Home Travel เชียงราย : เหนือสุดแดนสยาม กับสถานที่เที่ยวห้ามพลาด

เชียงราย : เหนือสุดแดนสยาม กับสถานที่เที่ยวห้ามพลาด

ถ้านับตั้งแต่ที่ผมพอจะจำความได้แบบเป็นชิ้นเป็นอัน ผมน่าจะเคยไปเที่ยวจังหวัดเชียงรายอยู่ 2 ครั้งครับ และแต่ละครั้งมันก็ทำให้ผมได้เจออะไรใหม่ๆ ได้ไปเรียนรู้ ได้ไปเห็น และได้ไปซึมซับสิ่งที่ดีต่างๆ มากมาย และเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับจังหวัดแห่งนี้เพิ่มมากขึ้น วันนี้ผมก็เลยจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับสถานที่เที่ยวในเชียงรายที่น่าสนใจ พร้อมกับที่พักดีๆ ที่เหมาะกับคนแต่ละกลุ่มกันดีกว่า

.

.

.

ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลยคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

1. ดอยตุง

ถ้าเอ่ยถึงจังหวัดเชียงรายขึ้นมา ผมว่าดอยตุงน่าจะเป็นสถานที่แรกๆ ที่ทุกคนนึกถึงครับ เพราะสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญกับคนไทยมาก เนื่องจากที่แห่งนี้มีพระตำหนักดอยตุง สถานที่ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าของพวกเราเคยประทับอยู่ นอกจากนี้ในระหว่างที่สมเด็จย่าทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักแห่งนี้นั้น พระองค์ยังคงทรงงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวเขาในเขตนั้นให้ดีขึ้นผ่านโครงการพัฒนาดอยตุง ทั้งการปลูกป่า, การฝึกอาชีพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเขาเผ่าต่างๆ โดยที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมในอดีตของชาวเขาเหล่านั้นไว้ด้วย จนกระทั่งในที่สุดพระองค์ท่านก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยเป็นแหล่งค้ายาเสพติดระดับโลกให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม และกลายเป็นดินแดนแห่งแรงบันดาลใจที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแวะมาเยี่ยมชมไม่ขาดสายจนถึงทุกวันนี้ครับ

สำหรับสถานที่เที่ยวภายในดอยตุงนั้นจะมีหลายจุดมากตั้งแต่พระตำหนักดอยตุง, หอแห่งแรงบันดาลใจ, สวนแม่ฟ้าหลวง, สวนรุกขศาสตร์ดอยช้างมูบ, พระธาตุดอยตุง จนไปถึงจุดชมวิวต่างๆ ที่มีความสวยงามมากมาย โดยเฉพาะจุดชมวิวบริเวณกิโลเมตรที่ 12 ที่เหมาะกับการชมทะเลหมอกในช่วงเช้าสุดๆ

ส่วนวิธีการเดินทางมาเที่ยวที่นี่แบบที่ดีที่สุดนั้นก็คือการขับรถส่วนตัวมาครับ เพราะดอยตุงนั้นจะอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 1 ชั่วโมง และในเรื่องของระยะเวลาในการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ที่ดอยตุงนั้นผมว่าควรมีเวลาอย่างน้อยซัก 3 ชั่วโมงครับถึงจะเก็บไฮไลท์สำคัญของที่นี่ได้หมด โดยไฮไลท์ที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนต้องดูชนิดที่ห้ามพลาดเลยก็คือ พระตำหนักดอยตุง, สวนแม่ฟ้าหลวง และหอแห่งแรงบันดาลใจครับ

พระตำหนักดอยตุง

พระตำหนักที่ครั้งนึงเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา โดยสถาปัตยกรรมของพระตำหนักแห่งนี้จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมล้านนา, บ้านปีกไม้ และบ้านแบบพื้นเมืองของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายในพระตำหนักจะมีจุดที่น่าสนใจต่างๆ มากมายทั้งห้องพระบรรทม, ห้องทรงงาน, ห้องพระโรง, ห้องเตรียมพระกระยาหาร, ห้องทำพระทนต์ รวมไปถึงภาพถ่ายและสิ่งของต่างๆ ที่เป็นของใช้ส่วนพระองค์ บอกเลยว่าหลายๆ อย่างนั้นการที่เราได้มาเห็นใกล้ๆ กับตาตัวเองแบบนี้ถือเป็นบุญตาของเราสุดๆ ครับ โดยเฉพาะภาพถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ของราชสกุลมหิดล, ผลงานจากฝีพระหัตถ์ของสมเด็จย่า รวมไปถึงเพดานห้องพระโรงที่มีความสวยงามสุดๆ ด้วยการทำเป็นรูปกลุ่มดาวต่างๆ ในจักรวาล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่สมเด็จย่าทรงสนพระทัยและทรงศึกษาจนเชี่ยวชาญครับ

