ปัจจุบันนี้มีร้านราเมนที่เปิดให้บริการในประเทศไทยหลากหลายร้านมาก และแต่ละร้านต่างก็มีจุดขายเป็นของตัวเอง นั่นก็เพราะราเมนนั้นเป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นชอบทานมากๆ และด้วยความใหญ่โตของประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดความแตกต่างทางด้านภูมิศาสตร์ วัตถุดิบ ความชอบเกี่ยวกับราเมนมากมาย แต่ละเขต แต่ละโซนก็เลยก็มีสไตล์ราเมนเป็นของตัวเองที่แตกต่างกันออกไปทั้งน้ำซุป เส้น หรือวิธีการทานครับ
สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปพบกับ Tsukemen (ทสึเคเม็ง) หรือราเมนที่แยกเส้น แยกน้ำ จากร้าน Fujiyama Go Go ครับ ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยครับ
Disclosure : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับประวัติโดยคร่าวๆ ของร้าน Fujiyama Go Go คือ เป็นร้านราเมนที่โด่งดังมากในเมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น และมีสาขาอยู่มากมายทั่วประเทศ มีเมนูเด่นคือ Tsukemen นอกจากนี้ยังเป็นร้านที่ขาย Tsukemen เป็นร้านแรกในประเทศไทยด้วยครับ
วันที่รับประทาน : วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2558
ช่วงเวลา : 12.00-13.00 น.
สาขา : Central ปื่นเกล้า ชั้น G
จำนวน : 2 คน
สำหรับหน้าตาของร้านก็ตามนี้เลยครับ เรียกได้ว่าสวยงามและดึงดูดใจพอสมควรเลยครับ เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าของร้านที่ออกแบบคล้ายกับร้านราเมนเก่าแก่ มีประตูไม้ หลังคากระเบื้อง และโคมไฟสีแดงอันใหญ่ยักษ์แขวนอยู่
นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์ประกอบอีกหลายอัน ตั้งแต่ป้ายอธิบายสรรพคุณ เมนูอาหาร และหน้าตาเชฟญี่ปุ่นหล่อๆ แบบนี้ครับ
มาสคอตของร้าน
และสุดท้ายป้ายนี้แหละที่มีอิทธิพลกับผมมากที่สุด ป้าย Promotion ที่ติดว่า “พิเศษ!! ภายในเดือนนี้หากสั่งเมนู Tsukemen รับฟรี!! ชุดข้าวต้มชีส” ครับ 55555555555555
เอาล่ะครับ เมื่อเราเข้าไปในร้านแล้วก็พบการตกแต่งภายในร้านที่ดูสวยงามสอดคล้องกับภายนอก คือตกแต่งด้วยไม้ ดูโบราณเก่าแก่ มีเคาเตอร์บาร์ที่เห็นการทำงานของพ่อครัว โดยตอนที่ผมไปทานนั้นเหลือโต๊ะว่างเพียงโต๊ะเดียวตรงหลังสุดของร้านครับ เรียกได้ว่าคนแน่นพอควรเลยครับ
เมื่อผมนั่งที่โต๊ะแล้วพนักงานก็นำเมนูมาให้ครับ ผมขออธิบายเป็นหน้าๆ แล้วกันนะครับ
หน้าปกของเมนูเป็นแบบนี้ครับ
หน้าแรกๆ ก็จะเป็นการบรรยายสรรพคุณของร้านครับ intro ให้เรารู้สึกอินกับมันครับ ตั้งแต่การเล่าว่าราเมนร้านเค้าไม่ธรรมดานะ ซุปที่พวกเราจะได้ทานเนี่ยเป็นซุปเข้มข้นต้มกันถึง 2 วัน 2 คืนหรือ 48 ชั่วโมงเลยทีเดียว
