ขึ้นชื่อว่า Copper Buffet มักจะไม่ทำให้เราผิดหวังครับ จัดโปรโมชั่นหรือเปลี่ยนแปลงอะไรแต่ละครั้งมีแต่ปังๆ ว้าวๆ ทั้งนั้น สมแล้วที่เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่หลายคนชื่นชอบ และสมแล้วกับสโลแกนของร้านเค้าที่ว่า “Only the Finest” ครับ
และในช่วงบรรยากาศส่งท้ายปีเก่า 2563 ต้อนรับปีใหม่ 2564 นี้ ทางร้าน Copper Buffet ก็ได้ทำการจัดโปรโมชั่นที่ทำเอาหลายคนต้องตาค้างและหันกลับไปฟังชัดๆ เพราะใครจะไปคิดว่ารอบนี้พี่เค้าจะเล่นเอาคาเวียร์สีเหลืองทองเกรดพรีเมี่ยมส่งตรงจากผู้ผลิตชั้นนำในฝรั่งเศสมาให้เราทานกันถึงที่เมืองไทยในกล่องสุดหรู!!!
.
.
.
ที่สำคัญสิทธิพิเศษนี้ทั้งคนที่เป็นสมาชิกร้านและไม่ได้เป็นสมาชิกก็สามารถลิ้มลองและเปิดประสบการณ์ได้เหมือนๆ กันเลยล่ะ
และนี่ก็คือเซ็ตคาเวียร์ในกล่องสุดหรูที่ผมบอกครับ บอกเลยว่าดูดีมาก โดยคาเวียร์ในกล่องนี้ได้ถูกผลิตโดย “Kaviari (คาเวียรี่)” ผู้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตคาเวียร์ระดับโลก และมีประสบการณ์ในการผลิตคาเวียร์มานานกว่า 40 ปี นอกจากนี้ที่ผ่านมาทาง Kaviari ยังเน้นแต่ส่งคาเวียร์ของเค้าเข้าไปยังร้านอาหารที่ได้รับมิชลินสตาร์เท่านั้น แทบไม่เคยส่งไปจำหน่ายที่อื่นเลย โดยจำนวนดาวของร้านอาหารที่ทาง Kaviari ส่งคาเวียร์ของตัวเองไปนั้น รวมแล้วมากกว่า 40 ดาวทั่วโลกอีกครับ!!
ดังนั้นพอทาง Kaviari กับ Copper Buffet เค้าได้ร่วมกันทำแคมเปญสุดพิเศษนี้ออกมาก็ต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงจริงๆ ครับ และถือว่าเป็นโชคดีของพวกเรามากๆ ที่จะได้ลิ้มลองคาเวียร์อร่อยๆ แบบนี้โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศหรือไปจองคิวทานอาหารที่ร้านมิชลินสตาร์ให้ยุ่งยาก
อ๊ะ…..แต่ก่อนที่จะไปดูว่าทำยังไงเราถึงจะได้ทานคาเวียร์นี้ที่ร้าน Copper Buffet เราไปดูเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับคาเวียร์กันก่อนดีกว่าครับ เวลาที่เราไปทานจะได้อินกับมันมากยิ่งขึ้น ^^
คาเวียร์คืออะไร?
คาเวียร์ (Caviar) คือชื่ออาหารประเภทนึงครับ โดยหลายๆ คนต่างก็ยกย่องว่านี่คือหนึ่งในประเภทอาหารหรือวัตถุดิบที่มีราคาแพงและรสชาติดีมากของโลกชนิดหนึ่งเลย โดยคาเวียร์นั้นจะถูกผลิตหรือทำขึ้นมาจากไข่ปลาสเตอร์เจียน (Sturgeon) เป็นหลัก และโลกนี้ไม่มีปลาที่ชื่อว่าคาเวียร์นะครับ โดยปลาสเตอร์เจียนนั้นจะมีมากมายถึง 27 ชนิด อีกทั้งยังมีการอาศัยอยู่ในลุ่มน้ำที่แตกต่างกันด้วย และปลาสเตอร์เจียนบางสายพันธ์ที่มีขนาดใหญ่เต็มที่นั้นอาจจะมีความยาวมากถึง 5 เมตร และหนักกว่า 900 กิโลกรัม!! บอกเลยว่าใหญ่มากครับ!!