สำหรับการเข้าชมพระตำหนักดอยตุงนั้นเค้าจะเปิดให้เราเข้าชมเป็นรอบนะครับ โดยจะเปิดตั้งแต่เวลา 7.00 – 17.30 น. (หยุดพักเวลา 11.30-12.30 น.) ในระหว่างการเข้าชมหนึ่งรอบนั้นเราจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือหากใครต้องการจะใช้เวลามากกว่านั้นก็ได้ครับ เพราะเค้าไม่ได้มีการจำกัดเวลาไว้ โดยหากใครที่รู้สึกประทับใจหรือต้องการซึมซับบรรยากาศของพระตำหนักแห่งนี้แบบสุดๆ ก็สามารถอยู่ได้เป็นชั่วโมงเลย เพียงแต่ระยะเวลาของเครื่องบรรยายที่ทางเจ้าหน้าที่เค้าแจกให้เราก่อนที่เราจะเดินเข้าไปชมนั้นจะมีความยาวทั้งหมด 30 นาทีครับ โดยเค้าจะมีการกำหนดจุดต่างๆ ที่น่าสนใจในพระตำหนักดอยตุงไว้เป็นหมายเลข หากเราต้องการฟังเรื่องราวในจุดไหนก็เพียงแค่กดหมายเลขนั้นลงไปที่เครื่อง จากนั้นจะมีเสียงที่บรรยายข้อมูลของจุดนั้นมาให้เราได้ฟังครับ ซึ่งเครื่องบรรยายนี้จะมีหลากหลายภาษาเลย รวมทั้งทางเจ้าหน้าที่จะแจกให้ทุกคนได้ใช้บริการฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ

ทั้งนี้ในการเข้าชมพระตำหนักดอยตุงนั้นจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 90 บาท โดยทางพระตำหนักจะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบและไม่มีเจ้าหน้าที่นำชม เราจะต้องเดินชมด้วยตัวเองพร้อมกับเครื่องบรรยายที่ได้รับมา และภายในพระตำหนักนั้นจะห้ามใส่รองเท้า, ห้ามสัมผัสวัตถุต่างๆ รวมทั้งห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด ยกเว้นที่บริเวณระบียงสุดท้ายก่อนถึงทางออกเท่านั้นจึงจะสามารถถ่ายรูปได้ ส่วนบริเวณรอบนอกของพระตำหนักนั้นเราสามารถเดินถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัยครับ

สวนแม่ฟ้าหลวง

สวนแม่ฟ้าหลวง คือ สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามมาก โดยสวนแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมดเกือบ 30 ไร่ ภายในสวนจะประกอบไปด้วยพืชพันธุ์และไม้ดอกที่มีความสวยงามและสีสันสดใสมากมาย รวมทั้งยังมีร้านกาแฟสุดอร่อย, บึงน้ำขนาดกว้าง แล้วก็กิจกรรมสุดสนุก Doi Tung Tree Top Walk ที่จะเปิดโอกาสให้เราได้เดินบนทางเดินที่เชื่อมระหว่างยอดต้นไม้ใหญ่ โดยทางเดินสุดสนุกนี้มีความยาวมากถึง 295 เมตร และอยู่สูงจากพื้นมากกว่า 30 เมตรเลยครับ

ทั้งนี้ในอดีตนั้นพื้นที่ที่สวนแม่ฟ้าหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่เคยเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านอาข่าป่ากล้วยมาก่อน โดยมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 62 ครัวเรือน แต่ด้วยความที่ทำเลที่ตั้งแห่งนี้เป็นหุบลึกลงไป ทำให้บ้านเรือนเหล่านั้นอยู่กันอย่างแออัด ไม่สามารถขยับขยายได้ รวมทั้งยังมีปัญหาในเรื่องของความสะอาด, ขยะ, น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของชาวเขาเหล่านั้นไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุงได้ถือกำเนิดขึ้นมา ทางโครงการจึงขอให้หมู่บ้านย้ายไปอยู่สถานที่แห่งใหม่ที่อยู่ห่างจากเดิมประมาณ 500 เมตร โดยทำเลที่ตั้งของหมู่บ้านใหม่นั้นมีความสะอาด สวยงาม กว้างขวางกว่าเดิมมาก รวมทั้งยังมีระบบน้ำประปา, ระบบไฟฟ้า และถนนลาดยางตัดผ่านด้วย ส่งผลให้ชาวบ้านเหล่านั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ยังเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องของยาเสพติดและอาวุธสงครามด้วย เนื่องจากในอดีตนั้นหมู่บ้านอาข่าป่ากล้วยแห่งนี้ถือเป็นเส้นทางลำเลียงและที่พักระหว่างทางที่สำคัญของคาราวานขนฝิ่น, เฮโรอีน และอาวุธสงครามครับ

สำหรับไม้ดอกไม้ประดับที่เราเห็นในสวนแม่ฟ้าหลวงนั้นจะถูกปลูกและเลี้ยงดูโดยชาวบ้านในโครงการพัฒนาดอยตุงครับ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาทักษะฝีมือทางการเกษตรและเป็นการสร้างงานให้ชาวบ้านเหล่านั้นมีรายได้ที่ดี สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ และยังเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นำรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมมาสู่พื้นที่ปีละหลายล้านบาทด้วย โดยในปี พ.ศ. 2536 สวนแม่ฟ้าหลวง ได้รับรางวัล พาตา โกลด์ อวอร์ด (PATA Gold Award) ประเภทรางวัลการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเอเชีย – แปซิฟิก ด้วยครับ

