สวัสดีครับ วันนี้ผมมีรีวิวร้านชาบูที่น่าจะยังพอเรียกได้ว่าเป็นร้านเปิดใหม่มาฝากทุกคนครับ โดยร้านนี้มีชื่อว่า “Shabu Me” ส่วนพิกัดของร้านนั้นจะอยู่แถวเมืองทองธานี ใกล้ๆ กับร้านกิวโนบิเลยครับ
ก่อนอื่นผมขออนุญาตชี้แจงให้เข้าใจตรงกันตั้งแต่ต้นเรื่องเลยนะครับว่า เจ้าของร้านนี้เป็นเพื่อนผมสมัย ม.ปลาย แต่เราก็ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ติดต่อกันมา 10 กว่าปีแล้ว และการรีวิวครั้งนี้ผมรีวิวตามความเป็นจริง จ่ายเงินจริงๆ ในฐานะลูกค้าคนหนึ่งเลยครับ……… เพราะถึงแม้เพื่อนจะคะนั้นคะยอให้เรากินฟรี แต่มันก็ทำใจกินไม่ลงหรอกครับ เพื่อนเริ่มทำธุรกิจทั้งที เราก็ควรสนับสนุนเค้าฮะ ><
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับที่มาที่ไปของการได้ไปรีวิวครั้งนี้อาจจะยาวอยู่ซักหน่อย แต่ผมขออนุญาตชี้แจงให้ครบถ้วนนะครับ จะได้ไม่สงสัย ไม่คลางแคลงกัน เรื่องเริ่มต้นจากที่ผมได้ติดต่องานกับบริษัทหนึ่งทางโทรศัพท์ และก็คุยกันไปมา 4-5 ครั้งกับคนที่ดูแลงานนี้โดยที่ไม่ได้เอะใจอะไรเลย เนื่องจากชื่อของพนักงานคนนี้นั้นถือเป็นอีก 1 ชื่อที่มีคนใช้เยอะอยู่พอควร ประกอบกับผมและเพื่อนคนนี้ต่างก็เรียนกันคนละห้อง จบมาก็ไม่ได้มี contact อะไรที่จะสามารถติดต่อกันได้ จนกระทั่งวันหนึ่งผมก็ได้นัดเจอกับเค้าเพื่อคุยรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมกับทำการเซ็นเอกสารต่างๆ และในวันนั้นเราทั้งคู่จึงเห็นหน้ากัน และต่างคนก็ต่างตกใจว่า “เฮ้ย……นี่มันเพื่อนเรานี่หว่า 555555”
หลังจากนั่งเม้าท์มอยกันไปยาวนาน จนแทบลืมประเด็นสำคัญในการนัดครั้งนั้น ผมก็ได้รู้ว่าเพื่อนคนนี้พึ่งเปิดร้านชาบูกับน้องสาว และก็คิดในใจว่าเดี๋ยวจะหาโอกาสไปอุดหนุนซักครั้งครับ และหลังจากที่เวลาผ่านไปราวๆ 2 เดือน ผมก็ได้โอกาสไปอุดหนุนร้านเพื่อนผมคนนี้ซักที โดยวันที่ผมไปนั้นก็ไม่ได้มีการบอกกล่าวอะไรล่วงหน้าเลย เพราะตั้งใจจะไปอุดหนุนรวมทั้งถือโอกาสทำรีวิวตามความเป็นจริงให้ทุกคนได้อ่าน และให้เหมือนๆ กับที่ลูกค้าคนอื่นๆ น่าจะเจอครับ …………….และด้วยการที่ผมไปโดยไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้านี่แหละ ทำให้ตอนที่ผมไปถึงร้านนั้นปรากฏว่าเพื่อนผมไม่อยู่!! และทำให้ผมได้กลายเป็นลูกค้าจริงๆ สมใจ ซึ่งกว่าที่เพื่อนผมจะกลับเข้ามาที่ร้านนั้น ผมกับภรรยาก็กินไปได้ประมาณครึ่งทางแล้วครับ 555555
เอาล่ะครับ เกริ่นมายาวนานแล้ว ทีนี้ก็ถึงส่วนของการรีวิวร้านแล้วครับ
วันที่รับประทาน : อาทิตย์ที่ 1 ก.พ. 58
เวลา : 17.30 น.
