สวัสดีทุกท่านครับ ร้านที่ผมจะรีวิวในครั้งนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อว่า KOUSEN (โควเซน) โดยร้านนี้จะตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของ The Crystal SB ราชพฤกษ์ และมีตำแหน่งที่ตั้งของร้านนใกล้ๆ กับบันไดเลื่อนที่อยู่ข้างหน้าห้างบริเวณ outdoor เรียกได้ว่าขึ้นบันไดเลื่อนถึงชั้น 2 ปั๊บก็จะเห็นร้านเลยครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับลักษณะอาหารของร้านนี้จะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ก็คือ ซูชิ และ เทปันยากิ โดยวันที่ผมไปนั้นที่หน้าร้านมีการติดสติกเกอร์ตัวใหญ่ๆ ว่าฉลองเปิดร้านลด 20% ทุกเมนู แต่เอาเข้าจริงๆ มีการจัดโปรโมชั่นหนักกว่านั้นอีก คือ
1. จัดราคาพิเศษของเมนูประมาณ 10 เมนู ซึ่งถือว่าลดค่อนข้างเยอะครับ เช่น ข้าวหน้าเนื้อ, เสต็กปลาแซลมอน
2. หากกด like page และโพสต์รูปในแฟนเพจของร้าน จะได้รับการลดราคาอาหาร 25% ทุกเมนู ยกเว้นเมนูโปรโมชั่นในข้อ 1 ครับ
สำหรับโปรโมชั่นทั้งข้อ 1 และ 2 นั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะหมดเขตเมื่อไหร่นะครับ เนื่องจากทางร้านไม่ได้ติดป้ายเอาไว้ครับ
เอาล่ะครับ ถ้าทุกอย่างพร้อมแล้วก็เข้าไปในร้านได้เลยครับ
วันที่รับประทาน : วันศุกร์ที่ 2 ม.ค. 58
เวลาโดยประมาณ : 18.45 น.
โปรโมชั่นลด 25% ครับ
ลักษณะของร้านจะแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ ด้านขวาเป็นโซนที่เชฟใช้ทำเทปันยากิ ส่วนด้านซ้ายมือเป็นโซนที่เชฟใช้ทำซูชิครับ ซึ่งเราจะนั่งตรงไหนของร้านก็ได้ที่สะดวก หรือจะนั่งที่หน้า bar เลยก็ได้จะได้เห็นการทำอาหารของเชฟชัดๆ
ส่วนที่ผมนั่งก็คือหน้าบาร์ฝั่งซูชิครับ ซึ่งตรงนี้มีเรื่องเล่านิดหน่อยคือตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปในร้านก็พบว่าพนักงานกำลังวุ่นวายกับการทำนู่นนี่อยู่ ทำให้ไม่มีใครเดินมารับเลย ผมก็เกิดการเคว้งๆ อยู่ประมาณซัก 1 นาทีก็คิดในใจว่าจะนั่งไหนดี มีตรงไหนนั่งได้บ้าง ดูท่าทางวันนี้ท่าทางจะเฟลอีกแล้วแน่ๆ เลย แต่พอพนักงานหันมาเห็นก็รีบเข้ามารับและพาไปนั่งที่หน้าบาร์ทันทีครับ และการบริการหลังจากนี้ถือว่าเข้าขั้นดีจนถึงดีมากเลยครับ
เมื่อผมนั่งที่โต๊ะแล้วก็เริ่มทำการดูเมนู และทำการสั่งอาหารครับ โดยภาพรวมๆ ราคาถือว่าค่อนข้างสูงเหมือนกันครับ แต่เมื่อลองคำนวนคร่าวๆ ถึงราคาที่ลดไป 25% แล้วก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ โดยราคาที่ลดแล้วก็จะไปไล่เลี่ยกับร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ดังๆ ที่มีสาขาอยู่เยอะแยะครับ
และเนื่องจากช่วงนี้ผมกับภรรยากินซูชิกันหลายวันติดๆ กันมาก ก็เลยเริ่มเอียนอะไรที่เป็นพวกข้าวปั้น ซาซิมิ มาก ซึ่งหลังจากตัดสินใจอยู่นานผมกับภรรยาก็เลยสั่งเมนูเป็นข้าวหน้าเนื้อ และ ชุดเสต็กปลาแซลมอนแทนครับ โดยทั้ง 2 รายการนี้เป็นเมนูโปรโมชั่นมีราคาตามนี้ครับ