แต่ๆๆๆ คาเวียร์ที่เราทานกันเนี่ย ส่วนมากจะผลิตมาจากปลาสเตอร์เจียนแค่ไม่กี่สายพันธ์ุเท่านั้นนะครับ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทำคาเวียร์ หรือที่เรียกกันว่า Master of Caviar นั้น บอกว่าปลาสเตอร์เจียนแต่ละสายพันธ์ุหรือแต่ละช่วงอายุต่างก็จะมีผลทำให้รสชาติของคาเวียร์รวมถึงสีสันต่างๆ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น Master of Caviar ที่มีประสบการณ์สูงๆ ก็จะมีความรู้ความสามารถในการเลือกเอาไข่ปลาสเตอร์เจียนในรูปแบบต่างๆ มาแปรรูปเป็นคาเวียร์ให้มีรสชาติที่ดีที่สุดและเป็นเอกลักษณ์ของมันได้ครับ โดยคาเวียร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาในแต่ละครั้งนั้นก็จะมีรสชาติและรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่เหมือนกับการผลิตครั้งอื่นๆ อีกด้วยนะครับ
ส่วนวิธีการผลิตหรือแปรรูปคาเวียร์แบบที่สามารถอธิบายให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายๆ นั้นก็จะมีอยู่ 4 ขั้นตอน ดังนี้ครับ
1. เริ่มจากการนำไข่ของปลาสเตอร์เจียนที่ติดกันอยู่เป็นพวงขนาดใหญ่ ไปขูดกับอุปกรณ์พิเศษเพื่อให้ไข่หลุดออกจากกันเป็นเม็ดๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วทางผู้ผลิตคาเวียร์จะเลือกใช้ปลาสเตอร์เจียนที่มีช่วงอายุระหว่าง 7-12 ปีมาแปรรูป และนั่นเลยเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คาเวียร์มีราคาสูง เพราะมันใช้เวลาในการรอปลาเจริญเติบโตนานมากครับ
2. นำไข่ที่ได้เป็นเม็ดๆ ไปผสมกับเกลือ ซึ่งหลังจากจบกระบวนการนี้แล้ว เราสามารถเรียกสิ่งที่ได้นี้ว่าคาเวียร์ได้แล้วครับ
3. นำคาเวียร์ไปเอจจิ้งภายใต้อุณภูมิ, ความชื้น และเวลาที่ต้องการ ซึ่งขั้นตอนการเอจจิ้งนี้บางครั้งก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนเลย
4. นำคาเวียร์ที่ผ่านกระบวนการเอจจิ้งแล้วบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ จากนั้นก็ส่งไปให้กับลูกค้าหรือวางจำหน่ายต่อไป
เป็นยังไงล่ะครับ อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนก็พอจะเข้าใจบ้างแล้วเนอะว่าคาเวียร์คืออะไร ส่วนใครที่เป็นกังวลว่าผู้ผลิตคาเวียร์เนี่ยเค้าได้จับปลาสเตอร์เจียนมาจากธรรมชาติหรือเปล่า ผมขอบอกให้ทุกคนสบายใจได้เลยว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา ทาง CITES หรืออนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการค้าสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ เค้าได้มีการออกกฏหมายควบคุมการจับและแปรรูปปลาสเตอร์เจียนจากธรรมชาติหลายอย่าง