“เขลางค์นคร” ผมเชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะงงกับชื่อของเมืองนี้ และหลายๆ คนอาจจะถึงขั้นต้องขยี้ตาตัวเองซักสองสามรอบว่าผมพิมพ์ผิดหรือเปล่า แต่บอกเลยครับว่าผมพิมพ์ถูกต้อง 100% โดยชื่อเมืองเก๋ๆ เท่ๆ สวยๆ นามว่า “เขลางค์นคร” นั้น คือชื่อในสมัยโบราณของ “จังหวัดลำปาง” เมืองอินดี้ที่หลายๆ คนใช้ชีวิตในวิถีสโลว์ไลฟ์ เมืองที่ไม่หมุนไปตามกาลเวลาเหมือนอย่างใครๆ นั่นเองครับ
โดยหากจะว่าไปนั้นชื่อของจังหวัดลำปางก็ถือเป็นอีกจังหวัดนึงในประเทศไทยที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ทั้งเรื่องของความดั้งเดิม, ความคลาสสิค และความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็เป็นเรื่องที่แปลกมากอีกเช่นกันครับ ที่แม้จังหวัดนี้จะเป็นจังหวัดที่ติดชาร์จอยู่ในกระแสการท่องเที่ยวของไทยมาอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็เป็นจังหวัดที่เราไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำนักว่าเป็นจังหวัดที่เที่ยวที่ฮอตฮิตของประเทศไทย เพราะก็มีอีกหลายจังหวัดที่ทุกคนนิยมกันไปมากกว่า แต่หลังจากที่ทุกคนได้อ่านบทความนี้จนจบ ได้ทำความรู้จักกับจังหวัดแห่งนี้เพิ่มเติม เชื่อผมเถอะว่า……..ทุกคนจะเริ่มหลงเสน่ห์ของเมืองแห่งนี้ เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องวิถีสโลว์ไลฟ์ในสไตล์เด็กแนวๆ เมืองที่มีอะไรให้น่าไปสัมผัสและค้นหามากมาย จนเราอยากจะเก็บกระเป๋าออกจากบ้านแล้วไปเยือนด้วยตัวเองซักที ว่าแล้วก็ตามผมไปดูกันเถอะครับว่า
.
.
.
.
.
มาลำปางแล้วมีที่ไหนให้เราชิลล์บ้างงงงงง ><
ค้นหาที่พักในจังหวัดลำปาง เช็คราคาที่พักใกล้ที่เที่ยวลำปาง คลิกที่ Traveloka
1. ถนนคนเดิน กาดกองต้า
ที่นี่คือตัวแทนของคำกล่าวที่ว่า “กาลเวลาหยุดนิ่งที่เขลางค์นคร” โดยกาดกองต้านั้นเป็นตลาดโบราณ อายุร้อยกว่าปี เริ่มก่อตั้งในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ริมแม่น้ำวังที่มีความความคลาสสิคดั้งเดิมและการผสมผสานกันอย่างลงตัวของสถาปัตยกรรม, อาคารบ้านเรือน และวัฒนธรรมล้านนา, ไทย, จีน และฝรั่งเศส โดยศูนย์กลางการค้าไทย จีน พม่าในยุคโบราณแห่งนี้ได้ผันตัวมาเป็นถนนคนเดินยามค่ำคืนในปัจจุบัน โดยเริ่มเปิดในช่วงเวลา 18.00 น. จนถึง 22.00 น. และเปิดเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น
ใครที่ชอบการเดินตลาดโบราณริมแม่น้ำ น่าจะถูกอกถูกใจกับการไปที่นี่ครับ เพราะแม้เวลาจะเปลี่ยนไปซักแค่ไหน แต่ทำเลการค้าขายและสภาพแวดล้อมโดยรอบกาดกองต้านั้นยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เสมือนเวลาของที่นี่ได้หยุดนิ่งลงครับ
2. วัดพระธาตุลำปางหลวง
วัดคู่บ้านคู่เมืองที่แสนเก่าแก่ของจังหวัดลำปาง และยังเป็นวัดพระธาตุประจำปีฉลูอีกด้วย โดยวัดพระธาตุลำปางหลวงนั้นมีความสมบูรณ์ในการวางผังบริเวณที่ตั้งและการออกแบบ อีกทั้งยังมีความงดงามทางสถาปัตยกรรม, ประติมากรรม และจิตรกรรม รวมไปถึงยังเป็นที่ประดิษฐาน “ พระแก้วดอนเต้า ” หรือพระเจ้าแก้วมรกต พระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะเชียงแสนที่สลักด้วยหยกสีเขียว อันเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปางมาตั้งแต่อดีต
สำหรับสถานที่นี้แม้ไม่ใช่สายวัด สายธรรม แต่ผมขอแนะนำเลยว่าหากใครได้มีโอกาสมาเยือนเมืองลำปาง ก็ควรแวะเข้าไปกราบสักการะและนมัสการพระธาตุลำปางหลวงสักครั้งหนึ่งครับ
3. สถานีรถไฟ นครลำปาง
สถานีรถไฟรุ่นแรกของประเทศไทยที่ยังคงอยู่รอดภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสถานีรถไฟแห่งนี้ออกแบบโดยวิศวกรชาวเยอรมัน ในรูปแบบอาคาร 2 ชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างความเป็นยุโรปในสมัยนั้น กับความเป็นไทยล้านนา จนทำให้มีความชิค เก๋ไม่เหมือนใคร
ปัจจุบันนี้สถานีรถไฟ นครลำปางยังคงมีความงดงามและอยู่ในสภาพดั้งเดิมเหมือนเช่นในอดีต และนี่คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมืองลำปางที่ยังคงความ Vintage ไว้ได้อย่างกลมกลืน จนผมไม่อยากให้ทุกคนพลาดที่จะไปชมเลยครับ
4. สะพานรัษฎาภิเศก หรือสะพานขาว
สะพานรัษฎาภิเศก หรือสะพานขาว คือสะพานข้ามแม่น้ำวังที่ตั้งอยู่บนถนนรัษฎาตามชื่อของสะพาน สะพานแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองลำปาง ตัวสะพานมีเครื่องหมายไก่ขาวและมีครุฑหลวงประดับไว้ที่หัวสะพาน ถือเป็นสะพานร่วมสมัยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ และสามารถอยู่รอดจากสงครามโลกได้ถึง 2 ครั้ง นับเป็นสะพานแห่งประวัติศาสตร์เลยครับ
5. วัดปงสนุก หรือวัดปงสนุกเหนือ
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ 1,300 ปีก่อน และได้รับการบูรณะต่อเติมมาโดยตลอด โดยวัดปงสนุกถือเป็นวัดที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของจังหวัดลำปาง เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองเสาแรกของเขลางค์นคร แถมยังเคยได้รับรางวัล Award of Merit จากองค์การ UNESCO ด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วยครับ โดยรางวัลนี้ถือเป็นการการันตีความงดงามของจังหวัดลำปางที่ยังมีความงามแบบดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมโบราณอันควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมสักครั้งในชีวิต
6. วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์
วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือวัดพระบาทปู่ผาแดง ตั้งอยู่ในอำเภอแจ้ห่ม เป็นวัดที่มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงด้านความงดงามของเจดีย์สีขาวขนาดเล็กที่สร้างสลับไปมาบนยอดหินปูนสีขาว ที่มีการแซมด้วยพุ่มหญ้าสีเขียวสูงเสียดฟ้า และล้อมรอบด้วยทิวเขาสูงตระการตา
ด้วยภูมิประเทศที่มีความสวยงาม ประกอบกับการสร้างสถาปัตยกรรมสวยๆ ลงไปได้อย่างลงตัว ทำให้วัดแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามอลังการมาก เรียกว่าสวยท้าหมอก ท้าฝนและลมหนาว สวยงามทุกฤดู และควรค่าแก่การมาชมด้วยตาตัวเองสักครั้งครับ
7. แช่น้ำแร่ธรรมชาติ บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
พื้นที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนคือพื้นที่ที่อุดมไปด้วยความหลากหลายของธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทั้งป่าเขาเขียวขจี, สัตว์นานานาพันธุ์, ขุนเขา, น้ำตกอันสวยงาม, เส้นทางศึกษาธรรมชาติและบ่อน้ำแร่ร้อนแจ้ซ้อน โดยไฮไลท์ของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนก็คือ บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนซึ่งเกิดจากพื้นที่บริเวณน้ำพุร้อนที่อยู่ห่างจากน้ำตกแจ้ซ้อนประมาณ 1 กิโลเมตร ดังนั้นธารน้ำจากน้ำตกจึงไหลมาบรรจบกับน้ำแร่ร้อน กลายเป็นธารน้ำแร่อุ่นที่มีอุณหภูมิสูงประมาณ 70 – 80 องศาเซลเซียส ทางอุทยานจึงได้สร้างบ่อแช่น้ำแร่ร้อนให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการ โดยมีทั้งแบบบ่อรวมและบ่อส่วนตัวครับ
สำหรับบ่อแช่น้ำแร่ธรรมชาติของที่นี่นั้นเคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism Award) ปี 2543 ในด้านการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกในอุทยานแห่งชาติได้กลมกลืนกับธรรมชาติ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมรอบๆ อุทยานแห่งนี้ยังสวยงาม เก๋ ดูดีไม่แพ้รีสอร์ทหรูๆ จนหลายคนถึงกับเอ่ยปากว่าการแช่น้ำแร่ร้อนที่แจ้ซ้อนนั้น ดีงามไม่แพ้การแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นเลยครับ!!
8. ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ที่วัดพระธาตุดอนพระณาน
วัดพระธาตุดอนพระณาน คือ วัดที่ตั้งอยู่บนดอยพระณานอันเงียบสงบในตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง โดยนอกจากความเงียบสงบที่ทำให้เราได้พักใจอย่างแท้จริงแล้ว ทำเลที่ตั้งของวัดที่อยู่บนยอดเขาสูงยังทำให้เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามรอบอำเภอแม่ทะได้แบบพาโนรามา 360 องศาเลยครับ
ภาพฉากหลังอันเป็นแนวทิวเขาที่สมบูรณ์ด้วยป่าเขียวขจี มันเป็นอะไรที่สวยงามและสบายตามาก ยิ่งถ้าใครได้มาที่นี่ในช่วงเช้าๆ ของฤดูฝนและฤดูหนาวแล้ว บอกเลยว่าบรรยากาศจะยิ่งดีและยิ่งฟินขึ้นอีกเป็นหลายเท่า เพราะฉากหน้าของวิวทิศทัศน์อันสุดลูกหูลูกตานั้นจะเต็มไปด้วยทะเลหมอกที่แสนงดงาม กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง และจะค่อยๆ จางหายไปเมื่อแสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าเริ่มทำงานครับ
9. หล่มภูเขียว
หล่มภูเขียว คือ แอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายแอ่งภูเขาไฟ โดยหล่มภูเขียวนั้นตั้งอยู่บนภูเขาสูงในเขตอุทยานแห่งชาติผาไทอันแวดล้อมไปด้วยป่าดิบแล้งและผาหินปูน ซึ่งนอกจากความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่อยู่รอบๆ และความเงียบสงบที่เราไม่อาจหาได้จากการใช้ชีวิตในเมืองแล้ว หล่มภูเขียวยังงดงามด้วยภาพแอ่งน้ำที่ทั้งใสนิ่ง และลึกสุดสายตา มีสีน้ำเป็นสีฟ้าไล่เฉดไปจนถึงสีเขียวมรกต อีกทั้งยังมีฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมา ให้ความรู้สึกที่ Real กับความสวยงามของภาพตรงหน้า และถือเป็นอีกหนึ่ง Unseen ที่แอบซ่อนอยู่ภายในจังหวัดนี้ รอวันที่เราไปค้นหาและสัมผัสครับ
10. ดอกเสี้ยวบาน บ้านป่าเหมี้ยง
ดอกเสี้ยวป่าสีขาวบริสุทธิ์ ดอกไม้พื้นเมืองที่หาดูได้ยากมาก โดยดอกนี้จะมีลักษณะดอกเป็นกลีบสีขาว 5 กลีบ แต้มด้วยสีชมพูที่กลีบใหญ่ และจะบานสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยเฉพาะบริเวณเส้นทางการเดินทางที่กิโลเมตรที่ 14 จากอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน บ้านป่าเหมี้ยง ที่มีระดับความสูงมากกว่า 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะมีดอกเสี้ยวบานสวยงามทั้งสองฝั่งเลยครับ
11. ทุ่งดอกบัวตอง แม่เมาะ
ทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองอร่าม บนเนื้อที่กว่า 500 ไร่ ในเขตพื้นที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงมากของจังหวัดลำปางครับ โดยทุ่งดอกบัวตองจะบานประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น โดยเริ่มบานช่วงต้นฤดูหนาว หรือกลางเดือนพฤศจิกายน (ขึ้นกับสภาพอากาศในแต่ละปี)
โดยจากจุดชมวิวทุ่งดอกบัวตองที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะจัดทำไว้ เราจะสามารถมองเห็นทุ่งดอกบัวตองในมุมสูงแบบ Panorama 360 องศา และมีฉากหลังเป็นแผ่นน้ำและทิวเขาสูง ถือเป็นความสวยงามอลังการแบบที่เราไม่สามารถหาดูวิวแบบนี้ได้จากทุ่งดอกบัวตองที่อื่นเลยครับ