Tkukemen (ทสึเคเมน) ของทางร้านก็เป็นเส้นใหญ่ที่ทำเอง แป้งสาลีที่ใช้ส่งตรงมาจากญี่ปุ่นเลยทีเดียว!! แถมทำใหม่สดทุกวัน มันจึงเหนียวและนุ่ม ที่สำคัญยังผลิตโดยปรับเปลี่ยนตามอุณหภูมิและความชื้นอีกต่างหาก @_@
และปิดท้ายหน้า intro ด้วยว่า ที่ร้านของเราเนี่ย มีเมนูเด็ดที่ทุกคนมาแล้วต้องห้ามพลาดที่จะสั่งเด็ดขาด นั่นก็คือ “Cheese Risotto Set” หรือชุดข้าวต้มชีส นั่นเองครับ
เอาล่ะสิ แค่อ่าน Intro นี่ก็ทำให้ใจเต้นตึ๊กตั๊กจนแทบจะอ้าปากสั่งแล้ว แต่ไม่ได้ๆ เราอย่าพึ่งตัดสินใจวู่วาม เราต้องดูเมนูให้ครบๆ ก่อน ครับ
ในส่วนของเมนูมีทั้งหมด 4-5 หน้าครับ หน้าแรกๆ จะเป็น Tsukemen พร้อมวิธีการทานครับ
ถัดมาเป็น Ramen ธรรมดา พร้อม Topping ครับ
และหน้าท้ายๆ จะเป็นเมนูอื่นๆ เช่น ข้าวหน้าหมูชาชู ข้าวหน้าไก่ทอด ไก่คาราเกะ ทาโกะยากิ และเครื่องดื่มครับ
ปิดท้ายด้วยหน้าสุดท้ายปกหลัง ที่กลับมาบิ้วอีกรอบว่าร้านเราไม่ธรรมดานะเฟ้ยยยย ที่เห็นแต่ละอย่างนี่มันมี Story ทั้งนั้นอย่างโคมไฟแดงหน้าร้านเนี่ยก็เป็นศิลปะโคมทำมือ แสดงถึงความรุ่งเรือง สั่งพิเศษมาจากนาโกย่า, หลังคาเนี่ยก็เป็นหลังคาดินเผาอายุกว่า 120 ปี มาจากญี่ปุ่นอีกเหมือนกัน, ชามที่ใช้ก็พิเศษ เบา เป็นศิลปะโบราณผลิตจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และสุดท้ายเชฟที่มากำกับก็เป็นมืออาชีพชาวญี่ปุ่นนะคร้าบบบบ
โอโห้….บิ้วกันอย่างนี้ มันต้องคาดหวังกันพอควรล่ะครับ เอาล่ะหลังจากที่ผมพลิกเมนูไปเมนูมาผมก็ตัดสินใจเลือกสั่ง 2 เมนูนี้ครับ
-
Gyokai Tsukemen (เกียวไค ทสีเคเมน) : เมนูนี้มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำซุป จะเป็นน้ำซุป 2 แบบผสมกันคือ ซุปเข้มข้น+ซุปปลาโอแห้ง นอกจากนี้ยังจะมีมะนาวแถมมาให้ด้วยครับ เมนูชามนี้อยู่ที่ราคา 190 บาทครับ
-
Shoyu Ramen (โชยุ ราเมน) : เป็นราเมนซุปน้ำใส หอมกลิ่นโชยุ ชามนี้ราคา 190 บาท เช่นเดียวกันครับ
สำหรับเมนูชามแรก ผมจะได้แถมชุดข้าวต้มชีส “Cheese Risotto Set” ด้วยนะครับ
หลังจากที่พนักงานรับ order ผมไปด้วยท่าทางที่ผมประทับใจมากๆ โดยการยักคิ้วว่ารับทราบ และพูดเสียงห้วนๆ จนคิดว่าผมแอบไปเหยียบเท้าหรือทำร้ายจิตใจเค้ามาก่อนตอนไหน – -“ ผมก็ลองเปิดดูเมนูเล่นๆ อีกรอบ และผมก็พบสิ่งนี้ครับ
นั่นคือ!! หากคุณคิดว่าคุณหิวมาก หรือคิดว่าถ้วยปกติคุณไม่น่าอิ่ม คุณสามารถสั่งพิเศษแบบเพิ่มเส้นได้ โดยมีให้เพิ่มไปจนถึง 4 เท่าของปกติเลยทีเดียวครับ!! (จ่ายเพิ่มอีก 150 บาท)
ใครอยากลองพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ก็ลองแวะไปดูนะครับ
นั่งรอไปได้ราวๆ 10-15 นาที เมนูแรกก็มาเสิร์ฟครับ นั่นคือ Gyokai Tsukemen (เกียวไค ทสีเคเมน) ครับ
สำหรับคนที่ไม่ทราบว่าว่า Tsukemen คืออะไร มันคือราเมนที่แยกน้ำและแยกเส้นออกจากกันนะครับ โดยทางร้านได้แนะนำวิธีการทานไว้ในเมนูแล้ว ตามภาพนี้ครับ
เริ่มการทานก็คือเราต้องลองชิมเส้นเปล่าๆ ก่อน จากนั้นก็ชิมซุป นำเส้นไปจุ่มในน้ำซุปแล้วก็ทานดูว่ารสชาติตรงใจกับเราหรือยัง หากยังไม่ตรงใจก็ปรุงแต่งให้ได้ถูกปากเราก่อนครับ เมื่อทานไปได้เรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่าซุปเริ่มเย็นก็นำถ้วยน้ำซุปนั้นมาวางบนเตาไฟฟ้าที่ทางร้านติดตั้งไว้ที่โต๊ะแล้วก็ทำการอุ่นซุปให้ร้อนครับ
เมนูนี้สำหรับสาวกคนที่ชอบทานของร้อนๆ แต่เป็นประเภททานช้านี่น่าจะชอบมากนะครับ เพราะไม่ต้องกลัวว่าซุปจะเย็นเนื่องจากเราสามารถอุ่นร้อนเองได้เรื่อยๆ ครับ
เอาล่ะครับ พอทราบวิธีการทานแล้ว เรามาดูหน้าตาของอาหารเราดีกว่าครับ อย่างที่บอกไว้ว่าเมนูนี้จะมีเส้นราเมน 1 ชาม และน้ำซุปแยกออกมาอีก 1 ชาม โดยในชามเส้นราเมนนั้นจะมีมะนาวมาให้ด้วยครับ
เราก็เริ่มจากการพิจารณาชิมเส้นก่อนครับ ลักษณะเส้นค่อนข้างเหลี่ยม และมีขนาดใหญ่ครับ เหนียบหนึบหนับ เย็นเล็กน้อยและค่อนข้างจืดชืดไม่มีรสชาติครับ ผมก็เลยทำการบีบมะนาวใส่ลงไปเพิ่มครับ
ปล. ลองสังเกตบริเวณปลายตะเกียบดูดีๆ นะครับ จะเห็นว่ามีลวดลายขรุขระอยู่ ซึ่งถือเป็นข้อดีมากๆ เลยเนื่องจากทำให้คีบเส้นได้ง่ายขึ้นครับ
มาต่อกันที่น้ำซุปครับ ตัวน้ำซุปรสชาติเข้มข้นดีครับ เมื่อนำเส้นที่บีบมะนาวแล้วจุ่มลงไปแล้วทาน รสชาติที่ได้ออกมาลงตัวดีครับ
ในน้ำซุปนี่มีเนื้อหมูด้วยนะครับ
หลังจากที่เมนูแรกมาได้ราวๆ 10 นาทีจนผมทานจะหมดชามแล้ว เมนูที่สอง รวมทั้งชุดข้าวต้มชีสก็ยังไม่มาซักที ผมจึงได้ตามพนักงานไป โดยพนักงานที่มาคราวนี้เป็นคนละคนกับคนแรก ซึ่งพนักงานคนนี้ดูใส่ใจและรู้สึกได้ถึงการใส่ใจในการบริการที่ดีกว่าคนแรกมากครับ
นั่งรอไปอีกซักพักชุดข้าวต้มชีส “Cheese Risotto Set” ก็มาเสิร์ฟครับ โดยในชุดจะมีข้าว 1 ถ้วย, ไข่ 1 ฟอง และชีสอีก 1 ถ้วยครับ
เมื่อได้อุปกรณ์มาครบแล้ว ผมก็ทำการเปิดเมนูเพื่ออ่านวิธีการทำข้าวต้มชีส ของขึ้นชื่อของร้านนี้ทันทีครับ
เริ่มจากอุ่นซุปที่เหลือของ Gyokai Tsukemen ให้ร้อน จากนั้นก็เติมข้าวลงไปครับ
ตรงนี้หากน้ำซุปเราเหลือน้อย ทางร้านจะมีน้ำซุปปลาแห้งไว้บริการที่บนโต๊ะเราด้วยครับ โดยพนักงานของร้านบอกว่าอย่าเติมลงไปเยอะเพราะเดี๋ยวชีสจะไม่ยืดครับ
น้ำซุปปลาแห้งนี้ผมลองชิมเพียวๆ ดูแล้ว พบว่าเป็นน้ำซุปที่ค่อนข้างจืดมาก แต่รู้สึกได้นะครับว่าป็นน้ำซุปครับ ไม่ใช่น้ำเปล่าธรรมดาๆ
หลังจากเติมข้าวลงไปซักพักแล้ว ก็ทำการตอกไข่ ตีไข่ และเทลงไปในซุปครับ
ตรงนี้ผมแนะนำว่าให้ต้มข้าวนานๆ หน่อยครับ ข้าวจะได้นิ่มๆ เพราะตอนผมทำน่าจะใช้เวลาในการต้มหรืออุ่นน้อยไปหน่อย เม็ดข้าวจึงแข็งไป ไม่รู้สึกถึงความเป็นข้าวต้มเท่าที่ควรครับ
เมื่อเทไข่ลงไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวของชีสครับ เทลงไปให้หมดถ้วยเลย
จากนั้นก็คนๆ และรอเวลาซักพัก แล้วก็ตักรับประทานครับ
ในส่วนของรสชาตินี่ต้องบอกว่าแปลกดีครับ ไม่เคยทานมาก่อน สาวกคนรักชีสน่าจะชอบครับ และคนที่ทานราเมนไม่อิ่ม เจอจานแถมถ้วยนี้เข้าไปน่าจะทำให้อิ่มพอดีๆ ครับ
กินไปกินมาซักพักก็หมดถ้วยครับ ก็เลยทำให้เห็นว่าที่แท้ก้นถ้วยก็เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ได้เป็นแค่ชามดินเผาเพียวๆ
เอาล่ะครับ จบจากเมนูแรกแล้ว ในที่สุดเมนูที่ 2 ก็มาครับ กับ Shoyu Ramen ชามค่อนข้างใหญ่นะครับ
หมุที่ให้มาก็แผ่นใหญ่ใช้ได้ครับ
สำหรับเมนูนี้ โดยภาพรวมผมเฉยๆ กับรสชาติครับ ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก โดยถ้าเทียบกับชามแรก Gyokai Tsukemen (เกียวไค ทสีเคเมน) แล้ว ผมให้ชามแรกชนะครับ
ที่ประทับใจสุดใน Shoyu Ramen ก็คือหน่อไม้ดองครับ ผมว่ามันกรอบ อร่อยมากครับ ถึงกับอยากสั่งเพิ่มเฉพาะหน่อไม้ดองนี่มาทานเลยทีเดียว
เอาล่ะครับ ทีนี้ก็ถึงเวลาเช็คบิลและสรุปกันแล้ว สำหรับค่าเสียหายของมื้อนี้ทั้งหมดอยู่ที่ 440 บาท ครับ เป็นค่าอาหารกับน้ำ 400 บาท และเป็นค่า Service Charge อีก 40 บาท ครับ
ในส่วนของการสรุปข้อมูลของร้านนี้ ผมขอแยกเป็นข้อๆ ตามเดิมนะครับ
รสชาติอาหาร : เมนู Gyokai Tsukemen ซึ่งเป็นการผสมผสานของ 2 น้ำซุปมีความแปลกใหม่และอร่อยถูกปากดีครับ สำหรับชุดข้าวต้มชีสเองก็น่าจะถูกปาก ถูกใจคนรักชีสทั้งหลายครับ แต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบทานชีสอยู่แล้วครับ ทำให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเมนูข้าวต้มชีสนี้ค่อนไปทางเฉยๆ แต่จะมีความรู้สึกว่าว้าว มันแปลกใหม่ ไม่เคยทานมากกว่าครับ ส่วน Shoyu Ramen นั้น นอกจากหน่อไม้ดองที่อร่อยโดดเด้งออกมาแล้ว โดยรวมๆ ผมเฉยๆ กับเมนูนี้ ไม่ได้ประทับใจอะไรครับ
ความหลากหลายของอาหาร : เมนูของทางร้านจะเน้นไปในแนวราเมนมากกว่า มีข้าวและของทางเล่นเล็กน้อย ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่ชอบทานราเมน ผมแนะนำว่ามองร้านใหม่ดีกว่าครับ
ความสะอาดของร้าน : สะอาด สวยงาม ตกแต่งได้น่าประทับใจครับ บางจุดมีการติดกระจกทำให้ร้านดูกว้างขวางขึ้นด้วยครับ
การบริการของพนักงาน : ถ้าไม่ได้พนักงานคนที่สองเข้ามาบริการแทน ต้องบอกเลยว่าผมจะให้คะแนนการให้บริการของพนักงานร้านนี้ติดลบแน่นอนครับ ไม่รู้ว่าพนักงานคนแรกเหนื่อยหรืออารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า แต่ท่าทางการนำเมนูมาให้ การรับ order ถือว่าสอบตกและทำให้รู้สึกไม่ดีจนพาลไปกระทบกับรสชาติอาหารเลยครับ แต่โชคดีที่พนักงานคนที่สองเข้ามาดูแลทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ตรงนี้ผมเลยให้คะแนนเป็นกลางๆ แล้วกันนะครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : สำหรับสาขาที่ผมไปทานนั้นคือ Central ปิ่นเกล้า ถึงจะไม่มีรถไฟฟ้าแต่รถเมล์ก็มีให้บริการหลากหลายสายมากครับ ถือว่าสะดวกสบายพอควรครับ นอกจากสาขานี้ทางร้าน Fujiyama Go Go เองก็มีเปิดบริการอีกหลายสาขาครับ ยังไงลองดูนะครับว่าสาขาไหนที่เราสะดวกที่สุดครับ
ความคุ้มค่า : รวมๆ แล้วถึงราเมนจะชามใหญ่ แต่ราคา 190 บาทนั้นก็ถือว่าสูงพอควรครับ แต่การที่ทางร้านมีโปรโมชั่นช่วงนี้คือแถมชุดข้าวต้มชีสให้สำหรับทุกคนที่สั่งเมนู Tsukemen ผมว่ามันก็ทำให้คุ้มค่ามากขึ้นครับ เพราะโดยปกติชุดข้าวต้มชีสนี่ก็ราคา 60 บาทแล้วครับ
สรุป : ร้าน Fujiyama Go Go เป็นหนึ่งในร้านราเมนที่มีจุดขายของตัวเองพอตัว โดยเน้นที่ Tsukeme (ราเมนแยกเส้น แยกน้ำ) มีเตาไฟฟ้าให้บริการสำหรับอุ่นซุปกรณีที่ไม่ร้อนแล้ว รวมทั้งมีเมนูแปลกๆ ที่ไม่มีที่ร้านอื่นอย่างข้าวต้มชีสเป็นตัวชูโรง ถือว่าเป็นการสร้างความแปลกใหม่ และสีสันได้ดีเลย โดยเฉพาะสำหรับคนชอบทาน ชอบลองครับ อย่างไรก็ตามจากการที่ทางร้านบิ้วๆ อารมณ์ในเมนูค่อนข้างเยอะ รวมทั้งบรรยากาศภายในร้าน ทำให้ผมแอบคาดหวังในเรื่องรสชาติอาหารไว้มากกว่านี้ โดยภาพรวมผมจึงรู้สึกผิดหวังเล็กๆ จากการการทานอาหารในมื้อนี้ครับ T______T
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเรื่องราวการรีวิวต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ สามารถกดติดตามได้ที่เพจ ภรรยาหา สามีใช้ และสำหรับท่านที่อยากจะได้ข้อมูลของร้านนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูข้อมูลตามลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Facebook : Fujiyama Go Go
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