สวนแห่งนี้ผมแนะนำเลยว่าใครที่ชอบดอกไม้และพืชพันธุ์ต่างๆ ควรหาโอกาสมาเข้าชมเลยครับ ต้นไม้ต่างๆ มีความสวยงามมากโดยเฉพาะในฤดูหนาว มันดีงามและคุ้มค่าต่อการเข้าชมมากครับ ^^

หอแห่งแรงบันดาลใจ

 หอแห่งนี้คือหอที่ผมอยากจะให้ทุกคนเผื่อเวลามาเข้าชมอย่างน้อยซัก 30 นาทีครับ  และหอแห่งนี้คือหนึ่งในความประทับใจสุดๆ ของผมที่มีต่อดอยตุง ภายในหอแห่งแรงบันดาลใจคุณจะได้พบกับเรื่องราวต่างๆ มากมายของราชสกุลมหิดล คุณจะได้เห็นรูปภาพที่คุณอาจจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน คุณจะได้อ่านข้อความหลายๆ ข้อความที่คุณจะต้องประทับใจจนทำให้น้ำตาไหลเป็นทาง คุณจะได้รับรู้เรื่องราวของสมเด็จย่าตั้งแต่สมัยเด็กจนถึงวันที่พระองค์เสด็จสวรรคต คุณจะได้เห็นเรื่องราวการทรงงานอันหนักหน่วงของพระองค์ท่านโดยเฉพาะโครงการพัฒนาดอยตุงที่ท่านทรงทุ่มเทมาก แม้พระองค์ท่านจะมีพระชนมายุมากกว่า 90 ปีแล้ว และที่นี่คุณจะได้รับแรงบันดาลใจมหาศาลเพื่อกลับไปดำเนินชีวิตและพัฒนาประเทศต่อครับ

เชื่อผมเถอะว่าถ้าคุณได้มีโอกาสมาที่ดอยตุงแล้ว หอแห่งแรงบันดาลใจแห่งนี้คือหนึ่งในสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดเข้าชมโดยเด็ดขาด แม้รูปร่างภายนอกและลูกเล่นภายในนิทรรศการแห่งนี้จะดูเรียบๆ ไม่หวือหวา แต่เนื้อหาและพลังงานที่หอแห่งนี้ส่งออกมานั้นมันล้ำค่าและมีพลังมากครับ

คำเตือน!! สำหรับผู้ที่มีความอ่อนไหวสูงควรหาทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าเข้าไปซับน้ำตาด้วยนะครับ

และทั้งสามที่นี้คือไฮไลท์ของการมาเที่ยวดอยตุงที่ผมว่าทุกคนไม่ควรพลาดครับ แต่ทั้งนี้ภายในดอยตุงยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น พระธาตุดอยตุง พระธาตุประจำปีกุน (หมู), สวนรุกขศาสตร์ดอยช้างมูบ เป็นต้น นอกจากนี้สำหรับใครที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่ดอยตุงในช่วงที่มีงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุงด้วยแล้ว ยิ่งจะได้เห็นสิ่งที่สวยงามและได้รับความประทับใจกลับไปเพิ่มกว่าปกติอีกเพียบเลยครับ โดยงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุงนั้นจะเป็นงานที่ทางโครงการพัฒนาดอยตุงจัดเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ภายในงานจะมีกิจกรรมสนุกๆ ของชาวเขาเผ่าต่างๆ, อาหารท้องถิ่นสุดอร่อย แล้วก็กิจกรรมอีกเพียบเลยครับ ใครจะไปเชียงรายช่วงนั้นก็ลองเช็คโปรแกรมนะครับว่าปีนั้นเค้าจัดวันไหนและมีกิจกรรมอะไรเด่นๆ บ้าง จะได้ไม่พลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ไปครับ

2. ไร่บุญรอด (สิงห์ ปาร์ค)

ไร่บุญรอด หรือสิงห์ ปาร์ค (Singha Park) ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชียงรายที่มาแรงมากในช่วง 3-4 ปีนี้ โดยเฉพาะ 2 กิจกรรมเด่นของเค้านั่นก็คือ งานเทศกาลบอลลูนนานาชาติในเดือนกุมภาพันธ์ และงานเทศกาลดนตรีในช่วงเดือนพฤศจิกายน ทั้งสองกิจกรรมนี้ถือเป็นกิจกรรมที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจไปร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากครับ

แต่ทั้งนี้นอกเหนือจากสองกิจกรรมเด่นประจำปีแล้ว ภายในสิงห์ ปาร์คนั้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายและเราสามารถไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปีเลย ทั้งการนั่งรถรางชมสวน, ดูการชงชาญี่ปุ่น, เดินถ่ายรูปในไร่ชาเก๋ๆ, ชมสัตว์ป่าน่ารักแบบใกล้ชิด, ให้อาหารหงส์และปลา, วัดพลังใจตัวเองผ่านกิจกรรมปีนผาและ Zip Line, ถ่ายรูปชิคๆ กับบ้านสไตล์ยุโรป, ปั่นจักรยานผ่านเส้นทางที่สวยงาม หรือการนั่งกินอาหารอร่อยๆ พร้อมสูดบรรยากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดครับ

ใครที่ชอบกิจกรรมสไตล์นี้ หรือชอบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรก็ลองหาโอกาสแวะไปที่นี่ดูนะครับ โดยปัจจุบันนี้สิงห์ ปาร์ค ถือแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่มากกว่า 8,000 ไร่  มีกิจกรรมสนุกๆ ให้เราทำมากมาย โดยเราสามารถนั่งรถรางของทางสิงห์ ปาร์ค เที่ยวชมจุดท่องเที่ยวต่างๆ ได้โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่ถ้าใครที่ต้องการเล่นกิจกรรมอะไรพิเศษเพิ่มเติมก็ต้องเผื่อเวลาอีกนิดนะครับ โดยกิจกรรมที่ผมว่าน่าสนใจและไม่ควรพลาดเลยก็คือการเล่น Zip Line ที่มีเส้นทางยาวมาก ยาวจนหลายคนกรี๊ดสุดเสียงแล้วยังไม่ถึงปลายทางเลยครับ!!!

ส่วนใครที่เป็นสายกินและสายชิล ภายในสิงห์ ปาร์ค แห่งนี้ก็มีร้านอาหารอร่อยและบรรยากาศดีให้บริการอยู่มากมายเลยครับ อย่างร้าน Barn House ซึ่งเป็นร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างของหอคอย Zip Line ก็เป็นร้านอาหารสไตล์ยุโรปที่มีอาหารประเภทสเต๊กและพิซซ่าที่อร่อยมากครับ ใครชอบอาหารประเภทนี้ลองแวะไปทานดูนะครับ

3. วัดพระแก้ว

เที่ยวนอกเมืองไป 2 ที่แล้ว คราวนี้ผมขอแนะนำที่เที่ยวในเมืองที่เดินทางสะดวกๆ กันบ้างดีกว่าครับ โดยสถานที่แรกที่ผมอยากจะแนะนำก็คือวัดพระแก้ว โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ใจกลางเมืองเชียงราย และเป็นวัดที่ได้มีการค้นพบพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ วัดศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ ในปัจจุบันนี้ครับ

โดยตามประวัติศาสตร์นั้นมีการเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 1897 ในสมัยที่พระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าเมืองครองเชียงใหม่นั้น ได้เกิดฟ้าผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่ง และทำให้ได้พบกับพระพุทธรูปลงรักปิดทองซึ่งอยู่ภายในเจดีย์นั้น ต่อมาเมื่อรักด้านนอกได้ถูกกะเทาะออกไปก็พบว่าพระพุทธรูปองค์นั้นเป็นพระพุทธรูปสีเขียวที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหยกครับ และในเวลาต่อมาพระแก้วมรกตก็ได้ถูกอัญเชิญย้ายไปประดิษฐานที่วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ ส่วนในปัจจุบันนี้วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย ก็ได้มีการประดิษฐานพระหยกองค์ใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นในวาระที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมีพระชนมายุครบ 90 พรรษาครับ

ใครมีเวลาเดินเที่ยวเล่นในเมืองเชียงรายซัก 1-2 ชั่วโมง วัดแห่งนี้เป็นวัดแรกๆ ที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนไปกราบไหว้เลยครับ

4. วัดพระสิงห์

วัดพระสิงห์ เป็นอีกวัดหนึ่งในจังหวัดเชียงรายที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนที่มีเวลาเข้าไปกราบไหว้และชมความงามต่างๆ มากครับ เพราะวัดแห่งนี้มีความสวยงามมาก โดยวัดพระสิงห์แห่งนี้เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่มาตั้งแต่โบราณกาล รวมทั้งยังเป็นศาสนสถานอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดเชียงรายด้วย นอกจากนี้ที่วัดแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์อีกหนึ่งพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยด้วยครับ โดยพระพุทธสิหิงค์หรือพระสิงห์นั้น คือ พระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีความสวยงาม และชาวเมืองเชียงรายรวมไปถึงประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ความศักดิ์สิทธิ์ สามารถยังความสงบร่มเย็น และเป็นมิ่งขวัญของทุกคนในทุกยุคทุกสมัยเลยครับ

5. อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช

พ่อขุนเม็งรายเป็นราชโอรสของพระเจ้าลาวเมงแห่งราชวงศ์ลั๊วจักราช ผู้ครองหิรัญนครเงินยาง กับพระนางอั้วมิ่งจอมเมือง หรือพระนางเทพคำขยาย ราชธิดาของท้าวรุ่งแก่นชายเจ้าเมืองเชียงรุ้ง โดยเมื่อพระองค์มีพระชนม์ได้ 16 พรรษา พระบิดาของท่านได้สู่ขอธิดาเจ้าเมืองเชียงเรืองมาเป็นคู่อภิเษกแล้วโปรดให้พระองค์เป็นมหาอุปราช ต่อมาเมื่อพระเจ้าลาวเมงสวรรคตในปี พ.ศ. 1802 พ่อขุนเม็งมายจึงได้ครองเมืองหิรัญนครเงินยางสืบแทน โดยในขณะนั้นพระองค์มีพระชนม์มายุเพียง 21 พรรษาเท่านั้น

