สวัสดีครับ กลับมาพบกับผม นาย “ภรรยาหา สามีใช้” อีกแล้วนะครับ หลังจากที่ช่วงหลังๆ ผมรีวิวแต่อาหารบุฟเฟต์อย่างถี่ยิบ จนทำให้ร่างกายของผมเริ่มแสดงผลในด้านความอืดและความอ้วนออกมาอย่างเห็นได้ชัด – -“ วันนี้ผมก็เลยจะพาทุกท่านไปพบกับรีวิวอาหารที่ไม่ใช่แบบบุฟเฟต์กันบ้างครับ
ร้านที่จะพาไปวันนี้เป็นร้านข้าวหน้าหมูทอดที่มีต้นตำรับร้านอยู่ที่เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น และไม่ใช่ร้านไก่กาธรรมดา แต่เป็นร้านชื่อดังที่หากใครๆ ไปเที่ยวที่นาโกย่าต้องหาโอกาสแวะไปลองครับ ร้านนี้มีชื่อว่า “Misokatsu Yabaton” ครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
ก่อนจะเข้าสู่การรีวิวร้าน ผมขอเล่าที่มาที่ไปของการไปรีวิวในครั้งนี้ก่อนนะครับ นั่นก็คือผมไปร่วมกิจกรรมแล้วได้ Voucher มูลค่า 500 บาทของร้านนี้มาครับ โดยได้ voucher มาตั้งแต่กลางเดือน ก.พ. จนกระทั่งถึงวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งเป็นวันก่อนหน้าที่ voucher จะหมดอายุเพียงแค่ 1 วัน ผมก็ยังไม่ได้ไปใช้ซักที และแน่นอนว่าในวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งเป็นวันสิ้นเดือนที่ผมไม่อยากจะไปไหน โดยเฉพาะบริเวณที่รถติดมากๆ อย่างทองหล่อ ผมก็ต้องจำใจฝ่ารถติดเพื่อไปใช้มันครับ – -“
เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็พร้อมแล้ว ได้เวลาเข้าสู่การรีวิวอย่างเต็มตัวแล้วครับ
วันที่รับประทาน : วันอังคารที่ 31 มี.ค. 58
เวลาโดยประมาณ : 19.30 น.
จำนวนคน : 2 คน
คำว่า Misokatsu Yabaton นั้น หากแปลความหมายออกมาตรงๆ ก็คือ ร้านขายทงคัตสึหรือหมูชุบเกล็ดขนมปังทอดราดด้วยซอสมิโซะ โดยมีชื่อร้านว่า Yabaton นั่นเองครับ
แล้วทำไมต้องเน้นคำว่ามิโซะ (Miso) ขนาดนั้น?
นั่นก็เป็นเพราะว่าที่เมืองนาโกย่านั้น มีของที่ขึ้นชื่อมากๆ อยู่อย่างนึง นั่นคือมิโซะนั่นเองครับ โดยส่วนผสมของมิโซะจากนาโกย่านั้นผลิตจากถั่วเมล็ดใหญ่ซึ่งเป็นถั่วที่มีเฉพาะในภูมิภาคแถบโตไก (ไอจิ,กิฟุ,มิเอะ) เท่านั้น ทำให้มีรสชาติแตกต่างจากมิโซะจากเมืองอื่นๆ ที่ผลิตจากวัตถุดิบอื่นครับ
