ร้านอาหารที่ “ภรรยาหา สามีใช้” จะรีวิวในครั้งนี้ก็คือ “ยามาโกย่า ราเมง” ครับ ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ผมได้มีโอกาสมาทานอาหารที่ร้านนี้ รวมทั้งยังเป็นสาขาเดิมทั้ง 3 ครั้งด้วยครับ (เอาจริงๆ คือแทบไม่ค่อยเห็นสาขาของร้านนี้เท่าไหร่เลยครับ – -“)
สำหรับ 2 ครั้งที่ผ่านมาทั้งรสชาติอาหาร และการบริการของพนักงานก็สร้างความประทับใจให้ผมเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อผมมีโอกาสได้ผ่านมาทำธุระที่ตึกอื้อจือเหลียง ถ.พระราม 4 ในช่วงเวลากลางวันแบบนี้ผมจึงไม่พลาดที่จะเลือกร้านนี้เป็นสถานที่ฝากท้องครับ
วันที่รับประทาน : วันศุกร์ที่ 12 ธ.ค. 57
ช่วงเวลา : 12.00-13.00 น.
สาขา : ตึกอื้อจือเหลียง
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
เมนูแรกที่ผมสั่งคือ เมนู Recommend ของร้าน เมนูชื่อเดียวกับร้านเลย “ยามาโกย่า ราเมง” ครับ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะราคา 200 บาท/ชาม นะครับ ขออภัยจริงๆ กระทั่งราคายังจำไม่ได้ แถมดันเผลอไปทิ้งใบเสร็จอีก @_@
จากการหาข้อมูลคร่าวๆ ของผม “ยามาโกย่า ราเมง” นี่ถือเป็นร้านราเมงเก่าแก่ของญี่ปุ่น และมีสาขามากมายทั่วโลก โดยสาขาในประเทศไทยก็มีชาวญี่ปุ่นไปทานกันมากมายด้วยความที่มีรสชาติคล้ายคลึง ใกล้เคียงกับราเมงที่ประเทศญี่ปุ่นครับ
สำหรับเมนู “ยามาโกย่า ราเมง” นี้ เป็นราเมงน้ำข้นแบบคิวชู คือ จะเป็นน้ำซุปหมูที่เคี่ยวด้วยไฟแรงจนเป็นสีขาวขุ่น มีทอปปิ้งเป็นหมูชาชู 2 ชิ้น, ไข่ต้มยางมะตูม 1 ฟอง และสาหร่ายอีก 1 แผ่นครับ ลักษณะของเส้นจะค่อนข้างเล็กครับ
หมายเหตุ : รีวิวนี้ผมใช้มือถือถ่ายทั้งหมดนะครับ ดังนั้นคุณภาพภาพอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ
Yamagoya (2)
Yamagoya (3)
ไข่ต้มยางมะตูม คือของขึ้นชื่อของร้านนี้ครับ หลายๆ คนที่สั่งเมนูอื่นที่ไม่มีไข่มาด้วย มักจะสั่งเพิ่มโดยราคาอยู่ที่ฟองละ 20 บาทครับ
Yamagoya (4)
รสชาติของราเมงชามนี้ต้องบอกว่าผมชอบมากครับ อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกแต่เรียกได้ว่าอร่อยถูกปากทุกองค์ประกอบตั้งแต่ เส้น ไข่ หมูชาชูที่แสนจะนุ่มละลายในปากมากๆ และปิดท้ายด้วยน้ำซุปที่ผมแทบซดหมดชาม เหลือน้ำแค่ก้นถ้วยเท่านั้น (เหลือสาหร่ายไว้ 1 อย่างที่ผมไม่ขอวิจารณ์นะครับ เพราะชิมแล้วไม่ค่อยรู้รสชาติว่าต่างจากที่อื่นยังไงครับ – -“)
