ผมก็ไม่รู้นะครับว่าคนเราจะสามารถให้อภัยกับสินค้าหรือบริการที่สร้างเหตุการณ์ในด้านลบให้กับชีวิตเราได้ซักกี่ครั้ง หรือบางคนอาจจะไม่ยอมให้อภัย ไม่ยอมกลับไปใช้บริการอีกเลยก็ได้ โดยเฉพาะกับกรณีที่จองที่พักไปแล้วแต่พอถึงวันเข้าพักกลับเจอเหตุการณ์หลุด Booking จนไม่มีที่นอนแบบผม!!…….. แต่สำหรับผมรอบนี้ ผมกลับคิดว่าถ้าผมมีโอกาสได้กลับที่ระนองอีก ผมจะกลับไปใช้บริการเค้าอีกซักครั้งครับ
.
.
.
อ๊ะ! มันเป็นเพราะอะไรกันนะ เจอเหตุการณ์แบบนั้นจนชีวิตวุ่นวายปั่นป่วน แทบจะหาที่นอนไม่ได้ ทำไมถึงยังอยากจะกลับไปอีก เอาเป็นว่า…..ถ้าอยากจะรู้ลองตามไปดูกันเลยครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
ก่อนอื่น ผมต้องขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนว่า ปัจจุบันโรงแรมและที่พักในตัวจังหวัดระนองนั้นไม่ได้มีมากมายอะไร และส่วนมากจะเป็นที่พักขนาดเล็ก ที่มีรูปแบบสวยงามแบบ Boutique Hotel แต่มักจะมีแค่ไม่กี่ห้องเท่านั้น และมันก็เลยทำให้มีปัญหาเสมอๆ เวลาที่ระนองได้เป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมอะไรใหญ่ๆ ระดับประเทศแล้วมีคนมาร่วมจากหลายจังหวัด เช่น การแข่งขันวิชาการ หรืออย่างการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 33 “ชุมพร-ระนองเกมส์” ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งนี้แหละครับที่ทำให้ผมวุ่นหาที่พักอยู่นานมาก เรียกว่ากว่าจะได้ห้องพักในคืนวันศุกร์ที่ 17 มี.ค. และคืนวันเสาร์ที่ 18 มี.ค. ก็ใช้เวลาในการหาและติดต่อโรงแรมหลายวันมาก ทั้งๆ ที่ทำการจองล่วงหน้าตั้งเดือนกว่าๆ T___T
สำหรับที่พักที่ผมจองได้ก็คือห้องพักประเภท Superior ของโรงแรม The B Ranong Trend Hotel ซึ่งราคาห้องโดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,300 บาท/คืน แต่ก็ได้ยินว่าเค้ามีราคาพิเศษสำหรับข้าราชการหรืออื่นๆ บ้างเป็นระยะ โดยสาเหตุที่ผมเลือกและพยายามจองที่พักที่นี่ให้ได้ก็เพราะมีหลายคนแนะนำว่าโรงแรมแห่งนี้เก๋ สวย ห้องสะอาด ดูดี ที่สำคัญอยู่ติดกับถนนคนเดินด้วย ทำให้คืนวันเสาร์เราสามารถเดินเล่นชอปปิ้งที่หน้าโรงแรมเราได้เลยโดยที่ไม่ต้องลำบากหารถไป
อันดับแรก เรามาดูหน้าตาโรงแรมกันดีกว่าครับ หน้าตาโรงแรมดูเก๋ สวย ชิค สมคำร่ำลือจริงๆ มีการใช้สีสดๆ ผสมกับปูนเปลือย ทำให้ดูสดใส วัยรุ่นมาก โดยตึกนี้จะไม่ได้อยู่ติดถนนนะครับ ต้องเดินเข้าซอยประมาณ 30 เมตร แต่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากถนนอีกทั้งบรรดารถสองแถวไม้ในระนองก็รู้จักที่นี่เป็นอย่างดีเลยครับ
ตัวโรงแรมมีที่จอดรถนะครับ เป็นลานกว้างๆ หน้าโรงแรม น่าจะจอดได้ราวๆ 20 คันได้ ดังนั้นคนที่ขับรถมาไม่ต้องกังวลไปครับ
ปล. ข้างๆ ที่จอดรถ มีตึกที่ทำจากตู้คอนเทนเนอร์อยู่ใกล้ๆ ด้วย ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ผมว่าถ้าเปิดเป็นร้านกาแฟน่าจะเท่ดี