เมื่อพ่อขุนเม็งรายขึ้นครองราชย์ก็พบว่าเมืองเล็กเมืองน้อยต่างๆ ในแคว้นลานนาเกิดการแตกความสามัคคี และตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่กัน ทั้งๆ ที่เจ้าเมืองส่วนใหญ่ก็เป็นพระญาติของพระองค์ที่สืบเชื้อสายมาจากลั๊วจักราชด้วยกันทั้งนั้น พ่อขุนเม็งรายจึงมีพระดำริที่จะรวบรวมเมืองใหญ่น้อยทั้งหลายเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกัน เพื่อความสงบสุขของอาณาประชาราษฎร์ซึ่งต่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน และในที่สุดพระองค์ก็สามารถทำได้สำเร็จ โดยพระองค์ได้สถาปนาเมืองเชียงรายเป็นราชธานีแห่งแรกและในเวลาต่อมาก็ได้ทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ขึ้นมาแทนเมืองเชียงราย นั่นก็คือ “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” หรือจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบันนั่นเองครับ

ใครที่ได้มีโอกาสไปเชียงรายเป็นครั้งแรกก็ลองหาโอกาสไปกราบไหว้ท่านนะครับ โดยตลอดทั้งวันเราจะเห็นเลยว่ามีคนมากราบไหว้ท่านเป็นจำนวนมาก โดยบางครั้งก็จะมีคนมารำถวายด้วยครับ

6. ถนนคนเดิน เชียงราย

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงรายที่เที่ยวง่ายๆ มา 3 ที่แล้ว แต่ผมคิดว่าวัยรุ่นและขาช้อป ขากินทั้งหลายน่าจะยังไม่ค่อยโดนใจกันใช่มั้ยครับ ดังนั้นสถานที่เที่ยวลำดับต่อไปผมก็เลยจะขอเอาใจทุกคนด้วยการพาไปรู้จักกับถนนคนเดิน เชียงราย (Chaingrai Walking Street) ครับ โดยถนนคนเดิน เชียงราย หรือกาดเจียงฮายรำลึกนี้จะมีทุกวันเสาร์ ที่บริเวณถนนธนาลัยสุดสาย ซึ่งป็นถนนที่อยู่ใจกลางเมืองเชียงรายเลยครับ

สำหรับถนนคนเดินแห่งนี้ถือเป็นถนนคนเดินที่ผมว่ามีความคึกคักมาก มีของจำหน่ายมากมายทั้งของกิน, ของใช้, ของที่ระลึก, ของแฮนด์เมด, ของพื้นเมือง และเสื้อผ้า โดยเฉพาะของกินนั้นผมว่าหลายๆ อย่างหน้าตาดี รสชาติเยี่ยมเลยครับ

นอกจากที่ถนนคนเดิน เชียงรายจะมีของจำหน่ายมากมาย และมีจำนวนร้านค้าที่มหาศาลขนาดที่คนชอบช้อปเดิน 2-3 ชั่วโมงก็ยังไม่ทั่วแล้ว ที่ถนนคนเดินแห่งนี้ยังมีไฮไลท์ทีเด็ดที่ไม่เหมือนใครด้วย นั่นก็คือเค้าจะมีลานให้ทุกคนมาเต้นรำวงกัน โดยเราจะเห็นผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาเต้นรำวงกันอย่างสนุกสนานเลยครับ ใครที่ชอบเที่ยวสไตล์นี้วางแผนตัวเองไว้เลยนะครับว่าจะต้องมาเชียงรายโดยให้มีคืนวันเสาร์อยู่ในแผนด้วย เพราะเค้าจะเปิดแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น โดยจะเปิดขายกันตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึงเวลา 24.00 น. เลย

และถ้าใครได้มีโอกาสไปถนนคนเดิน เชียงรายในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ก็ให้ลองเดินผ่านไปที่สวนตุงและโคมนครเชียงราย ซึ่งจะอยู่บริเวณกลางๆ ของถนนคนเดินด้วยนะครับ เพราะที่นี่เค้ามักจะมีการจัดงานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งามในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งผมเองก็ได้มีโอกาสไปเดินมาครับ สวยงามอลังการมาก หลายๆ จุดจัดออกมาได้ดีเลย คนที่ชอบดอกไม้หรือชอบถ่ายรูปต้องมีร้องกรี๊ดเพราะถูกใจอย่างแน่นอนครับ

7. สวรรค์บนดิน ฟาร์ม แอนด์ โฮมสเตย์

(Sawanbondin Farm & Home Stay)

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงรายสถานที่ที่ 7 นี้ ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับสวรรค์บนดิน ฟาร์ม แอนด์ โฮมสเตย์ (Sawanbondin Farm & Home Stay) สถานที่ที่คุณ “โต” ชูเกียรติ เวสารัชชพงศ์ อดีตช่างภาพที่ทำงานในเมืองกรุงได้ตัดสินใจหันหลังและทิ้งงานทั้งหมดเพื่อมาอยู่ที่นี่ เพราะต้องการรักษาคุณพ่อที่ล้มป่วยลงจนไม่สามารถเดินได้ โดยคุณโตได้เลือกใช้วิธีการรักษาด้วยวิถีธรรมชาติบำบัด โดยการเลือกสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ อยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ จากนั้นก็เริ่มปลูกต้นไม้, พืชผัก สมุนไพรนานาชนิด พร้อมทั้งศึกษาความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรเพิ่มเติม จนในที่สุดคุณพ่อของคุณโตก็มีอาการที่ดีขึ้น จนสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งครับ