นอกจากนี้โดยปกติแล้วข้าวหน้าหมูทอดนั้นจะไม่ได้ราดด้วยซอสมิโซะแต่จะราดด้วยวูสเตอร์ซอสครับ ดังนั้นด้วยความเอร็ดอร่อยและแตกต่างแบบที่เมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่นเลียนแบบได้ยากนี่เอง ทำให้ร้าน Misokatsu Yabaton ได้กระจายไปเปิดสาขาในหลายๆ เมืองของญี่ปุ่น รวมถึงได้มาเปิดสาขาที่เมืองไทยด้วย โดยสาขาในเมืองไทยนั้นตั้งอยู่ที่ J Avenue ทองหล่อ 13 ครับ (พิกัดร้านจะอยู่ตรงข้ามกับร้าน YUU Restaurant ครับ)
หน้าตาของร้านจะเป็นแบบนี้ครับ มีสัญลักษณ์เป็นหมูยักษ์ใส่ชุดซูโม่อยู่ครับ
ภาพหน้าร้านอีกรูปครับ
เมื่อเข้าไปในร้านจะพบว่าร้านมีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ มีโต๊ะประมาณ 20 ตัวได้ครับ โดยตอนที่ผมไปนั้นมีลูกค้านั่งในร้านประมาณ 2-3 โต๊ะเท่านั้นครับ เมื่อได้ที่นั่งแล้ว พนักงานก็นำเมนูมาให้ครับ ซึ่งเมนูของที่นี่ต้องบอกว่ามีไม่กี่อย่างเท่านั้นครับ อธิบายง่ายๆ ก็คือ จะมีแค่หมูสันนอก กับ หมูสันในเท่านั้น แต่สามารถสั่งได้ 4 แบบคือ
– แบบเป็นเซ็ตที่มีข้าวกับหมูทอดแยกกันมาคนละจาน
– แบบราดข้าวเป็นถ้วย
– แบบมาบนกระทะร้อน
– แบบเสียบไม้
นอกจากหมูสันในกับหมูสันนอกแล้วก็มีเมนูอื่นอีกนิดหน่อยครับ แต่ไม่ได้เยอะอะไรมากมายโดยหลังจากที่ผมดูเมนูเสร็จ ผมก็สั่งเป็น ข้าวหมูสันนอกแบบเซ็ต (ราคา 340 บาท) แล้วก็อีกเมนูเป็นหมูสันในราดข้าวมาเลยครับ (ราคา 320 บาท) โดยราคาดังกล่าวยังไม่รวม Service Charge 10% และ Vat อีก 7% นะครับ
ทั้ง 2 รายการสามารถเติมข้าว ผักกะหล่ำ น้ำซุป ไชเท้าดอง ได้หมดครับ
หลังจากที่รออาหารผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อยครับ เริ่มจากเมนู แล้วก็ตะเกียบครับ โดยในเมนูจะมีการพูดถึงประวัติของร้านและความเป็นมาของซอสมิโซะอันเลื่องชื่อของเมืองนาโกย่าครับ ใครไม่มีอะไรทำก็ลองอ่านดูนะครับ สั้นๆ แป๊บเดียวจบครับ
นั่งรอซักพักพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟครับ โดยตอนที่ยกมาเสิร์ฟนั้น จะยังไม่ราดซอสมิโซะมานะครับ แต่จะแยกมาเป็นถ้วยเล็กต่างหาก เมื่อมาถึงที่โต๊ะพนักงานก็จะถามว่าให้ราดเลยมั้ย ซึ่งผมขอราดเองครับ เพราะจะถ่ายรูปก่อน โดยทางพนักงานเค้าก็ได้แนะนำว่าให้รีบราดตอนที่ยังร้อนๆ อยู่เพราะจะทำให้รสชาติดีกว่าครับ
หน้าตาของอาหารที่มาเสิร์ฟ เป็นแบบนี้ครับ เซ็ตข้าวหมูสันนอก ข้าวกับหมูแยกกันมาครับ
หมูสันในราดข้าว พร้อมเครื่องเคียงครับ
เอาล่ะครับ เมื่อพร้อมแล้วก็ทำการราดซอสเลยครับ ลุย!!