อีกทั้งยังมีการกำหนดปริมาณของคาเวียร์ที่สามารถผลิตได้ในแต่ละปีเอาไว้ด้วย ดังนั้นคาเวียร์ส่วนใหญ่ที่พวกเราเห็นหรือได้ทานกันในตอนนี้จึงมักจะถูกผลิตจากปลาสเตอร์เจียนที่อยู่ในฟาร์มทั้งหมดครับ โดยทางเจ้าของฟาร์มก็จะมีการดูแลและจำลองเรื่องของสภาพน้ำต่างๆ ให้มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด เพื่อให้คาเวียร์ที่ได้นั้นมีรสชาติที่ดีตามต้องการ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คาเวียร์มีราคาสูงครับ เพราะกระบวนการดูแลและทำฟาร์มปลาสเตอร์เจียนนั้นยากมากๆ เลย
Copper Buffet x Kaviari
เอาล่ะ รู้จักเรื่องพื้นฐานของคาเวียร์กันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูคาเวียร์ของ Copper Buffet ซึ่งเป็นพระเอกของเราในวันนี้ดีกว่า โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 ทางร้าน Copper Buffet ได้ร่วมมือกับ Kaviari ซึ่งเป็นผู้ผลิตคาเวียร์ระดับโลกในฝรั่งเศส และมีประสบการณ์ในการผลิตคาเวียร์มากว่า 40 ปี จนในที่สุดก็ได้ออกมาเป็น “คาเวียร์ของ Copper Buffet” ที่มีเอกลักษณ์ทางด้านหน้าตาและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้นคาเวียร์เหล่านี้ยังได้ถูกบรรจุลงในกล่องสุดสวย Limited Edition และส่งตรงมาจากประเทศฝรั่งเศสเลยครับ!!
โดยภายในกล่องสุดสวยนี้จะมีการซีลอย่างดี อีกทั้งมีการบรรจุช้อนพลาสติกขนาดเล็กไว้ข้างในกล่องด้วย ทำให้เราสามารถทานได้อย่างง่ายๆ เลย
และพิเศษไปกว่านั้น ทาง Copper Buffet ยังได้นำกล่องบรรจุคาเวียร์นี้จัดเป็นเซตคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ ให้เราได้ทานกันอย่างสวยงามด้วย โดยเครื่องเคียงที่เค้ามีให้นั้นก็จะประกอบไปด้วยขนมปังบริออช (Brioche), ซอสเสาวรสมะม่วง, ซาวน์ครีม, หอมแดง, ไข่ขาว และไข่แดง จัดกันมาสวยๆ อย่างนี้เลยครับ เห็นแล้วดูพรีเมี่ยมมากๆ
อ้อ ในส่วนของกล่องที่ใส่คาเวียร์มานั้น เราสามารถเอากลับบ้านได้ด้วยนะครับ แค่พวกเครื่องเคียงต่างๆ เอากลับไม่ได้น้า ><
และนี่คือหน้าตาของคาเวียร์ของ Copper Buffet หลังจากที่เราแกะซีลออกครับ จะเห็นว่าเป็นคาเวียร์เม็ดกลมที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งยังมีสีออกไปในทางเหลืองทองด้วย ดูแล้วน่าทานจริงๆ ครับ
ซึ่งลักษณะของคาเวียร์แบบนี้ จะถือว่าเป็นเกรด Kristal ของทาง Kaviari นะครับ โดยคาเวียร์เกรดนี้จะเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างปลาสเตอร์เจียน “Acipenser Schrenki” กับ “Huso Dau” ทำให้ขนาดของไข่ปลามีความใหญ่กว่าเกรดอื่นๆ มีความกลมสวย และมีสีเหลืองอำพันคล้ายทอง นอกจากนี้ในเรื่องของรสชาติก็ยังมีความละมุน และติดกลิ่นหอมของอัลมอนต์ที่ปลายลิ้นด้วย ดังนั้นคาเวียร์เกรดนี้ก็เลยถือเป็นหนึ่งในเกรดที่เชฟระดับโลกโปรดปรานในการนำไปรังสรรค์เมนูต่างๆ มากเลยครับ ^^