ข้าวหน้าเนื้อ ราคาลดแล้วเหลือ 190 บาท
ชุดเสต็กปลาแซลมอน ราคาลดแล้วเหลือ 219 บาท
และไหนๆ ก็มาลองร้านใหม่ทั้งทีแล้วก็เลยจะสั่งอาหารประเภทซูชิหรือข้าวปั้นมาลองซักเมนู จะได้รู้รสชาติครบทุกแบบ เมื่อเมื่อผมหยิบเมนูของร้านมาดูก็ยิ้มออกเลยครับ เพราะที่นี่มีการขายแบบ Half ด้วย ทำให้สามารถลองชิมได้หลายแบบและประหยัดงบประมาณตัวเองได้เยอะเลย
เมนูที่ผมเลือกสั่งก็คือ Salmon Cream Cheese Roll ครับ บรรทัดแรกเลยครับ ราคาตามเมนูที่ยังไม่ลด 25% ก็คือ แบบ Half 4 ชิ้น 165 บาท แบบ Full Set 8 ชิ้น 320 บาทครับ
ระหว่างที่นั่งรออาหารผมก็ถ่ายรูปอะไรไปเรื่อยครับ
และนี่น้ำชาเขียวครับ เท่าที่ผมดูในใบเสร็จตอนท้าย รู้สึกว่าชาเขียวของที่นี่จะฟรีนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าฟรีอยู่แล้วหรืออยู่ในโปรโมชั่นช่วงนี้ครับ
รสชาติผมว่าสอบผ่านครับ
หลังจากนั่งรอได้ราวๆ 5 นาที เมนูแรกก็มาเสิร์ฟครับ ถือว่าค่อนข้างไวเลย อาจจะเป็นเพราะคนไม่ถึงกับเต็มทุกโต๊ะและเป็นอาหารประเภทเสต็กด้วยครับ
ภาพรวมทั้งหมดของ Set นี้นะครับ
มีน้ำจิ้มทั้งหมด 3 อย่าง ช่องแรกเป็นน้ำจิ้มแจ่ว ตรงกลางผมไม่ทราบครับ และสุดท้ายเป็นมายองเนสครับ
เทียบขนาดปลากับตะเกียบครับ ถือว่าชิ้นค่อนข้างใหญ่ครับ เมนูนี้ภรรยาผมเป็นคนทานครับ รสชาติเธอบอกว่าสอบผ่าน ปลาไม่หนามาก กรอบเล็กๆ กินได้เรื่อยๆ ครับ
หลังจากที่ภรรยาผมทานเสต็กแซลมอนไปซักพัก ก็มีพนักงานเดินมาสอบถามผมว่ายังขาด order อะไรอีกมั้ย ซึ่งผมก็แจ้งไปว่ายังขาดข้าวหน้าเนื้อครับ และซักพักพนักงานก็เดินกลับมาบอกว่ารออีกประมาณ 3 นาทีนะครับ ตรงนี้ถือว่าค่อนข้างประทับใจกับการบริการนะครับ เพราะเท่าที่สังเกตพนักงานมีการเดินสอบถามทุกโต๊ะเลยว่ายังขาดตกบกพร่องอะไรไปบ้าง รวมทั้งมีการเดินมาตอบกลับด้วยว่าสถานะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
เวลาผ่านไป 3-4 นาที ข้าวหน้าเนื้อของผมก้มาเสิร์ฟที่โต๊ะครับ หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
ลองเอามาเรียงๆ กัน แล้วถ่าย top view ลงมา หน้าตาแอบเหมือนมิกกี้เม้าส์เหมือนกัน ฮา
เอาล่ะครับ ได้เวลาชิมแล้ว
โดยภาพรวมผมชอบรสชาตินะครับ ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ประทับใจลิ้นครับ
หลังจากที่ผมทานข้าวหน้าเนื้อไปได้เกือบหมดชาม ก็นึกได้ว่ายังมี roll ที่ยังไม่ได้อีกนี่นา ด้วยความที่ผมนั่งอยู่ที่หน้าบาร์ซูชิเลยก็เลยถามเชฟว่า order ของผมนั้นได้หรือยังครับ ซึ่งเชฟก็มีการถามข้อมูลเล็กน้อยและก็แจ้งว่ารอซักครู่ครับ
หลังจากรอไปประมาณ 2 นาที สิ่งที่ผมได้มาก็คือ 2 คำนี้ โดยเชฟเป็นคนยื่นให้ ผมก็แอบงงว่า เย้ยยย มันผิด order ผิดโต๊ะหรือเปล่า? ทันใดนั้นเชฟก็พูดว่า 2 คำนี้ถือเป็นคำขอโทษที่ทำให้รอนานครับ
โอ้ววว เจอแบบนี้ ประทับใจเลยครับ 2 คำนี้เป็นซูชิหน้าปลาทูน่ากับไข่กุ้งครับ
อ้าววว ถ่ายรูปกับของฟรีหน่อยยยย
สำหรับชิ้นปลาผมว่าค่อนข้างหนาดีครับ รสชาติโอเคครับ แต่ถ้าให้เลือกผมชอบกินซูชิแบบหน้าปกติปลาเพียวๆ มากกว่าแบบฟิวชั่นแบบนี้ครับ
เมื่อทาน 2 คำที่ได้มาฟรีเสร็จ Salmon Cream Cheese Roll แบบ half ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะครับ
ขนาดคำค่อนข้างใหญ่ครับ เรียกได้ว่าจะยัดเข้าปากให้หมดในคำเดียวดูจะยากไปนิด สำหรับ roll นี้ประกอบไปด้วยแซลมอน ชีส ไข่ปลาแซลมอน สาหร่าย ไข่หวาน ปูอัด ข้าวแล้วก็ผักนะครับ โดยรวมๆ ผมว่าไส้ตรงกลางมันเยอะไปนิด เวลาทานคำเดียวหมดรสชาติของส่วนประกอบตรงกลางเลยจะกลบรสของพวกแซลมอน ไข่ปลา และชีส ที่อยู่บนหน้าไปหมดครับ
เมื่อทานเสร็จครบทุกเมนูแล้วก็ถึงเวลาเช็คบิลครับ สรุปราคาอยู่ที่ 590 บาท โดยเป็นราคาที่หักส่วนลด 25% แล้วนะครับ ซึ่งผมได้ลดไม่เยอะเพราะกินอาหารหลัก 2 จานเป็นเมนูโปรโมชั่นแล้ว
ปล. หลังกลับมาบ้านผมดูใบเสร็จอีกทีก็แอบงงๆ กับการคำนวนราคาของร้านเหมือนกัน เพราะคำนวนยังไงก็ไม่ได้ แต่เท่าที่พยายามดูแล้วก็คือ ราคาอาหารในเมนูน่าจะเป็นราคารวม Vat 7% แล้ว แต่ไม่รวม Service Charge 10% และ Service Charge 10% ที่ทางร้านคิดนั้น คิดจากราคาเต็ม ไม่ใช่ราคาที่ลด 25% แล้ว เพราะหากคิดจากราคาที่ลดแล้วผมควรจะต้องจ่ายน้อยกว่านี้ประมาณ 4-5 บาทครับ ตรงนี้ใครที่เก่งคำนวนลองช่วยผมคิดหน่อยครับ – -” หรือปกติแล้วการคิด Service Charge ของร้านอาหารทั่วๆ ไปนั้นก็คิดแบบนี้เหรอครับ?
สำหรับการสรุปโดยรวม ผมขอสรุปตามนี้นะครับ
รสชาติอาหาร : สอบผ่าน อยู่ในเกณฑ์ดี เทียบกับร้านดังๆ ได้สบายๆ ครับ
ความหลากหลายของเมนู : มีให้เลือกทั้งเทปันยากิ และ ซูชิ รวมทั้งมีแบบ fusion food ด้วย ที่สำคัญสามารถสั่งแบบ Half ได้ด้วยในราคาที่ไม่แพงจากแบบ Full Set มากนัก ตรงนี้ค่อนข้างประทับใจเลยครับ
การบริการของพนักงาน : ดี จนถึงดีมาก มีการเอาใจใส่ที่ดีในหลายๆ จุดครับ
สถานที่ : ดูสวยงาม โล่ง โปร่ง ไม่อึดอัด
ราคา : ราคาตั้งแอบแพงไปนิด แต่หลังจากลดราคาแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ
สรุปภาพรวม : หากใครเบื่อร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์เดิมๆ ร้านนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีร้านหนึ่ง เพราะด้วยโปรโมชั่นที่จัด การบริการของพนักงานที่ดี และลูกค้าที่ยังไม่เยอะนักเมื่อเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นอีก 4-5 ร้านในสถานที่เดียวกัน อย่างวันที่ผมไปทานนั้น ร้านนี้ถือว่าลูกค้าน้อยสุดเลยครับ ไม่ต้องมีการต่อคิว สามารถเข้าไปนั่งได้เลย แต่ร้านอื่นๆ ที่เหลือมีคิวตั้งแต่คิวน้อยจนถึงคิวยาวมากครับ
ก็จบลงแล้วกับการ Review ครั้งนี้ โดยความคิดเห็นทั้งหมดใน Review นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับทางร้านครับ หากผมเขียนอะไรผิด หรือทำอะไรขาดตกบกพร่องไปก็ขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : Kousen
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ
