สวัสดีครับ กลับมาพบกับผมนาย “ภรรยาหา สามีใช้” อีกแล้วนะครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปพบกับการรีวิวร้านอาหารร้านนึงที่เปิดมานานนับสิบปีแล้วและปัจจุบันนี้ก็มีสาขาอยู่ประมาณ 10 สาขาได้ครับ ร้านที่ว่านั่นก็คือร้าน Greyhound Café นั่นเองครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
โดยจากที่ผมได้ลองทำการค้นข้อมูลดูก็พบว่าร้าน Greyhound Café นั้นเป็นร้านอาหารนานาชาติ-ไทย สไตล์อาหารฟิวชั่น โดยได้เปิดทำการสาขาแรกที่เอ็มโพเรียมในปี 1997 หรือราวๆ 20 ปีที่แล้วครับ หลังจากที่เปิดสาขาแรกได้ไม่นานก็ได้รับความนิยมและพูดถึงอย่างกว้างขวาง จนเกิดการเพิ่มสาขาและแตกไลน์ออกไปอย่างมากมายทั้ง Greyhound Café, Another Hound, Sweet Hound และล่าสุดก็มีได้มีการขยายสาขาไปเปิดถึงประเทศฮ่องกงกันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ที่ผ่านมาโดยส่วนตัวผมเองก็ได้มีโอกาสทานอาหารในเครือของ Greyhound Café มาประมาณ 3-4 ครั้ง และก็ค่อนข้างประทับใจมาโดยตลอดครับทั้งบรรยากาศร้าน รสชาติอาหาร และการบริการครับ แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสทำรีวิวซักทีจนกระทั่งครั้งนี้ได้มีโอกาสไปลองชิมอาหารที่เป็นเมนูพิเศษของทางร้านในช่วงนี้ก็เลยถือโอกาสมาเล่าสู่กันฟังครับ
สำหรับสาขาที่ผมไปทานในครั้งนี้ก็คือสาขาที่ The Circle ราชพฤกษ์ครับ ซึ่งที่สาขานี้จะใช้ชื่อว่า Ground-Hey by Greyhound Café ครับ ทำเลที่ตั้งจะเป็นอาคาร Stand Alone แยกออกมาต่างหาก อยู่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้าตรงบริเวณตู้รับบัตรจอดรถเลยครับ ลักษณะอาคารจะเป็นตึก 1 ชั้น ติดกระจกมีต้นไม้ล้อมรอบและก็มีที่นั่งทั้งในและนอกอาคารครับ อ้อ สำหรับข้อมูลการไปรับประทานของผมในครั้งนี้มีดังนี้นะครับ
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2558
สาขา The Circle ราชพฤกษ์
เวลาประมาณ 19.00-20.00 น.
จำนวน 2 คน
หลังจากที่ผมไปถึงที่ร้าน ผมก็แจ้งจำนวนกับพนักงาน และทางพนักงานก็ได้จัดโต๊ะให้ครับ จากการประเมินด้วยสายตาแล้วร้านมีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ จำนวนเก้าอี้และโต๊ะน่าจะสามารถจุถึง 100 คนได้ครับ โดยตอนที่ผมไปนั้นถือว่าคนค่อนข้างแน่นร้านเลย เหลือที่ว่างน่าจะแค่ราวๆ 20% จากจำนวนที่นั่งทั้งหมดเองครับ ซึ่งส่วนใหญ่แขกที่มารับประทานกันในวันนี้ล้วนแต่เป็นครอบครัวเป็นหลักเลย สาเหตุหลักก็คงเป็นเพราะวันนี้วันพ่อครับ
เมื่อผมนั่งที่โต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็นำเมนูมาให้ครับ หลังจากทที่ผมพิจารณาอย่างยาวนานก็ตัดสินใจสั่ง 2 รายการนี้ครับ
รายการที่ 15 : ผักโขมอบชีสไส้กรอก ราคา 240 บาท
รายการที่ 32 : เอลวิสเบอร์เกอร์ ราคา 220 บาท
สำหรับรายละเอียดว่าแต่ละรายการประกอบด้วยอะไรบ้างก็สามารถอ่านได้ตามภาพด้านล่างเลยครับ อ้อ…….เมนูเอลวิสเบอร์เกอร์นั้นทางพนักงานจะสอบถามเราด้วยนะครับว่าต้องการความสุกของเนื้อระดับไหนครับ สำหรับผมสั่งเป็น Medium ไปครับ
ปล. ผมค่อนข้างชอบเมนูของร้านนี้นะครับ ดูมีการออกแบบที่เก๋ดีคือ ทั้งเล่มจะไม่ได้มีขนาดของแต่ละหน้าเท่ากันหมดครับ แต่จะมีขนาดแตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีภาพประกอบทุกเมนูด้วยครับ ซึ่งทำให้เราจินตนาการภาพอาหารรายการนั้นได้ชัดเจนถูกต้องมากขึ้นครับ
DSCF2007
DSCF2005นอกจากเมนูอาหารแล้ว ผมค่อนข้างชอบบรรยากาศร้านของสาขานี้ด้วยนะครับ เริ่มตั้งแต่การแต่งร้านที่มีลักษณะเพดานสูง ปูนเปลือยดิบๆ โล่ง แทรกด้วยภาพเขียนกวนๆ เป็นบางจุด และการเปิดเพลงที่ฟังแล้วสบายๆ ครับ
นั่งรอซักพัก พนักงานก็นำขนมปังกับเนยมาเสิร์ฟครับ ซึ่งเป็นจุดเด่นของร้านนี้เลยที่จะมีการเสิร์ฟแบบนี้ให้กับทุกท่านที่มาทานก่อนครับ ขนมปังนุ่มๆ อุ่นนิดๆ กับเนยรสชาติดีไม่เค็มมากเป็นการเรียกน้ำย่อยที่ดีมากเลยครับ
DSCF2021
ยังไม่ทันที่ผมจะทานขนมปังหมดพนักงานก็นำอาหารจานแรกมาเสิร์ฟแล้ว ผมถึงกับแอบตกใจเพราะมันเร็วมาก น่าจะไม่ถึง 10 นาทีนับจากที่สั่ง order ไป ตอนแรกที่ผมแอบคิดในใจนี่ผมคิดว่าคนเยอะขนาดนี้น่าจะต้องรอทาน 15 นาทีอย่างต่ำแน่ๆ เรียกได้ว่างานนี้ Surprise กับความรวดเร็วจริงๆ ครับ
จานแรกที่เสิร์ฟก็คือ เอลวิสเบอร์เกอร์ครับ มาเสิร์ฟบนถาดไม้ พร้อมกับเฟรนฟราย ผักกาด หอมใหญ่ มะเชือเทศ และซอสมะเขือเทศครับ
DSCF2025
ตัวเบอร์เกอร์นั้น ขนาดกำลังพอดีมือผมครับ หยิบขึ้นมากัดแล้วก็พอดีปาก พอดีคำ ไม่ใหญ่ ไม่ถึงขั้นทะลักหรือทำให้ต้องอ้าปากสุดจนต้องทานลำบากครับ
ในเบอร์เกอร์นอกจากจะมีเนื้อสับไร้มันแล้วยังมีเบคอนและชีสด้วยนะครับ รสชาติและความสุกของเนื้อที่ทางร้านทำมาพอดีเลยครับ ผมสั่งแบบ medium ไปแต่เมื่อได้ทานได้ดูแล้วด็พบว่าตัวเนื้อดูสุกพอดีๆ ไม่มีเนื้อแดงๆ ให้เห็นครับ
DSCF2028
สำหรับเฟรนฟรายรสชาติอร่อยดีครับ ไม่อมน้ำมัน ผักก็สดดีครับ โดยเฉพาะผักกาดที่กรอบกำลังดี
DSCF2029
DSCF2032
ระหว่างที่ผมกำลังทานเบอร์เกอร์อยู่นั้น พนักงานก็นำอาหารจานที่สองมาเสิร์ฟครับ ผักโขมอบชีสไส้กรอก ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของจานนี้อยู่ราวๆ ซัก 15 ซม. ได้ครับ มีไส้กรอกหมู 5 ชิ้นแปะมาข้างบนครับ
DSCF2039
เมื่อตักลงไปนอกจากจะมีผักโขมกับชีสแล้วยังมีเบคอนด้วยนะครับ ซึ่งปริมาณที่ใส่มาถือว่าเยอะเลยทีเดียวครับ สำหรับในส่วนของรสชาตินั้นอร่อย สอบผ่านครับ
DSCF2034
หลังจากที่ผมทานอาหารคาวทั้ง 2 จานเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มจะมองหาเมนูของหวานตบท้ายครับ และด้วยช่วงนี้ทางร้านได้มี Special Menu ต้อนรับปีใหม่ ผมก็เลยเลือกเปิดดูจากเมนูนี้ครับ