จำนวน : 2 คน
สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของร้าน Shabu Me นั้นจะอยู่แถวเมืองทองธานี บนถนนเดียวกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช โดยร้านจะถึงก่อนสะพานข้ามคลองเล็กน้อยครับ และสำหรับนักชิมจะเข้าใจง่ายกว่าถ้าผมบอกว่าร้าน Shabu Me นั้นอยู่บริเวณเดียวกันกับร้านกิวโนบิเลยครับ
ถ้าดูตามรูปด้านซ้ายมือสุดก็คือร้านกิวโนบิครับ (รูปนี้ผมถ่ายตอนที่ทานเสร็จแล้ว ประมาณซัก 1 ทุ่มกว่าๆ ท้องฟ้าก็เลยมืดหมดแล้วนะครับ)
ลักษณะร้านจะเป็นห้องแถว 3 ชั้น แต่ส่วนที่เปิดเป็นร้านอาหารจะมีแค่ 2 ชั้นแรกเท่านั้นครับ โดยชั้นแรกที่ผมนั่งจะมีจำนวนโต๊ะอยู่ 8 ตัวครับ ส่วนชั้น 2 ผมไม่ได้ขึ้นไปเลยครับ ก็เลยไม่แน่ใจว่าสภาพเป็นอย่างไร เพราะตอนแรกไม่ทราบว่ามีชั้น 2 ด้วย มาทราบก็ตอนจะขึ้นรถกลับบ้านแล้ว
โลโก้ของร้านก็ตามนี้เลยครับ รูปการ์ตูนผู้หญิง 2 คน น่าจะเอาต้นแบบมาจากตัวเพื่อนผมเองกับน้องสาวครับ
การตกแต่งร้าน ผมว่าสวยและดูโล่งสบายตาดีนะครับ ดูสะอาดสะอ้าน สมกับเป็นร้านอาหารเปิดใหม่ เก้าอี้ที่ใช้ในร้านก็ดูเก๋ดีครับ แต่บางท่านอาจจะไม่ชอบเพราะเป็นเก้าอี้แบบไม่มีพนักพิงครับ
ร้าน Shabu Me นั้นเป็นร้านอาหารประเภทชาบู มีบริการเฉพาะแบบบุฟเฟต์อย่างเดียว ราคา 369 บาท/หัว (ราคา Net แล้วครับ) สามารถนั่งทานได้ 2 ชั่วโมง โดยทางร้านรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น ดังนั้นกรุณาเตรียมเงินไปให้พร้อมนะครับ ^^
วันที่ผมไปนั้นทางร้านยังไม่มี Menu นะครับ จะใช้การเขียนสั่งในใบรายการแทน โดยจะมีทั้งหมด 3 ใบ แยกตามประเภท
ใบแรก คือ เนื้อต่างๆ
ใบที่สอง คือ ผักและของทานเล่น
ใบที่สาม คือ เครื่องดื่มและของหวานครับ
อยากได้อะไรก็สั่งได้เลยครับ สามารถสั่งได้ทุกอย่างไม่มีการชาร์จเพิ่มในรายการไหนครับ
รอบแรกผมก็สั่งตามมาตรฐานครับ ชุดหมู ชุดเนื้อ และของทานเล่นหลายๆ แบบครับ
สำหรับในส่วนของน้ำซุปนั้นจะมีทั้งหมด 3 ชนิดได้แก่ ซุปใส ซุปน้ำดำ แล้วก็ซุปแจ่วฮ้อน โดย 1 หม้อสามารถเลือกได้ 2 ซุป ผมก็เลยทำการสั่งซุปน้ำดำ และซุปแจ่วฮ้อนครับ
เรื่องของรสชาติซุปนั้น ผมให้ผ่านทั้งคู่ครับ แต่ถ้าถามว่าชอบอะไรมากกว่า ผมชอบซุปแจ่วฮ้อนครับ เพราะแปลก ไม่ค่อยมีที่ไหน และรสชาติของซุปแจ่วฮ้อนนั้นมีหลายมิติกว่าการกินซุปน้ำดำชาบูครับ โดยส่วนตัวผมถือว่าน้ำซุปแจ่วฮ้อนนี้เป็นหนึ่งในน้ำซุปที่ประทับใจเลยครับ