เมนูถัดมาครับ เมนูนี้ผมลืมชื่อ ลักษณะเป็นหมูทอดครับ คล้ายๆ กับไก่คาราเกะ จะเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสีดำๆ ครับ ราคาเมนูนี้ 180 บาทครับ เท่าที่ผมชิมแล้ว ผมรู้สึกเฉยๆ ไม่ประทับใจเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับเมนูไก่คาราเกะที่ผมเคยชิมที่ร้านนี้แล้ว ผมยกให้ความอร่อยของไก่คาราเกะชนะขาดครับ เอาเป็นว่าถ้าใครไปทานครั้งแรกและสามารถทานไก่ได้ ผมแนะนำให้สั่งไก่คาราเกะดีกว่าครับ
Yamagoya (1)
เมนูถัดมาครับ เป็นเกี๊ยวครับ สั่งมาเพิ่มต่างหาก ราคา 30 บาท/จาน ได้ราวๆ 10 ชิ้นครับ โดยรวมๆ รับได้กับรสชาติในราคาขนาดนี้ครับ (ชิ้นละ 3-4 บาท) เนื้อหมูไม่ได้เยอะ ไม่ได้มาแบบเต็มคำ ล้นทะลัก แต่สั่งมาใส่เพิ่มในราเมงก็ทำให้เพิ่มความหลากหลายของเมนูดีครับ ได้ทานอะไรเยอะดี ฮา
Yamagoya (6)
สำหรับบทสรุปของร้าน “ยามาโกย่า ราเมง” จากผมมีดังนี้ครับ
รสชาติ : สำหรับรสชาติของราเมง ผมให้ดีมาก ถือเป็นร้านราเมงที่อร่อยติดอันดับต้นๆ ที่เคยทานมาครับ
ราคา : ต้องถือว่าราคาแต่ละเมนู ค่อนข้างแพงนิดนึง เฉลี่ยๆ 180-220 บาท/ชาม ถ้าเทียบกับฮะจิบังแล้ว แพงกว่าเกือบ 2 เท่าเลยครับ แต่ถ้าเทียบกับรสชาติที่ได้แล้ว ถึอว่าคุ้มมากครับ ผมเคยทานร้านราเมงอีก 2-3 ร้าน ที่ราคาชามละ 200 บาท รสชาติที่ได้สู้ยามาโกย่าไม่ได้เลยครับ (ร้านยามาโกย่านี้มี Service Charge 10% และ Vat 7% ด้วยนะครับ T_T)
ความหลากหลายของเมนู : ถือว่ามีเยอะมากครับ มีราเมงหลายประเภท และยังมีบะหมี่เย็น มีข้าวผัด และข้าวแกงกระหรี่ประเภทต่างๆ ด้วยครับ ดังนั้นถ้าไปกับเพื่อนหลายคนก็น่าจะสนุกสนานกับการเลือกเมนูแน่นอนครับ
ความสะอาดของร้าน : สะอาดดี ไม่มีอะไรที่เห็นแล้วน่าติ หรือหงุดหงิดใจครับ
การบริการของพนักงาน : บริการดี เร็ว ประทับใจ ขยันเติมน้ำตลอดและไวมาก เหมือนคอยสังเกตตลอด มีไม่ชอบอย่างเดียว พอทานเหมือนจะอิ่มแล้วอยากจะนั่งคุย นั่งเล่นต่อ พนักงานจะมาเคลียร์ของออกจากโต๊ะ และจะเอาบิลมาวางไว้ เหมือนแอบโดนกดดันนิดๆ @_@
สรุป : โดยส่วนตัว สำหรับผมถ้ามีโอกาสเจอสาขาของร้านนี้ และไม่ใช่วันที่เกิดอาการเบื่อไม่อยากกินเส้น ไม่อยากกินอะไรร้อนๆ ผมมั่นใจว่าผมต้องเลี้ยวเข้าไปกินราเมงที่ร้านนี้แน่ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ

Yamagoya (7)

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