ลักษณะของโรงแรมจะเป็นตึก 3 ชั้น ผมลองกะด้วยสายตาแล้วน่าจะมีห้องทั้งหมดประมาณ 30-40 ห้อง ส่วนในโซน Lobby นั้นทางโรงแรมก็ตกแต่งออกมาได้สวยงามอยู่ในธีม ไม่ว่าจะเป็นปูนเปลือยกับภาพวาดสวยๆ, การใช้สีสดๆ อย่างสีเหลือง, การตกแต่งด้วยกระถางไม้เก๋ๆ บนผนัง แล้วก็ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยักษ์บนโซฟาสีสดๆ
และที่ Lobby แห่งนี้ ไม่ได้สร้างความประทับให้ผมเฉพาะในด้านของความสวยงามเท่านั้น แต่มันยังสร้างความ Surprise ให้ผมด้วย เพราะหลังจากที่ผมแจ้งชื่อ Check in กับที่พนักงานไป ก็ได้รับคำตอบมาว่า “ไม่มีชื่อผมจองเข้ามา!!” และแน่นอนว่าหลังจากการเจรจาและแสดงหลักฐานการโอนเงิน พร้อมทั้งดูรายละเอียดต่างๆ ใน E-mail เรียบร้อย ทาง The B Ranong ก็แจ้งว่า เค้าผิดพลาดเองที่ทำให้รายชื่อผมหลุด booking ในวันนี้ไป ซึ่ง ณ ตอนนี้ห้อง Superior ที่ผมจองไปนั้นได้เต็มหมดแล้ว แต่เค้าจะทำการ upgrade ห้องจาก Superior เป็น Deluxe ให้ฟรี เพียงแต่จากที่ผมต้องการเป็นห้องเตียงเดี่ยวนั้นจะไม่ได้ มันจะได้เป็นห้องเตียงคู่แทน T___T
ในจังหวะนั้นผมก็คิดว่า….เอาน่าดีกว่าไม่มีที่นอน แถมยังได้ห้องดีขึ้นด้วย ซึ่งพอมาถึงตรงนี้หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดาใช่มั้ยล่ะครับ เรื่องแค่นี้หลายๆ คนก็เคยเจอ โรงแรม upgrade ห้องให้ฟรีแล้วก็น่าจะจบ แต่มันยังไม่จบครับ เพราะผมได้ถามต่อไปว่า “ผมจะได้พักห้อง Deluxe นี้ 2 คืนเลยใช่มั้ยหรือต้องย้ายห้องในวันพรุ่งนี้?” และจากคำถามนี้ก็เลยทำให้รู้ว่าเค้าไม่รู้มาก่อนว่าผมพัก 2 คืน และพรุ่งนี้ห้องพักที่ The B Ranong เต็มทุกห้อง!!
เอาล่ะสิ….จังหวะนี้ผมก็เครียดแล้ว และพนักงานของ The B Ranong เองก็เริ่มมีอาการเครียดเช่นเดียวกัน แต่ในที่สุดทางพนักงานก็แจ้งว่าให้ผมเข้าไปพักผ่อนที่ห้องก่อน เดี๋ยวทางเค้าจะขอปรึกษากันภายในก่อนซัก 1 ชั่วโมงแล้วจะทำการแจ้งให้ทราบ พร้อมทั้งบอกว่าผมไม่ต้องกังวลไป ผมจะมีที่พักในคืนวันเสาร์แน่ๆ
ครับ…ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ผมจึงทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากจะเข้าไปเก็บของที่ห้อง และก็แจ้งพี่สาวผมที่ระนองว่าผมมีปัญหาที่พักนิดหน่อย อยากจะให้เค้าช่วยหาที่พักสำรองไว้ให้หน่อย โดยระหว่างนี้ผมจะรอดูทางออกของทาง The B Ranong ว่าจะสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
และในเมื่อมันต้องรอ…..เราก็ต้องรอ ระหว่างรอเราก็ไปดูหน้าตาห้อง Deluxe เตียงคู่ ที่ผมได้รับการ upgrade มาดีกว่าครับ ตัวห้องนั้นกว้างและออกแบบในด้านต่างๆ มาได้สวยงามดี และยังคงเน้นปูนเปลือยกับโทนสีเหลืองเป็นหลักเหมือนกับ Mood and tone ภายนอกครับ โดยแว้บแรกที่ผมเปิดห้องไปเจอภาพนี้นี่ผมถึงกับอุทานในใจว่า เฮ้ยยย…..สวย เก๋ ดี แต่สีสันจะโหดไปไหน…….ใครที่ชอบห้องนอนโทนสบายๆ สไตล์ฟรุ้งฟริ้งหรือขรึมๆ หน่อย แนะนำเลยว่าข้ามโรงแรมนี้ไปเลยครับ มันไม่ใช่แนวคุณแน่ๆ
ขนาดของแต่ละเตียงถือว่านอนได้อย่างสบาย รวมทั้งความนุ่มของเตียงก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น TV, ตู้เย็น, ตู้เซฟ, Music Player รวมไปถึงชาและกาแฟ