ปล. น้ำซุปแจ่วฮ้อน อยู่ด้านซ้ายมือของรูปนะครับ
สำหรับน้ำจิ้มนั้นก็มีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มแจ่ว แล้วก็พอนซึ ครับ หลังจากที่ผมชิมดูแล้ว ผมก็ตัดสินใจว่าน้ำจิ้มหลักที่ผมจะเลือกในวันนี้คือน้ำจิ้มแจ่วครับ ส่วนอีก 2 อัน ผมแยกไปวางไว้ข้างๆ เลยครับ จะได้ไม่เกะกะพื้นที่การกิน ฮา
หน้าตาอาหารของทางร้านเป็นแบบนี้นะครับ เนื้อจะมาในจานใหญ่ๆ มีหลายชิ้นเลย โดยหมูจะมีทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ สันคอ สันนอก เบคอน หมูบะช่อ ตับหมู ส่วนเนื้อก็มี 3 แบบได้แก่ สันนอก เนื้อโหนก และ เนื้อน่องลาย
สำหรับรสชาตินั้นโดยรวมๆ ถือว่าสอบผ่านครับ ส่วนที่ผมประทับใจสุดก็คือสันคอหมู กับเนื้อโหนกครับ เรียกได้ว่าอร่อยถูกใจเลย และเนื้อที่ไม่ชอบที่สุดก็คือเนื้อน่องลายครับ ผมรู้สึกว่าวันนั้นมันจะเหนียวไปหน่อยครับ
ส่วนเนื้อประเภทอื่นๆ ของทางร้านก็มีไก่ ปลาหมึก ปลาดอลลี่ กุ้งขาว เต้าหู้ ลูกชิ้น ครับ เรียกได้ว่าครบสูตรของร้านอาหารพวกนี้ครับ รสชาติกลางๆ ครับ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
ของทางเล่นนั้นก็มีประเภทสลัดแล้วก็ที่น่าสนใจก็คือ ไก่ทอด Chon me ครับ หน้าตาน่ากินมาก 1 จานจะมาทั้งหมด 4 ชิ้นครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะแอบเผ็ดๆ หน่อย แต่พอชิมแล้วมันผิดคาด รสชาติออกจะหวานนิดๆ ครับ กินได้เรื่อยๆ เด็กๆ น่าจะชอบครับ แนะนำว่ากินตอนที่ยังร้อนๆ อยู่จะได้รสชาติที่เยี่ยมครับ
สำหรับสลัดนั้นผมลองสั่งมา 2-3 อย่าง ถือว่าโอเคเลยครับ ผักดูมีความสดใหม่ครับ
ส่วนครื่องดื่มนั้นก็มีหลายประเภทครับ ทั้งชาเขียว เก๊กฮวย ใบเตย แล้วก็โค้ก โดยผมเลือกสั่งน้ำใบเตยมา ชิมเป็นอย่างแรก และพบว่ารสชาติถูกใจครับ เลยกินเรื่อยๆ 4-5 แก้วไม่ได้เปลี่ยนน้ำเลย ทั้งๆ ที่เปลี่ยนได้เรื่อย ช่างเป็นนักรีวิวที่แย่มาก……………..ฮา
หลังจากผ่านสมรภูมิอย่างดุเดือด สั่ง order ไปเพิ่ม 4-5 รอบ เรียกให้ทางร้านมาเติมซุป เติมน้ำจิ้มเป็นระยะๆ จนในที่สุดก็รู้สึกว่ามันควรถึงแก่เวลาที่เราควรจะต้องอิ่มได้แล้ว
เมื่อผมคิดได้ดังนั้นแล้ว ผมก็เลยทำการสั่งของหวานครับ ฮา