รสชาติโดยรวมๆ ของทั้ง 2 เมนู ผมว่ากลางๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรเป็นพิเศษ มีร้านข้าวหน้าหมูทอดอีกหลายร้านที่ผมรู้สึกว่าถูกปากกว่านี้ครับ และซอสมิโซะออกจะเค็มเกินไปสำหรับผม ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะผมราดเยอะเกินไป หรือไม่ได้ราดตอนที่มันร้อนครับ
ส่วนอื่นๆ ที่ประทับใจมากก็คือ น้ำซุปครับ อร่อยมาก ไม่เหมือนกับซุปร้านอื่นๆ แถมในน้ำซุปยังมีเนื้อมาให้ด้วย!! โดยผมกับภรรยาได้ขอเติมไปถึง 2-3 รอบครับ และก็เติมผักกับข้าวไปอีกอย่างละ 1 รอบ
ภาพนี้เป็นภาพถ้วยข้าวที่ขอเติมครับ ถ้าเทียบกับถ้วยของหมูสันในราดข้าวที่ผมสั่งมาในตอนแรกก็มีขนาดต่างกันพอดูครับ เพราะถ้วยแรกนั้นต้องมีหมูใส่มาด้วย 6 ชิ้นครับ
ด้านขวาคือถ้วยแรก ส่วนด้านซ้ายคือถ้วยที่มาเติมครับ
เอาล่ะครับ ทีนี้ก็มาถึงบทสรุปแล้วครับ
ค่าเสียหายของมื้อนี้หลังรวม Vat และ Service Charge แล้วทั้งหมดคือ 741.82 บาทครับ!! และหลังจากที่หัก Voucher มูลค่า 500 บาทไปแล้วก็เหลือที่ผมชำระจริงคือ 241.82 บาทครับ มาดูการสรุปในแต่ละหัวข้อดีกว่าครับ
รสชาติ : ผมไม่ค่อยประทับใจในหมูทอดทั้งหมูสันในและหมูสันนอกเลยครับ ถือว่ารสชาติอยูในเกณฑ์มาตรฐานกลางๆ มีร้านข้าวหมูทอดอีกหลายร้านที่ผมชอบมากกว่านี้ครับ สิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คือน้ำซุป เป็นน้ำซุปที่อร่อยมากครับ
ความหลากหลายของเมนู : เมนูน้อยมากครับ เรียกว่าเป็นร้านเฉพาะทางจริงๆ ขายเฉพาะหมูทอดเท่านั้น มีอย่างอื่นประปราย
ความสะอาดและสภาพของร้าน : ดีครับ สะอาดสะอ้าน โต๊ะมีจำนวนมาก แถมมีห้องน้ำในร้านด้วย ถึงจะมีแค่ห้องเดียวรวมหญิงชาย แต่ก็ทำให้สะดวกมากครับ
พนักงาน : บริการเอาใจใส่ดีครับ เข้ามาแนะนำตอนที่ผมดูเมนูนานแล้วยังตัดสินใจไม่ได้ การเติมน้ำทำได้เร็ว ส่วนการขอข้าว ผัก น้ำซุปเพิ่มก็ทำได้เร็วครับ มีเสิร์ฟผิดไป 1 รอบ เอาของที่ไม่ได้สั่งมาให้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไรมากครับ
การเดินทาง : ทำเลร้านอยู่ใน J Avenue ทองหล่อ 13 ไกลจากรถไฟฟ้ามาก ไม่สามารถเดินมาได้ เหมาะกับการขับรถมา โดยที่จอดรถถือว่ามีเพียงพอ เนื่องจากมีที่จอดรถหลายจุด
ความคุ้มค่า : ร้านนี้ถือเป็นร้านที่ราคาค่อนข้างสูงร้านนึงเลยทีเดียว และเมื่อบวก Service Charge 10% และ Vat 7% แล้ว สำหรับผมถือว่าราคาสูงมาก โดยเฉลี่ยคนนึงต้องจ่ายประมาณ 350 บาทขึ้นไปแน่ๆ ครับ ซึ่งผมคิดว่ามีอีกหลายร้านที่มีข้าวหมูทอดอร่อยถูกปากในราคาที่ไม่สูงขนาดนี้ หรือในราคานี้น่าจะได้รสชาติที่ดีกว่านี้ครับ
สรุปภาพรวม : หากคุณเป็นพวกชอบข้าวหมูทอดตัวยง หรือเบื่อข้าวหมูทอดปกติที่ราดวูสเตอร์ซอส และอยากลองข้าวหมูทอดแบบใหม่ที่ราดซอสมิโซะ คุณก็ไม่ควรพลาดที่จะมาลองครับ ผมคิดว่าร้านนี้น่าจะทำให้คุณได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ครับ แต่หากคุณไม่ใช่พวกลองกิน และมีงบประมาณจำกัด ไม่อยากเสี่ยงทั้งเงิน เวลา ไม่อยากฝ่ารถติด ผมแนะนำว่าคุณไปร้านอื่นดีกว่าครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ ได้เลยครับ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