หลังจากนั้นคุณโตก็ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตกับครอบครัวอยู่ที่สถานที่แห่งนี้ต่อ โดยใช้วิถีชีวิตแบบเรียบง่าย และเปิดโอกาสให้คนภายนอกได้เข้ามาศึกษาและเรียนรู้วิถีชีวิตเหล่านี้ผ่านร้านชาสุดอร่อย แล้วก็โฮมสเตย์ขนาดเล็กที่ทุกคนจะได้สัมผัสกับธรรมชาติบริสุทธิ์อย่างใกล้ชิดครับ

ใครที่เป็นคนชอบทานชาผมแนะนำให้หาโอกาสไปที่นี่เลย ชาสมุนไพรของเค้าแปลกใหม่และอร่อยมาก โดยเฉพาะอัญชันลาเต้ มันอร่อยนุ่มละมุนลิ้นสุดๆ นอกจากนี้สำหรับคนที่ชอบงานปั้น คุณโตก็ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่มีความสามารถด้านนี้ครับ เค้ามีโรงปั้นส่วนตัวของเค้าด้วย โดยหากใครที่สนใจอยากจะทำ workshop งานปั้นเล็กๆ เค้าก็มีบริการสอนด้วยครับ

ใครที่มีเวลาไม่มากก็หาเวลาซัก 1-2 ชั่วโมงแวะไปชิมชาและเรียนรู้วิถีชีวิตแบบเรียบง่ายดูนะครับ แต่ถ้าใครที่มีเวลาเยอะหน่อย และอยากจะหาที่พักสไตล์โฮมสเตย์นอนค้างคืนในเชียงรายอยู่แล้ว การที่คุณเลือกไปนอนที่นี่มันจะทำให้คุณได้ซึมซับและเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะเลยครับ

8. บ้านดอยดินแดง

เมื่อกี้เราได้พูดถึงเกี่ยวกับงานปั้นไปนิดๆ แล้ว ดังนั้นสถานที่เที่ยวถัดไปผมก็เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับบ้านดอยดินแดง อีกหนึ่งของดีเมืองเชียงรายที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในแวดวงคนชอบงานศิลปะประเภทงานปั้นดินเผา โดยผู้ก่อตั้งบ้านดอยดินแดง หรือ ‘คุ้มดอยดินแดง’ ขึ้นมานั้นก็คือ คุณสมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเชียงรายผู้ที่ได้มีโอกาสไปร่ำเรียนวิชางานปั้นจาก คุณนากาซาโตะ ทารุเอมอน ศิลปินเซรามิกชื่อดังของเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น โดยหลังจากที่คุณสมลักษณ์ได้ร่ำเรียนวิชาที่ญี่ปุ่นนานถึง 5 ปี ท่านก็ได้กลับมาที่เชียงรายซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน และทำการก่อตั้งบ้านดอยดินแดงขึ้นมาในปี พ.ศ. 2543 เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานปั้น โดยจุดเด่นสุดๆ ของงานปั้นของคุณสมลักษณ์ก็คือจะใช้วัตถุดิบทุกอย่างจากธรรมชาติทั้งหมด แม้กระทั่งสีที่นำมาผสมหรือเคลือบนั้นก็เป็นสีจากธรรมชาติครับ ดังนั้นงานแต่ละชิ้นที่ออกมาจึงเป็นงานที่มีเอกลักษณ์และมีเพียงชิ้นเดียวในโลกจริงๆ

ใครที่ชอบงานศิลปะประเภทนี้ก็ลองหาเวลาแวะไปดูนะครับ โดยเราสามารถใช้เวลาอยู่ที่นี่ 2-3 ชั่วโมงได้เลย เพราะที่บ้านดอยดินแดงแห่งนี้จะมีงานเครื่องปั้นดินเผาที่สวยงามให้เราดูมากมายเลยครับ ส่วนคนที่ชอบถ่ายรูป ที่นี่ก็มีมุมและแอคชั่นสวยๆ ให้เรากดชัดเตอร์เพียบเลย

9. บ้านดินอาข่า ณ บ้านหล่อโย

จังหวัดเชียงรายถือเป็นจังหวัดที่มีชาวเขาเผ่าต่างๆ อาศัยอยู่เยอะมาก ดังนั้นคงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากเรามาที่จังหวัดแห่งนี้แล้วไม่ได้มีโอกาสไปเรียนรู้หรือทำความรู้จักกับวิถีชีวิตของชาวเขาเหล่านั้นครับ

สำหรับตัวผมเองผมเคยมีโอกาสไปใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายที่บ้านหล่อโย จังหวัดเชียงรายมา โดยที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าอาข่าที่ยังมีวิถีชีวิตที่น่ารัก เรียบง่าย และยังมีการละเล่นต่างๆ ที่เป็นวัฒนธรรมของเค้าหลงเหลืออยู่เยอะเลย ที่สำคัญที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามและมีโฮมสเตย์ที่บรรยากาศดี ราคาไม่แพงให้บริการอยู่ด้วยครับ

ใครที่ชอบท่องเที่ยวสไตล์นี้ลองหาเวลาไปที่นี่นะครับ แม้จะอยู่ไกลจากตัวเมืองนิดนึงแต่ว่ามันคุ้มค่าแก่การเดินทางไปมาก โดยระยะเวลาที่ผมแนะนำให้ทุกคนไปก็คือ 2 วัน 1 คืน และทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดของทริปหมู่บ้านหล่อโยที่ผมเคยเขียนได้ที่นี่เลยครับ

10. ไร่ชา 101

แฮะๆ ใครหลายคนก็น่าจะพอรู้ใช่มั้ยครับว่าเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีไร่ชาอยู่เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญคุณภาพของชาที่มาจากจังหวัดแห่งนี้ก็ยังดีมากอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากผมจะไม่พูดถึงไร่ชาเลยก็คงจะแปลกๆ เนอะ โดยไร่ชาภายในจังหวัดเชียงรายนั้นก็มีมากมายหลายสิบแห่ง แต่ไร่ชาที่ผมอยากจะแนะนำก็คือไร่ชา 101 ครับ เพราะสถานที่แห่งนี้สามารถพ่วงกับการไปดอยแม่สลองรวมถึงหมู่บ้านหล่อโยได้ครับ

ไร่ชา 101 นั้นตั้งอยู่ที่ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยที่นี่ถือเป็นแหล่งปลูกชาที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกบนดอยแม่สลองที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมและถ่ายรูปครับ และที่นี่เค้ายังเคยได้รับรางวัลต่างๆ มากมายอีกด้วย โดยในการเที่ยวชมไร่ชาต่างๆ นั้นเราสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่ผมว่ามีความสวยงามมากที่สุดก็คือช่วงเช้าๆ ของตอนปลายฝนต้นหนาวครับ

สำหรับใครที่ได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวไร่ชาต่างๆ นั้น อย่าลืมเผื่อเวลาในการเดินถ่ายรูปแล้วก็เวลาในการดูเค้าชงชา ชิมชาด้วยนะครับ เราจะได้ความรู้และซึมซับบรรยากาศต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยไร่ชาใหญ่ๆ ส่วนใหญ่นั้นจะเปิดโอกาสให้เราเดิมชมสวนและชิมชาต่างๆ ฟรีอยู่แล้ว หากใครชิมแล้วประทับใจชาชนิดไหนเป็นพิเศษก็ค่อยซื้อกลับมาครับ

อ้อ….ทิ้งท้ายเป็นข้อมูลให้นิดนึงนะครับ จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีพื้นที่เพาะปลูกชารวมกันเกือบ 100,000 ไร่เลยทีเดียว โดยปริมาณพื้นที่ขนาดนี้ถือเป็นแหล่งปลูกชาอันดับที่ 14 ของโลกเลยครับ ดังนั้นชาที่เค้าปลูกกันในแถบนี้ก็เลยถูกส่งออกไปขายทั่วโลกมากกว่า 85% เลย ^^

เอาล่ะครับ และตอนนี้ผมก็พาทุกคนไปรู้จักกับสถานที่เที่ยวในเมืองเชียงรายที่น่าสนใจไปถึง 10 สถานที่แล้ว แต่จริงๆ แล้วภายในจังหวัดแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ภูชี้ฟ้า, ดอยแม่สลอง, ดอยวาวี, ดอยผาตั้ง, ภูชี้ดาว, วัดร่องขุ่น, วัดห้วยปลากั้ง, วัดร่องเสือเต้น, พิพิธภัณฑ์บ้านดำ, ตลาดแม่สาย เป็นต้น ซึ่งถ้ามีโอกาสผมจะมาเขียนเรื่องราวถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมนะครับ

แต่ตอนนี้เรามาพูดถึงสถานที่พักหรือโรงแรมที่น่าสนใจภายในจังหวัดเชียงรายกันก่อนดีกว่า เพราะต่อให้มีที่เที่ยวภายในจังหวัดมากมายและน่าเที่ยวขนาดไหน แต่ถ้าที่พักไม่เวิร์คมันก็ไม่น่าไปเนอะ โดยวันนี้ผมมีที่พักในเชียงรายที่น่าสนใจ ราคาไม่แพง มาแนะนำให้ทุกคนรู้จักทั้งหมด 4 ที่ครับ ซึ่งแต่ละที่นั้นจะมีเอกลักษณ์และสไตล์ที่แตกต่างกันพอควร ยังไงลองไล่อ่านกันดูนะครับว่าที่พักแบบไหนน่าจะใช่สไตล์เราที่สุดครับ ^^

1. The Riverie by Katathani

(เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี)

The Riverie by Katathani (เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี) คือโรงแรมห้าดาวในจังหวัดเชียงรายที่มีทุกอย่างครบครัน เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนทั้งฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, สปา, Kids Club, ร้านสะดวกซื้อ, ห้องอาหาร, ห้องสัมมนา และห้องประชุม นอกจากนั้นทำเลที่ตั้งของโรงแรมแห่งนี้ยังดีอีกด้วย เพราะนอกจาก The Riverie by Katathani จะตั้งอยู่ริมแม่น้ำกกที่มีความสวยงามแล้ว ที่ตั้งของเค้ายังอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายเพียง 1.5 กิโลเมตร และห่างจากสนามบินแม่ฟ้าหลวงเพียง 15 นาทีเท่านั้นเองครับ

ใครที่ต้องการห้องพักดีๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ วิวดี พนักงานบริการดี อาหารอร่อย ไลน์อาหารเช้าจัดเต็ม และสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ง่าย โดยที่ไม่มีปัญหาเรื่องบประมาณในการเข้าพักคืนละ 3,000 -5,000 บาท ที่นี่คือตัวเลือกที่เหมาะสมเลยครับ โดยทุกท่านสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มของโรงแรมแห่งนี้ได้ตามลิงก์ข้างล่าง หรือไม่ก็สอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมตามช่องทางที่ผมลงไว้ได้เลยครับ

Fanpage : The Riverie by Katathani
Tel : 053-607999
จองที่พัก The Riverie by Katathani ราคาพิเศษกับ Agoda คลิกที่นี่

2. StayKtion (สเตย์เคชั่น)

Stayktion คือที่พักในเชียงรายที่หลายคนน่าจะชอบ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุที่ต้องการพักผ่อนแบบสบายๆ ต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด และไม่ต้องการวุ่นวายหรือรู้สึกอึดอัดเหมือนการเข้าพักที่โรงแรม เพราะที่ Stayktion นั้นจะเป็นที่พักที่มีรูปแบบเป็นบ้าน 2 ชั้น มีพื้นที่กว้างขวางให้เราได้เดินเล่นหรือใช้เวลาร่วมกัน โดยปัจจุบันนี้ห้องพักเค้าจะมีบริการทั้งหมด 4 ห้อง แต่ละห้องจะมีลักษณะ, ขนาด และ Mood and Tone ที่ไม่เหมือนกัน โดยในการเข้าพักนั้นเราสามารถเลือกจองเพียงแค่ห้องเดียวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องจองทั้งหลังครับ

สำหรับใครที่ดูรูปและอ่านรายละเอียดคร่าวๆ แล้วสนใจอยากจะเข้าพักที่นี่ก็ลองติดต่อหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามช่องทางนี้นะครับ

Website : www.stayktion.com

Tel : 081-750-5108

Facebook : StayKtion สเตย์เคชั่น ที่พัก เชียงราย

LINE ID : @stayktion

E-mail : stayktion@gmail.com

3. สวรรค์บนดิน ฟาร์ม แอนด์ โฮมสเตย์

(Sawanbondin Farm & Home Stay)

สำหรับที่พักแห่งนี้ผมคงไม่บรรยายอะไรมากนะครับ เพราะเขียนไว้คร่าวๆ แล้วตอนที่พูดถึงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวด้านบน เอาเป็นว่าใครที่อยากจะหาที่พักแบบโฮมสเตย์ในเชียงรายที่ราคาไม่แรง ไม่ได้ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากนัก เน้นการใช้ชีวิตแบบช้าๆ Slow Life, จิบชาเงียบๆ พร้อมหนังสือดีๆ ในมือ, นั่งปั้นเครื่องปั้นดินเผาพร้อมฟังเพลงเพราะๆ หรืออยากจะเดินดูสวนสมุนไพรยามเช้าตอนที่พระอาทิตย์พึ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า ที่นี่คือที่ที่คุณควรจะลองไปพักดูครับ รับรองว่าคุณจะประทับใจกับวิถีชีวิตแบบนี้แน่นอน

Facebook : Sawanbondin Farm & Home Stay

4. บ้านดินอาข่า หมู่บ้านหล่อโย

สำหรับที่พักแห่งนี้จะเป็นที่พักที่อยู่ไกลจากตัวเมืองที่สุด และเป็นที่พักที่เป็นเอกลักษณ์มาก เพราะที่นี่คือที่พักที่ทำมาจากดินครับ โดยการมาเข้าพักที่นี่นอกจากเราจะได้ชมธรรมชาติของดอยแม่สลองที่มีความสวยงามแล้ว เรายังได้เรียนรู้วิถีชีวิตและการละเล่นต่างๆ ของชาวเขาเผ่าอาข่าอีกด้วย โดยทุกคนที่สนใจไปพักที่นี่สามารถอ่านเรื่องราวและดูรูปภาพของสถานที่พักของเค้าได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้เลยครับ

Facebook : Akha Mudhouse Maesalong

Tel : 093-2589994

ก็จบแล้วนะครับ สำหรับการแนะนำสถานที่เที่ยวในเชียงรายและโรงแรมที่พักที่ผมว่าน่าสนใจในจังหวัดแห่งนี้ โดยผมพยายามเลือกให้สถานที่ต่างๆ ในบทความนี้มีความหลากหลาย ครอบคลุมความชอบในรูปแบบต่างๆ ก็หวังว่าทุกคนจะถูกใจไม่มากก็น้อยนะครับ

และสำหรับใครที่ชื่นชอบบทความนี้ รวมทั้งอยากจะติดตามเรื่องราวการกินและเที่ยวของผมกับต๋งแบบใกล้ชิดก็สามารถกดติดตามที่แฟนเพจ “ภรรยาหา สามีใช้” ได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก
Exit mobile version