แต่ก่อนจะไปดูของหวาน มาดูบรรยากาศตอนผมกินก่อนนะครับ
ของหวานที่ร้านมี 3 อย่างครับได้แก่ เยลลี่ ไอศรีม และไอซ์ถั่วแดง โดยผมทำการสั่งเยลลี่และถั่วแดงไปครับ สำหรับไอศรีมเท่าที่ผมลองส่องดูในร้าน มันน่าจะเป็นไอศรีมวอลล์นะครับ
เรื่องของรสชาตินั้นตัวเยลลี่สอบผ่านครับ ส่วนถั่วแดงนั้น ผมคิดว่าตัวถั่วแดง ค่อนข้างจืด ไม่มีรสชาติครับ
เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็มาถึงข้อสรุปโดยรวมของร้าน Shabu Me แล้วครับ ผมขอสรุปตามนี้นะครับ
รสชาติ : ผมค่อนข้างชอบและประทับใจในหลายอย่างนะครับ ทั้งซุปแจ่วฮ้อน น้ำจิ้มแจ่ว สันคอหมู เนื้อโหนก ไก่ทอด แล้วก็สลัดครับ อ้อ ตอนนี้ทางร้านมีเมนูเกี๊ยวห่อชีสด้วยนะครับ เป็นเมนูใหม่ยังไม่มีในเมนู แต่สามารถสั่งได้ โดยทางร้านจะเดินมาถามเองที่โต๊ะครับ สำหรับรสชาติอาหารอย่างอื่นๆ ถือว่าโอเค ค่อนไปทางที่ดีครับ มีที่ผมไม่ถูกปากแค่ 2-3 อย่างเท่านั้น ได้แก่เนื้อน่องลาย แล้วก็ถั่วแดงในของหวานครับ
ความหลากหลาย : ด้วยเมนูหมู 5 อย่าง เนื้อ 3 อย่าง และไก่ ปลาหมึก ปลา กุ้ง สลัด ลูกชิ้น และของทานเล่นอื่นๆ ผมถือว่าทางร้านมีความหลากหลายของอาหารค่อนข้างเยอะนะครับ
การบริการของพนักงาน : เท่าที่ผมสังเกต ตัวเจ้าของร้านที่เป็นเพื่อนผมและน้องสาว ให้บริการที่ดีนะครับ มีความใส่ใจต่อแขกทุกโต๊ะครับ และพยายามแนะนำ ซักถามลูกค้าอยู่ตลอดเวลาครับ
ความคุ้มค่า : กับราคา 369 บาท Net ไม่มีการชาร์จอะไรเพิ่มแล้ว แถมนั่งทานได้ 2 ชั่วโมง ในพิกัดราคาแบบนี้ รสชาติแบบนี้ ผมถือว่าเป็นหนึ่งในร้านชาบูที่คุ้มค่าและน่าจะเป็นอีกหนึ่งร้านที่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยู่แถวๆ เมืองทองธานีเลยครับ
เอาเป็นว่า หากใครเบื่อร้านเดิมๆ อยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ของการกินชาบู โดยเฉพาะ น้ำซุปแจ่วฮ้อน กับ น้ำจิ้มแจ่ว ลองหาโอกาสไปชิมดูซักครั้งครับ ไม่แน่คุณอาจจะติดใจจนเป็นลูกค้าประจำของร้านเลยก็ได้ครับ แต่อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้ที่ร้านรับเฉพาะเงินสดนะครับ ^^
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : Shabu Me
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