ส่วนในโซนตู้เสื้อผ้าและอ่างล้างหน้านั้นก็ทำออกมาได้เก๋สมกับสไตล์โรงแรมเช่นกัน ด้วยการทำตู้เสื้อผ้าเป็นแบบเปลือยไม่มีประตูปิด และเอาอ่างล้างหน้ามาไว้นอกห้องน้ำ รวมทั้งทำกระจกที่หมุนได้ 360 องศาเพื่อให้เราสามารถใช้กระจกบานนี้ได้ทั้งตอนล้างหน้าแปรงฟัน หรือตอนแต่งหน้าข้างๆ TV ครับ
ปล. ตัวกระจกที่หมุนๆ ได้นี่เวลาหมุนแล้วดูโยกเยกนิดนึงนะครับ ยังไงหมุนระวังๆ หน่อยเพราะถ้ามมันหลุดมาแล้วเดี๋ยวจะยุ่ง T_T
ในตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่งของเค้ามีอุปกรณ์มาให้ครบๆ เลยนะครับทั้งเสื้อคลุมอาบน้ำ, รองเท้าแตะเดินในห้อง – เดินนอกห้อง แล้วก็ร่ม เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับที่พักในระดับราคาแบบนี้ครับ ส่วนห้องน้ำก็มีการแยกโซนเปียกโซนแห้งชัดเจนด้วยผ้าม่าน และชักโครกก็มีสายฉีดชำระให้เรียบร้อยครับ
จบจากบรรยากาศในห้องแล้ว ไปเดินดูจุดอื่นๆ ในโรงแรมกันดีกว่าครับ โดยส่วนใหญ่แล้วการตกแต่งภายในโรงแรมแห่งนี้จะเน้นการใช้โทนสีสดใสอย่างเหลือง แดง ฟ้า เป็นตัวหลัก ทั้งตามผนังหรือพวกสิ่งของประดับต่างๆ ครับ
สำหรับจุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจของ The B Ranong Trend Hotel ก็คือบริเวณชั้น 3 ของโรงแรมที่จะมีทั้งโต๊ะพูล, โซฟานั่งเล่น, บาร์เครื่องดื่ม แล้วก็สระว่ายน้ำครับ ผมว่ากลุ่มวัยรุ่นหรือพ่อบ้านยังหนุ่มหลายๆ คนน่าจะชอบ เพราะไม่ต้องออกไปไหนไกล อยู่ที่โรงแรมนี้มีให้ครบเสร็จสรรพเลย
ปล. สระว่ายน้ำที่นี่ไม่ใหญ่นะครับ น่าจะยาวซัก 10 เมตรได้ เอาตรงๆ ผมว่าควรจะเรียกมันว่าที่แช่น้ำมากกว่าสระว่ายน้ำครับ แต่วิวตรงมุมนี้สวยดีครับ
หลังจากสำรวจโรงแรมเสร็จก็เป็นเวลา 18.30 น. แล้ว ผมจึงตัดสินใจชวนภรรยาออกไปหาอะไรทาน และขณะที่เดินผ่าน Lobby ก็ได้รับข่าวร้ายว่า ทาง The B Ranong ไม่สามารถหาห้องพักให้ผมกับภรรยาในคืนวันเสาร์ได้ T___T แต่ทางโรงแรมได้จัดหาที่พักที่อื่นให้ โดยจะมีรถพาไปส่งยังที่พักแห่งใหม่รวมทั้งผมยังไม่ต้องชำระค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมในการเปลี่ยนที่พักในครั้งนี้ด้วย (ราคาที่พักใหม่ที่ทางโรงแรมหาให้ได้ มีราคาสูงกว่าราคาที่พักที่ The B Ranong Trend hotel)
ผมกับภรรยาใช้เวลาปรึกษากันพักใหญ่ๆ ในที่สุดผมจึงตัดสินใจขอเงินในส่วนของวันเสาร์ที่ 18 มี.ค. ที่ผมได้ทำการโอนมาก่อนหน้านี้คืน และตัดสินใจว่าจะไปประสานงานหาที่พักใหม่เอง เพราะผมลองดูแผนที่และปรึกษาพี่สางที่อยู่ระนองของผมแล้วพบว่าโรงแรมนั้นมันอยู่ไกลจากตัวเมืองและไม่สะดวกในการเดินทางสำหรับคนที่ไม่มีรถแบบผม ซึ่งต้องบอกว่านั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผมอย่างนึงในคืนนั้นเลยที่ไม่รับข้อเสนอนั้น เพราะในคืนนั้นผมต้องใช้เวลาร่วม 2-3 ชั่วโมงจึงจะสามารถหาที่พักอื่นนอกจากที่ทาง The B Ranong เสนอมาให้ได้ ด้วยสาเหตุสำคัญก็คือแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาตินี่แหละครับที่ทำให้ที่พักส่วนใหญ่ในระนองวันนั้นเต็มเกือบหมด!! แต่อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยส่วนตัวผมคิดว่าทาง The B Ranong Trend Hotel เอง ก็ได้ช่วยดูแลและรับผิดชอบผมได้ดีมากๆ แล้วแต่ผมตัดสินใจไม่รับเงื่อนไขนั้นเอง และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมยังประทับใจในที่พักแห่งนี้อยู่ครับ…….