หน้าตาของเมนูประมาณนี้นะครับ เป็นเล่มเล็กๆ ขนาดประมาณ A5 จำนวน 10 หน้าได้ รายการอาหารถ้าผมจำไม่ผิด เปิดมาหน้าแรกจะเป็นเครื่องดื่ม จากนั้นค่อยต่อด้วยอาหารคาว และตบท้ายด้วยของหวานครับ
DSCF2009
โดยเมนูของคาวมีอยู่ 2 อย่างที่ผมเห็นแล้วต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกเลยครับ เพราะว่าน่าทานมาก แต่ดูจากปริมาณแล้วน่าจะเกินกำลังของการกินของเราสองคนมาก มันน่าจะเหมาะกับการมาทาน 3-4 คนขึ้นครับ 2 เมนูที่ว่านั้นก็คือ Basket of Joy และก็ Crispy Pork Leg (ขาหมูทอดกรอบ) ครับ
DSCF2013
DSCF2015
เอาล่ะครับ หลังจากกลืนน้ำลายลงคอเสร็จแล้ว ผมก็เปิดหน้าต่อมาและก็ได้พบกับเมนูของของหวานครับ ซึ่งมีทั้งหมด 2 เมนูได้แก่
  1. Christmas Log Glee (180 บาท) : เครปเค้กมะพร้าวอ่อนที่เลียนแบบรูปร่างของท่อนไม้ที่ถูกเลื่อยมาครับ
  2. Christmas Tree Delight (290 บาท) : ต้นคริสต์มาสที่ประกอบจากแป้งฟัฟกรอบ, วิปครีม, โรสแมรี่ และสตรอเบอร์รี่สีแดงสด
หลังจากที่ผมกับภรรยาชั่งใจอยู่นาน ในที่สุดผมก็ตัดสินใจสั่งเป็นรายการที่สองครับ Christmas Tree Delight เพราะมันดูน่ารักดีครับ อยากเอามาถ่ายรูปเล่น ฮาๆๆๆ
ปล.สารภาพตามตรง จากที่ผมเห็นรูป Christmas Tree Delight ในเมนูครั้งแรกผมคิดว่าจะเป็นไอศครีมหรืออะไรเย็นๆ คงเพราะด้วยการตกแต่งและภาพลักษณ์ของต้นคริสต์มาสที่สื่อถึงอะไรหนาวๆ หรือหิมะ ทำให้ผมเผลอคิดแบบนั้นไป ฮา
DSCF2016
นั่งรอไปราวๆ 10-15 นาทีได้ เจ้า Christmas Tree Delight ก็ถูกนำมาเสิร์ฟครับ โดยครั้งนี้ถือว่านั่งรอค่อนข้างนานเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวลาที่ผมนั่งรออาหารคาว 2 จานแรก อย่างไรก็ตามระหว่างที่ผมนั่งรอนานๆ อยู่นั้น ทางพนักงานที่รับออเดอร์ก็ใส่ใจและให้บริการค่อนข้างดีนะครับ ด้วยการเข้ามาพูดคุยและบอกว่าจะรีบติดตามออเดอร์ให้ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากสอบถามเลยครับ
หน้าตาของมันประมาณนี้ครับ ถ้าเทียบกับภาพในเมนูแล้วถือว่าค่อนข้างเหมือนมากนะครับ แต่ภาพผมอาจจะสวยไม่เท่า เพราะฝีมือถ่ายภาพมันคนละระดับกันครับ T____T
DSCF2047
ตอนที่มาเสิร์ฟนั้น มันน่ารักมากจนกระทั่งโต๊ะข้างๆ สนใจหันมามอง และพูดคุยด้วยเลยครับว่ามันน่ารักดี ฮา
ขนาดความสูงของต้นคริสต์มาสมีแป้งฟัฟทั้งหมดราวๆ 8 ชั้นครับ ไล่ระดับขนาดลงไปเรื่อยๆ และเมื่อลองเทียบกับความสูงของช้อนที่ใช้ทานของหวานแล้วก็ถือว่าเจ้าต้นคริสต์มาสนี่สูงกว่าช้อนพอควรเลยครับ ลองเทียบดูกับภาพได้ครับ
DSCF2051
นอกจากต้นคริสต์มาสแล้ว สิ่งที่มาเสิร์ฟด้วยกันจะมีถ้วยเล็กๆ ที่ใส่นมข้นหวานมาให้อีก 1ถ้วยด้วยนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าวิธีทานจริงๆ นั้น ต้องราดลงไปที่ต้นคริสต์มาสเลยหรืออย่างไร แต่สำหรับผมสองคนแล้ว เราใช้วิธีค่อยๆ เอาช้อนตักนมข้นหวานแล้วมาราดเองทีละนิดครับ
รสชาติโดยรวมๆ ถือว่าอร่อยครับ ออกมาแนวกับที่ทางร้านเขียนไว้ในเมนูเลยคือ ให้อารมณ์การกินโรตีกับนมข้นหวานครับ และที่ผมประทับใจสุดในเมนูนี้คือ สตรอเบอร์รี่ที่ใส่มาให้นั้นนอกจากจะเยอะแล้วยังรสชาติดี ไม่เปรี้ยว ที่สำคัญเป็นสตรอเบอร์รี่สดด้วยครับ
DSCF2054
เมื่อผมทานเจ้าต้นคริสต์มาสนี้เสร็จ ผมก็ทำการเช็คบิลครับ ค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ทั้งหมดก็ 858 บาทครับ แบ่งเป็นค่าอาหารจริงๆ 780 บาท และ Service Charge 10% อีก 78 บาทครับ
เอาล่ะครับ ก็ได้เวลาสรุปข้อมูลของร้านนี้กันแล้วนะครับ ผมขอแยกเป็นข้อๆ ตามเดิมนะครับ
รสชาติอาหาร : ทั้ง 3 เมนูที่ผมทานในวันนี้ไม่มีอะไรติเลยครับ รสชาติสอบผ่านสบายๆ  เนื้อในเอลวิสเบอร์เกอร์นุ่มกำลังดี ผักโขมอบชีสก็เครื่องเยอะ และของหวานก็ไม่หวานจนเกินไปครับ ที่สำคัญน่ารักมากครับ ฮา
ความหลากหลายของอาหาร : เมนูของทางร้านจะเป็นแนวไทย-นานาชาติ ดังนั้นนอกจากจะมีทั้งแบบแนวไทยจ๋าอย่างข้าวเหนียวหมูย่าง แล้วก็มีอาหารนานาชาติหลากหลายแบบทั้งเบอร์เกอร์ สปาเกตตี้ เสต๊กและอื่นๆ อีกมากมายครับ เรียกได้ว่าสามารถไปทานกับเพื่อนหรือครอบครัวกลุ่มใหญ่ๆ ได้สบายๆ ครับ
ความสะอาดของร้าน : สะอาด และไม่มีอะไรขัดหูขัดตาครับ และด้วยการแต่งร้านแนว loft ที่หลังคาสูง ปูนเปลือย ดูโล่งๆ ยิ่งทำให้ดูสะอาดตามากยิ่งขึ้นครับ
การบริการของพนักงาน : ข้อนี้นอกจากจะใช้คำว่าสอบผ่านแล้ว ยังสามารถใช้คำว่าดีเยี่ยมได้เลยครับ เพราะพนักงานทุกท่านถือว่าบริการดีและรวดเร็วเลยทีเดียวครับ สอบถามและขออะไรได้รวดเร็วมากครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : สำหรับสาขา The Circle ราชพฤกษ์นั้น เป็นสาขาที่น่าจะเหมาะกับคนที่มีรถเป็นหลักเท่านั้นครับ โดยมีที่จอดรถบริการ แต่ถ้ามาในช่วง Prime time อย่างหัวค่ำก็อาจจะต้องใช้เวลาในการวนหาที่จอดนานหน่อยครับ อย่างวันนี้ผมก็ใช้เวลาในการวนหาที่จอดรถเกือบ 15 นาทีได้เลยครับ แต่สำหรับหลายสาขาก็มีทำเลที่ตั้งอยู่ในห้างซึ่งมีรถไฟฟ้าผ่าน น่าจะทำให้สะดวกกับการไปใช้บริการมากขึ้นครับ
ความคุ้มค่า : โดยส่วนตัวถึงรสชาติอาหารจะดี การบริการดี บรรยากาศดี แต่ผมยังติอยูนิดนึงครับว่าราคาแอบสูงไปเล็กน้อย  อย่างผมไปทานกันสองคนวันนี้ก็ 858 บาท/คน หรือราวๆ 429 บาท/คนครับ ถ้าราคาต่ำกว่านี้ประมาณ 5-10% น่าจะดีกว่านี้ครับ
สรุป : ร้าน Greyhound Café เป็น 1 ในร้านที่ผมคิดว่าลงตัว ดูดีทั้งอาหาร รสชาติ บรรยากาศและการบริการของพนักงานครับ เหมาะทั้งการไปทานกับคนรัก เพื่อน หรือครอบครัวครับ ราคาอาจจะสูงไปนิดแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับไหวครับ เพียงแต่ไม่เหมาะที่จะทานบ่อยๆ เท่านั้นเองครับ สำหรับ Special Menu นั้นเท่าที่ผมถามพนักงานมา น่าจะมีบริการจนถึงสิ้นเดือน ม.ค. 59 นะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : Greyhound Cafe
DSCF2057
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