วิธีการทานคาเวียร์ของ Copper Buffet
สำหรับวิธีการทานคาเวียร์ของ Copper Buffet นั้น หลักๆ จะมี 2 วิธีนะครับ ใครอยากทานแบบไหนก็จัดไป
วิธีที่ 1 : ลิ้มรสชาติของคาเวียร์ชัดๆ สำหรับวิธีนี้ก็ง่ายมากๆ ครับ เพียงแค่เราตักคาเวียร์มาวางไว้บนบริเวณข้อมือของเราตามรูปด้านล่าง จากนั้นก็ใช้ปากของเราทานคาเวียร์ที่วางไว้บนบริเวณข้อมือนั้นให้หมดภายในคำเดียว วิธีนี้เราจะได้รับรู้รสชาติของคาเวียร์ชัดที่สุด โดยที่ไม่มีวัตถุดิบอื่นๆ มาทำให้รสชาติเปลี่ยนไปครับ นอกจากนี้การวางคาเวียร์ไว้ที่บริเวณข้อมือก่อนทาน จะทำให้เราสามารถสังเกตเห็นสีและกลิ่นของคาเวียร์ได้อย่างชัดที่สุดด้วย เพราะสีของคาเวียร์จะไม่ถูกรบกวนด้วยสีของช้อนที่ตัก ส่วนในเรื่องของกลิ่นนั้นคาเวียร์ที่ดีจะต้องไม่มีกลิ่นเลยนะครับ ^^
หมายเหตุ : ในการตักคาเวียร์ออกจากบรรจุภัณฑ์นั้น ควรใช้ช้อนที่เค้าเตรียมไว้ให้ในการตักนะครับ และหลีกเลี่ยงการใช้ช้อนโลหะไปตักหรือสัมผัสโดนกับคาเวียร์โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รสชาติของคาเวียร์เปลี่ยนไปครับ
วิธีที่ 2 : ทานคู่กับ Brioche และเครื่องเคียง วิธีนี้จะเป็นการทานคาเวียร์คู่กับขนมปังบริออช (Brioche) และเครื่องเคียงต่างๆ ครับ โดยขั้นตอนนั้นก็ไม่ยาก เริ่มจากการหยิบ Brioche ขึ้นมา จากนั้นก็ไล่ตักเครื่องเคียงแต่ละชนิดลงไปบนขนมปัง โดยเรียงจาก ซอสเสาวรสมะม่วง, ซาวน์ครีม, หอมแดง, ไข่ขาว และปิดท้ายด้วยไข่แดง โดยทางร้าน Copper Buffet จะเรียงลำดับของเครื่องเคียงเหล่านี้มาให้เราอยู่แล้ว จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยการตักคาเวียร์ด้วยช้อนที่เค้าเตรียมไว้ให้ลงด้านบนสุด และนำทั้งหมดนั้นเข้าปากของเราเพื่อลิ้มลองรสชาติครับ
รายละเอียดโปรโมชั่นคาเวียร์ของ Copper Buffet
สำหรับผู้ที่อยากจะลิ้มลองรสชาติของคาเวียร์ที่ Copper Buffet และ Kaviari ร่วมกันผลิตนั้น ก็สามารถลองทานที่ร้าน Copper Buffet The Sense ปิ่นเกล้า ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 เลยครับ โดยทางร้าน Copper Buffet จะมีทางเลือกให้เรา 2 อย่าง ดังนี้
Option 1 : โปรสำหรับสมาชิก Copper Buffet
- ผู้ที่มีบัตรสมาชิก Copper Buffet สามารถรับคาเวียร์ เซ็ตนี้ได้ฟรีทันที 1 เซ็ต (มูลค่าเซ็ตละ 2,500 บาท) เพียงแค่โชว์บัตรสมาชิกร้าน และไปทานบุฟเฟต์ราคา 999 บาท/คน พร้อมกัน 10 คน
- สมาชิกที่เลือกรับคาเวียร์เซ็ตนี้จะไม่สามารถเลือกรับส่วนลดค่าอาหารหรือเลือกรับเมนูพิเศษประจำเดือนอื่นๆ ในมื้อนั้นได้อีก
- กรณีที่สมาชิกต้องการทานเมนูพิเศษประจำเดือนด้วย สามารถเลือกรับเป็นเมนูพิเศษประจำเดือนได้ และสั่งคาเวียร์ เซ็ตมาทานเพิ่มต่างหาก ในราคาเซ็ตละ 2,500 บาท
- หากในมื้อดังกล่าวมีการไปทานอาหารมากกว่า 10 คนขึ้นไป คนที่ 11 จนถึงคนสุดท้าย สามารถรับส่วนลดค่าอาหาร 10% สำหรับกรณีชำระด้วยเงินสด และส่วนลด 5% สำหรับกรณีชำระด้วยบัตรเครดิตได้ครับ
สมาชิก Copper Buffer ท่านใด ที่ต้องการสำรองที่นั่งก็สามารถกดเลือกวันและเวลาได้ที่นี่เลยนะครับ
หมายเหตุ : คาเวียร์ 1 เซ็ตจะมีน้ำหนักของคาเวียร์ประมาณ 15 กรัม และบุฟเฟ่ต์ราคา 999 บาท/คน คือราคาบุฟเฟ่ต์ปกติของทางร้านครับ โดยทุกท่านจะสามารถทานเมนูปกติของทางร้านได้ทุกเมนู และไม่มีการจำกัดจำนวนแต่อย่างใด
Option 2 : โปรสำหรับผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก
สำหรับผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกของ Copper Buffet แต่อยากจะลองทานคาเวียร์เซ็ตนี้ก็สามารถทำการจองโปรพิเศษผ่าน Hungry Hub ได้ โดยเค้าจะมีให้เลือก 2 แพคเกจดังนี้ครับ
- แพคเกจเดี่ยว สำหรับทาน 1 ท่าน ราคา 2,599 บาท ในแพคเกจนี้คุณจะสามารถทานบุฟเฟ่ต์ราคา 999 บาทของทางร้าน Copper Buffet ได้ 1 คน และได้รับเซ็ตคาเวียร์สุดพิเศษนี้อีก 1 เซ็ต
- แพคเกจคู่ สำหรับทาน 2 ท่าน ราคา 3,699 บาท ในแพคเกจนี้คุณจะสามารถทานบุฟเฟ่ต์ราคา 999 บาทของทางร้าน Copper Buffet ได้ 2 คน และได้รับเซ็ตคาเวียร์สุดพิเศษนี้อีก 1 เซ็ต
ใครที่ไม่มีบัตรสมาชิกแต่สนใจอยากจะทานก็สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำการจองได้เลยครับ
ก็จบลงแล้วนะครับสำหรับบทความพิเศษ Copper Buffet x Kaviari ในครั้งนี้ ใครที่สนใจอยากจะลองทานอาหารที่ร้าน Copper Buffet รวมถึงลองทานคาเวียร์นี้ก็สามารถกดจองหรือดูรายละเอียดตามลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ บอกเลยว่าคุณภาพอาหารและการบริการของร้านนี้ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน!!!
อ่านรีวิวร้าน Copper Buffet อื่นๆ เพิ่มเติม คลิกที่นี่
อ่านรีวิว Copper2Go & Copper Delivery คลิกที่นี่
ช่องทางการจองและติดต่อร้าน
Line@ : @copperbeyondbuffet (แนะนำให้ติดต่อช่องทางนี้ จะเร็วที่สุดครับ)
Facebook : Copper Buffet
Tel : 092-2811818
Google Map : https://goo.gl/maps/bBAzbDPGGoB5tzUW7 (ชั้น 2 The Sense ปิ่นเกล้า)