, น้ำมะนาว ให้เติม ให้ปรุงอีกเพียบครับ โดยผมได้เลือกมา 2 น้ำจิ้มได้แก่ น้ำจิ้มหม่าล่าเผ็ดร้อนแรง และน้ำจิ้มกวางตุ้งครับ ซึ่งทั้ง 2 น้ำจิ้มนี้ผมถือว่าอร่อยสอบผ่านเลยครับ ก็เลยทานยาวๆ ไม่ได้ชิมอย่างอื่นเพิ่มเลย
สำหรับน้ำจิ้มหม่าล่า ที่ทางร้านเขียวว่าเผ็ดร้อนแรงนี่ก็ไม่ได้เผ็ดขนาดนั้นนะครับ ผมยังต้องเติมพริกลงไปเพิ่มครับ ส่วนน้ำจิ้มกวางตุ้งนี่รสชาติคล้ายๆ น้ำจิ้มสุกี้ครับ
มาต่อกันที่เครื่องดื่มนะครับ ทางร้านมีเครื่องดื่มให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่น้ำอัดลมอย่างโค้ก แฟนต้า สไปร์ท จนไปถึงน้ำหวานประเภทต่างๆ อย่างชานม, พั๊นซ์, น้ำผึ้งมะนาว, ชาจีน, เก๊กฮวย, นมเย็น, มะขามแล้วก็น้ำเปล่าครับ โดยทางร้านจะมีไข่มุกใส่โหลวางไว้ใกล้ๆ กันนะครับ และมีหลอดให้เลือก 2 ขนาดคือ หลอดอ้วนและหลอดปกติครับ
แก้วแรกผมทาน น้ำผึ้งมะนาวครับ ใส่ไข่มุกลงไปด้วย ฮา รสชาติแก้วนี้ผมว่ามันหวานไปหน่อยครับ T_T
แก้วที่สอง ผมทานน้ำมะขาม อันนี้อร่อยเลยครับ
แก้วที่สามผมทานชานมไข่มุก แก้วนี้ก็อร่อย สอบผ่านครับ
สำหรับที่เหลือไม่ได้ลองชิมแล้วนะครับ ไม่ไหวจริงๆ อิ่มมากๆ
มาดูกันในส่วนของทอดนะครับ มีอยู่ 3 อย่างแล้วก็มีข้าวผัดกุนเชียง กับบะหมี่หมูหมักครับ ของทอดผมไม่ได้ทานเลยครับ แต่ข้าวผัดกุนเชียง และบะหมี่หมูหมักผมว่ารสชาติโอเคทั้งคู่ครับ
เมื่อทานของคาวกันจนอิ่มหนำสำราญและเหลือบไปดูเวลาว่าใกล้จะหมดแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวที่ต้องเร่งทำเวลาในการกินของหวานแล้วสิ @_@ (ทางร้านมีเวลาให้ทาน 90 นาทีนะครับ)
ในส่วนของของหวานนั้น จะมีตั้งแต่ผลไม้, ของหวานต่างๆ, แพนแค้ก (ทำเอง) และไอศกรีมครับ โดยไอศกรีมนั้นจะมี 2 ตู้ ตู้แรกเป็น Haagen Dazs และตู้ที่ 2 เป็น You & I Homemade ไอศกรีมครับ
ด้วยเวลาที่จำกัด และกระเพาะที่เริ่มจะแน่นมาก ผมจึงเลือกทานแค่ 2 อย่างได้แก่ ไอศกรีม และแพนเค้ก ซึ่งเอาจริงๆ ผมแอบเสียดายที่ไม่ได้ชิมของหวานมากเพราะมันมีหลายประเภทให้เลือกทานมากๆ T_T
มาดูกันที่แพนเค้กก่อนเลย โดยเมนูนี้เราจะต้องทำเองนะครับ ทางร้านมีวีธีทำบอกไว้ข้างๆ เตา ซึ่งก็ไม่ได้ทำยากอะไร ใช้เวลาแป้บเดียวก็เสร็จ มีพวกช็อคโกแลตแล้วก็ทอปปิ้งต่างๆ ให้ราดเพิ่มด้วย สำหรับรสชาติที่ทำออกมาถือว่าอร่อยเลย ซึ่งสาเหตุหลักก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แต่เป็นเพราะว่าจานนี้ภรรยาผมทำเอง ฮา
มาต่อกันที่ไอศกรีมครับ ด้วยพื้นที่กระเพาะที่จำกัด พวกผมเลยเลือกทานไอศกรีมเพียง Haagen Dazs อย่างเดียว ซึ่งในตู้นั้นมันมีเพียงรสเดียวเท่านั้นที่เปิดและก็ใกล้จะหมดถังมากๆ แล้ว โดยผมเดาว่าเป็นรสบลูเบอรี่ครับ
การทานไอศกรีมของที่นี่จะสามารถทานได้ 2 แบบครับ แบบที่ 1 คือใส่โคน หรือแบบที่ 2 คือใส่ถ้วย โดยทีเด็ดก็คือทางร้านจะมีโหลใส่เศษโคนหักๆ เอาไว้ด้วย ซึ่งเมื่อเอามาโรยใส่ในถ้วยแล้วมันอร่อยมากๆ ครับ
หลังจากที่ทานไอศกรีมจนเกือบจะหมดและเตรียมจะไปเช็คเงินกันแล้ว ภรรยาผมก็เหลือบไปเห็นว่า เย้ยยยยย!! Hageen Dazs มีการเปิดถังใหม่ สีชมพูดูน่ากินเชียว ก็เลยไปตักอีกรอบ และเอาโคนที่เธอกินไปแล้วครึ่งนึงมาให้ผมรับผิดชอบต่อ T___T
หน้าตาของอีกรสชาตินึงครับ เดาว่ารสราสเบอรี่ รสชาติออกเปรี้ยวๆ ฟินกันไป
เอาล่ะครับ เมื่อทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินไปคิดเงิน เราก็เดินไปกดน้ำอีกคนละแก้ว เพราะที่ร้านนี้มีทีเด็ดส่งท้ายก็คือ ลูกค้าที่มาทานสามารถกดเครื่องดื่มออกไปจากร้านได้คนละแก้ว ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่ทางร้านเลือกใช้แก้วน้ำเป็นแก้วพลาสติกและมีการพิมพ์ชื่อลงไปที่แก้วอย่างสวยงาม ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีร้านไหนทำกันนะครับ โดยทางร้านก็คงหวังผลประโยชน์ด้านการโฆษณาจากแก้วและการทำแบบนี้ ส่วนคนไปทานก็รู้สึกดี ฟินกันไปครับ
นี่เป็นรูปแก้วน้ำที่เราถือออกมาครับ ภาพนี้ถ่ายจากหน้าร้านแล้วครับ ยืนยันได้ว่าเอาออกมาจากร้านได้จริงๆ ครับ
หลังจากกดน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินมาคิดเงินกันครับ โดยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นก็คือ 1,378 บาท (ราคา 689 บาท/คน Net แล้ว) เมื่อหักกับ Voucher ตอนแรกที่ผมมีมูลค่า 500 บาท ก็จะเหลือแค่ 878 บาท หรือ 439 บาท/คนครับ ถือว่าเป็นมื้อที่คุ้มมากกก (คุ้มเพราะ Voucher นี่แหละ 5555 ทั้งนี้ในบิลที่โชว์จะยังไม่มีการหักมูลค่าของ voucher ออกนะครับ เพราะ voucher ผมไปใช้แสดงที่ counter ตอนชำระเงินในตอนสุดท้ายครับ)
ในที่สุดก็ถึงบทสรุปของรีวิวนี้กันแล้วนะครับ เป็นอีก 1 รีวิวที่ค่อนข้างยาวมากของผมเลย มาดูกันว่าในแต่ละหัวข้อผมให้ความพอใจเป็นอย่างไรบ้างครับ
รสชาติของอาหาร : ถือว่าดี และดีมากครับ สมกับที่ใช้คำว่าเนื้อพรีเมี่ยม ในหลายๆ รายการถือว่าอร่อยมากทั้งเนื้อวากิว, เนื้อใบพาย, มันกุ้ง และน้ำซุปต่างๆ ส่วนเนื้อประเภทอื่นๆ ก็ถือว่าสอบผ่านหมดไม่ได้มีอะไรที่รู้สึกว่าแย่หรือเหนียวเลยครับรวมไปถึงข้าวผัดกุนเชียง, บะหมี่หมูหมักแล้วก็เครื่องดื่มด้วย จะมีข้อติบ้างก็ส่วนของกุ้งแม่น้ำ ผมว่าตัวเล็กและขาดความสดไปมากครับ และน้ำผึ้งมะนาวที่หวานไปหน่อย ในส่วนของเนื้อประกอบอื่นๆ ที่ไม่ใช่เมนูหลักและต้องไปหยิบเองที่ชั้นผมขออนุญาตไม่พูดถึงนะครับเพราะได้ชิมน้อยมากครับ
ความหลากหลายของเมนู : ถือว่าเยอะมากๆ ครับ เรียกได้ว่าไม่สามารถชิมได้หมดจริงๆ แม้จะอย่างละเล็กน้อยก็ตาม น้ำซุปมีถึง 6 ชนิด และน้ำจิ้มมีให้เลือกอีกถึง 5 ชนิด แถมแยกหม้อใครหม้อมันอีกด้วย เรียกได้ว่าใครชอบแนวไหน ใครชอบรสชาติอะไร ใครชอบทานอะไร สามารถ customized เองได้หมดเลยไม่ต้องแคร์ใครครับ
การบริการของพนักงาน : ดีมากครับ อัธยาศรัยดี ไม่มีการเสิร์ฟผิด ถามได้เรื่อยๆ ไม่มีการรำคาญ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะลูกค้าน้อยด้วยครับ
บรรยากาศโดยรวมของร้าน : นั่งได้สบาย ไม่รู้สึกอึดอัดอะไรครับ
ความคุ้มค่าโดยรวม : ในราคา 489 บาท/ท่าน Net และ 689 บาท/Net นั้นถือว่าร้านนี้เป็นอีก 1 ร้านที่มีราคาอยู่ในเกณฑ์ที่สูงร้านนึงครับ โดยตัวผมเองรู้จักร้านนี้มาได้หลายเดือนแล้ว และอยู่ใกล้บ้านด้วยแต่ก็ไม่ได้ไปลองทานซักทีเพราะติดด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงและมีรีวิวให้อ่านน้อยมาก แต่เมื่อวันนี้โอกาสได้ลองชิมดูก็พบว่าในราคาที่สูงนั้นก็แลกมาด้วยคุณภาพเนื้อที่ดีกว่าร้านอื่นๆ จริงๆ ครับ แถมสไลด์กันสดๆ ด้วย รวมทั้งความหลากหลายของเมนูที่เยอะจริงๆ พิเศษด้วยการแยกหม้อใครหม้อมัน, ไอศรีม Haggen Daz (ถึงจะมีแค่ 1-2 รสก็ตาม) และการให้ถือน้ำกลับบ้านได้อีกคนละ 1 แก้ว จากทั้งหมดนี้ผมเลยให้เป็นร้านนี้เป็นร้านที่คุ้มค่าร้านนึงครับ สำหรับคนที่งบประมาณจำกัดอาจจะไว้รอทางร้านจัดโปรที่น่าสนใจและพอรับราคาได้แล้วค่อยสอยครับ ส่วนคนที่ไม่ติดเรื่องงบประมาณลองทานดูซักครั้งเพื่อเปิดประสบการณ์ร้านใหม่ๆ ดูครับ โดยส่วนตัวผมว่าถ้าทางร้านกดราคาลงมาได้อีกนิดนึงน่าจะทำให้คนเข้าร้านเยอะขึ้นแน่ๆ ครับ หรือไม่ก็เพิ่มเวลาในการทานอีก 15-30 นาทีครับ อาจจะทำให้คนสนใจมากขึ้นเนื่องจากเมนูที่ร้านเยอะมาก เผลอแป้บๆ เวลาก็จะหมดแล้ว @_@
จุดที่อยากจะให้ทางร้านปรับปรุงมากที่สุด : คุณภาพของกุ้งแม่น้ำครับอยากให้สดกว่านี้หน่อย ส่วนขนาดของกุ้งตัวประมาณนี้ผมรับได้ครับ และอีกเรื่องคือไอศรีม Haagen Daz อยากจะให้เปิดทีเดียวซัก 3 รสครับ ผมว่าไม่น่าจะทำให้ต้นทุนร้านแพงขึ้นซักเท่าไหร่ แต่มันจะทำให้ร้านดูดี พรีเมี่ยมขึ้นมากกว่าการไปเจอแค่ 1 ถังและใกล้หมดครับ
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ เป็นรีวิวที่ยาวมากๆ ของผมรีวิวนึงเลยครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