แต่จะดีกว่านี้นะถ้าเค้าไม่หลุด Booking ผมตั้งแต่แรก T____T
และในที่สุดค่ำคืนอันแสนวุ่นวายของผมก็ผ่านพ้นไป คืนนั้นผมกับภรรยาก็นอนหลับอย่างสบายในห้องพักที่ได้รับการ Upgrade มา และพอเช้าวันรุ่งขึ้นเราสองคนก็เก็บของ เก็บกระเป๋า เตรียม Check Out ย้ายไปยังโรงแรมแห่งใหม่ที่ได้ประสานงานไว้ แต่ก่อนที่เราจะเริ่มเดินทางเราก็ได้แวะไปทานอาหารเช้าของโรงแรมกันก่อนครับ
อาหารเช้าของ The B Ranong นั้น จะตั้งอยู่ที่อีกตึกนึงนะครับ โดยจะเป็นตึกที่อยู่ติดกับถนนเลยและมีหน้าตาคล้ายๆ กับ The B Ranong นี่แหละ ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกัน โดยในเวลากลางคืนตึกนี้จะเปิดบริการเป็น Pub & Restaurant ส่วนในตอนเช้าก็จะกลายเป็นจุดบริการอาหารเช้าให้กับแขกที่พักในโรงแรม The B Ranong
ไลน์อาหารเช้าของ The B Ranong ไม่ได้ยาวมากนัก หลักๆ ก็จะมีข้าวมันไก่, ข้าวต้ม, ขนมปัง, ไส้กรอก, แฮม, สลัด, ผลไม้ แล้วก็ชากาแฟ รสชาติอาหารโดยรวมๆ อยู่ในระดับปานกลางครับ ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ ก็จะมีน้ำเปล่า, น้ำส้มแล้วก็นม
เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็มาถึงบทสรุปของรีวิว The B Ranong Trend Hotel กันแล้ว ผมขออนุญาตสรุปเป็นเรื่องๆ ตามเดิมนะครับ
การออกแบบ : เป็นโรงแรมที่พักที่ออกแบบได้สวย ดูดี ฮิป ถูกใจผมมากครับ ผมเชื่อว่าเด็กวัยรุ่น หรือกลุ่มคนวัยทำงานช่วงต้นๆ น่าจะชอบลักษณะสีสันและการออกแบบของที่นี่ครับ แต่คนที่เป็นผู้ใหญ่ หรือชอบอะไรขรึมๆ ดูแล้วสบายตาน่าจะไม่ชอบเพราะสีสันมันจี๊ดจ๊าดมากครับความสะอาด : สอบผ่านสบาย สะอาดสะอ้านดี ไม่มีอะไรกวนสายตาและกวนใจสิ่งอำนวยความสะดวก : ถือว่าครบครันตามมาตรฐานครับ อุปกรณ์พื้นฐานในห้องมีมาให้มากกว่าโรงแรมที่แพงกว่านี้บางที่ซะอีก ส่วนสัญญาณ Wifi นั้นดีเลย เล่นได้เรื่อยๆ ไม่มีปัญหาอะไรให้หงุดหงิดการเดินทาง : โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนนเรืองราษฎร์ ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นถนนสายหลักสายหนึ่งของระนองเลย ดังนั้นจึงเป็นทำเลที่สะดวกในการเดินทางทั้งกรณีที่เราขับรถมาเองหรือกรณีที่เราไม่มีรถแล้วต้องใช้บริการสองแถวไม้ แต่มีจุดนึงที่ต้องระวังก็คือในช่วงกลางคืนวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 17.00 น. จนถึง 21.00 น. ถนนเรืองราษฎร์เส้นนี้จะเปลี่ยนเป็นถนนคนเดินที่มีการขายของกิน ของใช้ เสื้อผ้าต่างๆ มากมาย ซึ่งมันจะดีสำหรับคนที่พักอยู่บริเวณนี้และใช้การเดินด้วยเท้าเป็นหลัก เพราะเราสามารถเดินไปชอปปิ้งได้อย่างสบายๆ แต่สำหรับคนที่ขับรถส่วนตัวไปมาจะมีปัญหามากเพราะถนนจะถูกปิดไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลานั้นครับการนอนหลับพักผ่อน : นอนหลับสบาย ทั้งเตียง หมอน ผ้าห่ม ความนุ่ม ความเย็นของแอร์ ลงตัวดี ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับการบริการของพนักงาน : ถึงจะมีเรื่องราวที่ไม่ควรเกิดเกิดขึ้นกับผม แต่ทางพนักงานที่รับเรื่องที่หน้างานก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ดี และมี Service Mind ในการพยายามช่วยเหลือผมที่ดีในระดับนึงเลย พูดคุยด้วยถ้อยคำสุภาพและพยายามอัพเดทข้อมูลต่างๆ เป็นระยะๆ ดังนั้นในเรื่องนี้ผมให้สอบผ่านครับ……แต่เรื่องนี้แล้วแต่คนนะครับ สำหรับบางคนพอจอเหตุการณ์หลุด Booking แบบนี้ แม้จะได้รับการดูแลดีแค่ไหนก็อาจจะแบนไม่มาใช้บริการอีกเลยก็ได้ แต่สำหรับผม ผมรับได้และจะลองให้โอกาสเค้าอีกที แต่ถ้าเจออะไรไม่โอเคครั้งหน้าอีกก็คงโบกมือลาบ๊ายบายกันไปครับสรุป : The B Ranong Trend Hotel คือหนึ่งในโรงแรมที่พักในตัวเมืองระนองที่ผมประทับใจนะครับ และถึงแม้มันจะเกิดเรื่องที่ทำให้ชีวิตผมวุ่นวายมากก็ตาม แต่ผมว่าเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ อีกทั้งทางพนักงานเองก็ดูแลแก้ไขปัญหาให้ผมได้ดีในระดับหนึ่งด้วย ดังนั้นเมื่อเทียบในเรื่องของการออกแบบ, ทำเลที่ตั้ง และราคาแล้ว ผมจึงถือว่าที่นี่เป็นตัวเลือกต้นๆ ของคนที่คิดจะไปเที่ยวระนองเลย โดยเฉพาะคนที่ไม่มีรถและอยากจะเดินเล่นถนนคนเดินครับ แต่สิ่งสำคัญที่ควรจะต้องระวังไว้ก็คือควรจะต้องมีการ Confirm กับทางโรงแรมเกี่ยวกับหมายเลขการจองของตัวเองให้ชัดเจน มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร แค่นี้ก็น่าจะทำให้ไม่มีปัญหาแบบผมแล้วครับอ้อ….อีกนิดนึงนะครับ ผมคิดว่าโรงแรมนี้น่าจะเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานต้นๆ ที่ชอบอะไรดูดิบๆ แนว Loft แล้วก็รับได้กับผนังห้องนอนสีสดๆ นะครับ ซึ่งข้อนี้สำคัญมากๆ เลย เพราะหากใครที่ไม่ชอบแนวนี้อาจจะถึงขั้นปวดตาและนอนไม่หลับแน่ๆ ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจก็สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของโรงแรมแห่งนี้เพิ่มเติมหรือต้องการจะจองที่พักราคาพิเศษ ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลโรงแรมและราคาที่พักตามลิงก์ด้านล่างได้เลย โดยผมจะบอกเคล็ดลับไว้นิดนึงว่า สำหรับใครที่ต้องการจะจองที่พักผ่าน Traveloka นั้น ควรที่จะต้องหมั่นคอยเช็คราคาที่พักอยู่เรื่อยๆ และพอเจอราคาที่ถูกใจเมื่อไหร่ก็ให้รีบกดจองเลย หรือไม่ก็ลองเข้าไปจองผ่านแอพพลิเคชั่น Traveloka ก็ได้ครับ เพราะไม่แน่อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่าหน้าเว็บเนื่องจากบางทีเค้าก็มีโค้ดส่วนลดพิเศษเฉพาะการจองผ่านแอพมาเพิ่มให้
เช็คราคาและจองโรงแรม The B Ranong Trend ผ่าน Traveloka หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไป
